ตามรอยพระพุทธบาท

เกาะพระหัตถ์ (เกาะง่าม) จ.ชุมพร 20 ก.พ.54 ตอนที่ 4 (ตอนจบ)
praew - 7/3/11 at 09:37

 ตอนที่ 1 | ตอนที่ 2 | ตอนที่ 3




.....สำหรับตอนนี้คงจะเป็นตอนสุดท้าย กว่าจะเล่าเรื่องในตอนจบนี้ ผ่านเป็นเวลานานถึง 5 เดือนแล้ว แต่คิดว่าท่านที่ร่วมเดินทางไปด้วย หรือผู้เยี่ยมชมทั่วไปที่รออ่านเรื่องนี้อยู่ คิดว่าคงจะติดตามอ่านให้จบกันไปเลย คงจะต้องย้อนเล่าเรื่องตอนที่ 3 ว่าได้เดินทางออกมาจาก วัดถ้ำสำเภาทอง กันแล้ว

ในตอนบ่ายก็ได้เดินทางไปเที่ยวที่ หาดทรายรี ปากน้ำชุมพร โดยแต่ละคนต่างก็แยกย้ายกันไป ส่วนใหญ่ก็เข้าไปกราบไหว้ที่ อนุสาวรีย์เสด็จกรมหลวงชุมพร ฯ พร้อมกับได้ถวายประทัดกันเสี่ยงดังลั่นไปหมด หลังจากนั้นก็เดินทางกลับมาค้างคืนในตัวเมืองชุมพร เมื่อได้เข้าที่พักอาบน้ำอาบท่ากันแล้ว ต่างก็พากันออกไปเดินเล่นชมตลาด เพื่อทานอาหารเย็นและซื้อของฝากเป็นที่ระลึกกันต่อไป

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2554 (ท่าเทียบเรือ อบจ. - เกาะง่าม)


ตอนเช้าวันนี้ เวลา 06.00 น. ทุกคนต่างมีนัดว่าจะต้องตื่นขึ้นมาทานอาหารเช้าในที่พัก หลังจากเสร็จเรียบร้อยกันแล้ว รถเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร (อบจ.) ก็ได้นำไปที่ท่าเทียบเรือ อบจ. เพื่อลงเรือไปที่เกาะง่าม


คณะตาพระยาช่วยกันนำ "กระทงบายศรีพญานาค" ที่จัดทำโดย คุณบำรุง-คุณน้อย จากสุโขทัย แล้วก็มีพวกเราช่วยกันทำเป็น 2 ชุดด้วยกัน ส่วนผ้าสไบทองผืนยาวที่จะไปถวาย คุณก๊วยเจ๋ง-คุณหลี พร้อมคณะ ช่วยกันผูกทุ่นไว้ด้วย เพื่อให้ลอยไปในทะเล เนื่องจากเราไม่สามารถจะขึ้นไปกราบรอยพระพุทธหัตถ์ได้ คงได้แต่ลอยเรือไปรอบๆ เท่านั้น


เรือที่เช่าไว้มี 2 ลำ คือ เรือลำใหญ่ของ "ชุมพรคาบาน่า" ที่พวกเราได้ไปติดต่อไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่เนื่องจากมีคนไปเป็นจำนวนมาก จึงต้องเช่าเรือเพิ่มอีกลำหนึ่ง คือเรือโดยสารที่วิ่งไปเกาะเต่า ค่าเช่าเรือลำแรก คุณมายิน เดียวสุรินทร์ และครอบครัว เป็นเจ้าภาพ ส่วนลำที่สอง หลวงพี่ชัยวัฒน์เป็นเจ้าภาพ



ภาพนี้เป็นเรือของ "ชุมพรคาบาน่า" บรรทุกได้ไม่เกิน 100 คน
ได้จับฉลากกันก่อนหน้านี้แล้ว ทุกคนจึงทราบดีว่าจะต้องลงเรือลำไหนกันบ้าง



