การเดินทางไปภาคอีสาน 24 มิ.ย - 5 ก.ค 2554 (ตอนที่ 2)
webmaster - 23/8/11 at 15:23
วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔ (อุบลราชธานี)
๑๕. รอยพระพุทธบาทภูถ้ำทอง วัดภูถ้ำทอง ต.พระลาน อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี (พบใหม่)
.......การเดินทางมาครั้งนี้ หลวงพี่มีข้อมูลอยู่ในมือแล้ว การกำหนดเส้นทางของท่าน จะต้องเตรียมไว้ล่วงหน้า ส่วนข้อมูลต่างๆ
บางแห่งก็มีผู้แจ้งข่าวมาทางอีเมล์ นี่ก็เก็บงานที่