ช่างภาพลงเรือลำที่ 1 ไปแล้ว จึงได้ถ่ายภาพไปที่สะพานท่าเทียบเรือ มีบางคนที่กำลังรอลงเรือลำที่ 2



เรือลำที่ 2 กำลังวิ่งเข้ามาที่ท่าเทียบเรือ ผิดเวลานัดไปเล็กน้อย แต่เจ้าของก็บริการดี



การลงเรือในครั้งนี้ ได้รับความสะดวกจากญาติของหลวงพี่ชัยวัฒน์ที่อยู่ชุมพร ชื่อ "อาเล็ก"
เป็นผู้ประสานงาน พร้อมกับจัดเตรียมอาหารเพลสำหรับพระภิกษุ และน้ำดื่มสำหรับทุกคนอีกด้วย



บรรยายกาศยามเช้า อากาศสดใสเย็นสบาย เรือได้วิ่งเข้ามาเทียบท่า พวกเราก็เดินลงเรือจนครบถ้วน



ภายในเรือลำที่ 1 (ชั้น 2) มีที่นั่งอย่างสะดวกและปลอดภัย ชั้นล่างมีห้องน้ำด้วย
เรือลำใหญ่กว่าที่เคยมาถ่ายทำกับ คุณหนุ่ม (คงกะพัน) รายการ "เรื่องจริงผ่านจอ" เมื่อปี 2552
ปรากฏว่าในคราวนั้น มีพระอาทิตย์ทรงกลดด้วย ซึ่งเป็นการบอกให้หลวงพี่ต้องนำคณะเดินทางมาในครั้งนี้อีก



ระหว่างนั่งเรือออกไปกลางทะเล มีการร้องเพลงอวยพรวันเกิด (happy birthday) ให้แก่เจ๊ชุ้น จากภูเก็ตด้วย



เรือลำที่ 1 คุณมายินเตรียมแจกลูกอมและขนมกินเล่น เพื่อป้องกันการเมาคลื่นแก่ทุกคนด้วย



กระทงบายศรีจัดทำอย่างสวยงาม หลวงพี่ชัยวัฒน์ได้เริ่มสรงน้ำหอมปิดทอง จากนั้นพวกเราก็ได้บูชาตาม



หลวงพ่อสุรพงษ์ จากวัดถ้ำรัตนบุปผา อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี พร้อมคณะศิษย์ฯ ได้ร่วมเดินทางไปด้วย



ระหว่างนี้มีการทำบุญ หลวงพี่ได้มอบหน้าที่ให้แก่ญาติผู้ใหญ่ "คณะกองทุน" เป็นผู้นับเงิน



หลวงพี่ได้เริ่มจารึกชื่อในผ้าห่มสีทอง ที่จะนำไปลอยในทะเลเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา



หลังจากนั้นมีคณะผู้ร่วมเดินทางทุกคน ต่างก็เดินเข้าแถวเพื่อเซ็นต์ชื่อของตนเองกันต่อไป
ปรากฏว่าเรือลำที่ 2 "กุ้ง" จากแปดริ้ว ช่วยเขียนตัวหนังสือให้มีความหมายสูงสุด คือพระนิพพาน



หลวงพ่อสุรพงษ์ และ หลวงพ่อวิชา เจ้าอาวาสวัดถ้ำสำเภาทอง จ.ชุมพร ยืนถ่ายรูปร่วมกัน



คณะศิษย์หลวงพ่อสุรพงษ์ ร่วมเดินทางมาด้วยหลายคน มี คุณสุชัย (ท้ง) ชินบุตรานนท์ เป็นผู้จัดรถตู้



หลังจากกลับไปแล้ว มีหลายคนบ่นเสียดาย ที่ไม่ได้ร่วมเดินทางมาด้วย



หลวงพี่ได้เดินทักทายญาติโยมทั้งหลาย พร้อมกับเล่าว่าท่านเดินทางมาเป็นครั้งที่ 3 แล้ว



เรือวิ่งสู่ทะเลที่เรียบสงบ วิ่งไปประมาณ 40 นาที ก็เห็นเกาะง่ามเล็ก และเกาะง่ามใหญ่



เรือลำที่ 1 มองเห็นรอยพระพุทธหัตถ์แต่ไกล ส่วนเรือลำที่สองได้วิ่งไปอีกด้านหนึ่ง



มองไกลๆ เหมือนรองเท้า ด้วยเหตุนี้เกาะแห่งนี้ ชาวบ้านจึงเรียกว่า "เกาะรองเท้า"



เรือวิ่งเข้าใกล้อีก จะเห็นเป็นรองเท้าได้ชัดเจน (เกาะง่ามเล็ก และ เกาะง่ามใหญ่)



มองในระยะใกล้ๆ จะเห็นเป็นพระพุทธหัตถ์ในลักษณะพนมมือ



ครั้งนี้สามารถมองเห็นนิ้วหัวแม่มือได้ชัดเจนกว่าครั้งก่อนๆ



ในตอนสำคัญนี้ หลวงพี่ได้เตรียมตัวที่จะทำพิธีบูชากันบนเรือก่อน



ทุกคนจึงร่วมพนมมือตั้งจิตอธิษฐานไปด้วย



จากนั้นเดินลงไปชั้นล่าง เพื่อไปที่ท้ายเรือ ในขณะนี้เรือลำที่ 2 วิ่งมาใกล้ๆ



ระหว่างนี้ก็ได้ถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก โดยมีภาพเกาะพระพุทธหัตถ์อยู่เบื้องหลัง



นับว่าโชคดีที่วันนี้คลื่นลมสงบ เรือวิ่งไปไม่ต้องโต้คลื่น ไม่เหมือนครั้งแรกเมื่อปี 2548 โดนทั้งฝนทั้งลม



ใครเป็นใครขอให้ดูกันเอาเองนะจ๊ะ...



เรือลำที่ 2 วิ่งมาเทียบอยู่ใกล้กันแล้ว



คนที่อยู่ในเรือต่างก็โบกไม้โบกมือให้กัน



ภาพนี้กำลังเวียนรอบเกาะ 3 รอบ ต่างก็สวดอิติปิโสและคาถาเงินล้านไปด้วย



เจ้าหน้าที่ของเรือบอกว่า วันนี้พวกเรานับว่าโชคดีมากที่คลื่นลมสงบ



หลังจากกลับมาแล้ว มีบางคนได้อธิษฐาน แล้วได้เห็นน้ำรอบเกาะเป็นสีรุ้ง บางคนเห็นเป็นลำตัวพญานาคด้วย



เสียงสวดมนต์ดังลั่นไปทั่วบริเวณนั้น ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย ทุกคนตื่นเต้นและดีใจ



เกาะง่ามแห่งนี้ เป็นสัมปทานรังนกนางแอ่น จึงห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปบนเกาะ
ชาวบ้านเล่าว่า เคยมีคนงานนำผู้หญิงไปนอน ปรากฏว่าต้องรีบนำกลับมาส่งทันที
เพราะไม่รู้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง พวกเราโชคดีที่รู้คุณค่า โดยคุณศราวุธ ราชบุรี เป็นผู้ค้นพบก่อน
ซึ่งหลวงพี่ชัยวัฒน์เห็นว่า มีลักษณะชัดเจนกว่ารอยพระหัตถ์ที่เมืองลา สิบสองปันนา



ภาพนี้ถ่ายไปเรือลำที่ 2 มีหลวงพี่วิเชียร จากวัดท่าซุง และ หลวงตาจ๊อด จากวัดสิริเขตคีรี สุโขทัย
พร้อมด้วยทุกคนกำลังอัญเชิญกระทงบายศรี ซึ่งได้ผูกติดกับผ้าสไบทอง (มีทุ่นด้วย)



ในขณะนี้ หลวงพี่วิเชียรก็ได้เปิดเทปบวงสรวง โดยเตรียมเครื่องเสียงไปทั้งที่ไม่ได้นัดกันไว้เหมือนบุญบันดาล
ทุกคนในเรือทั้งสองลำ ต่างมองเห็นกันใกล้ๆ ได้ร่วมสวดมนต์บูชาสักการะพร้อมๆ กัน นับว่าหายากจริงๆ



เสียงพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ดังก้องไปท้องน้ำ พวกเราปลื้มใจที่ได้กราบไหว้พระพุทธหัตถ์กันกลางทะเล



ภาพนี้เป็นเรือลำที่ 1 หลวงพี่ลงไปอยู่ที่ท้ายเรือเพื่อปล่อยกระทงบายศรีลงไป
ในขณะที่เรือวิ่งไปช้าๆ คนที่อยู่ในเรือลำที่ 2 บอกว่าได้เห็นพิธีนี้อย่างชัดเจนเช่นกัน



ทุกคนแหงนมองดูไปที่เกาะพระพุทธหัตถ์ ท่ามกลางอากาศที่แจ่มใส สายน้ำที่เห็นมองเห็นเป็นสีรุ้ง



กระทงบายศรีนำผ้าสไบทองลอยพริ้วไปเป็นทางยาว พอลอยไปไกลๆ มองเห็นเหมือนพญานาคกำลังเล่นน้ำ









จิตใจน้อมรำลึกถึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า พร้อมด้วยเครื่องสักการบูชาทั้งหลายเหล่านี้
เป็นประโยชน์อย่างสูงสุด และความสุขอย่างยอดเยี่ยม นั่นคือ "พระนิพพาน" นั่นเอง



ภาพได้ขยายไปทุกมุมกล้อง เพื่อได้เห็นภาพทั้งใกล้และไกล ขอบคุณทุกท่านที่ส่งภาพมาให้ชมกันค่ะ



หลังจากเสร็จพิธีแล้ว เรือทั้งสองลำก็วิ่งห่างออกมา พร้อมกับจุดประทัดเป็นการปิดท้ายในการบูชา
เรือวิ่งกลับมาสู่ท่าเทียบเรือด้วยความปลอดภัย ในระหว่างนั้น พระภิกษุทั้ง 5 รูปก็ได้ฉันเพลเสร็จเรียบร้อยพอดี



ทุกคนขึ้นมาจากเรือแล้ว ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ ต่างก็เข้ามาถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกที่หน้าสำนักงานท่าเทียบเรือ อบจ.



จากนั้นก็ร่ำลาเดินทางกลับ หลังจากได้ไปเวียนเทียนวันมาฆบูชาที่ "พระใหญ่" ปากน้ำหลังสวน
เมื่อวันที่ 18 วันรุ่งขึ้นได้ไปเที่ยวที่ "ถ้ำขันเงิน" ชมพระปรมาภิไธยย่อ "จปร.๑๐๘" ในถ้ำ
แล้วก็ไปกราบไหว้รอยพระพุทธบาทที่เขาพริก ต.ทุ่งคา อ.เมือง จ.ชุมพร



ต่อจากนั้นไปทอดผ้าป่าที่ วัดถ้ำสำเภาทอง ตอนบ่ายก็ไปเที่ยวหาดทรายรี
สุดท้ายก็มาจบโปรแกรมที่ "เกาะง่าม" (เกาะพระหัตถ์) เป็นการปิดท้ายรายการ Trip นี้
จึงขออนุโมทนาทุกท่านที่ร่วมเดินทางครั้งนี้ ขอให้ทุกท่านได้สมความปรารถนานะค่ะ
ตามที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ในที่ทุกแห่งทุกประการเทอญฯ



webmaster - 20/7/11 at 09:51

เชิญชมม "คลิปวีดีโอ" รายการ "เรื่องจริงผ่านจอ"
ออกอากาศทางช่อง 7 วันที่ 9 ก.ค. 2552




"ตามรอยพระพุทธบาท เกาะง่าม (เกาะพระหัตถ์) จ.ชุมพร"


webmaster - 3/6/17 at 15:32

.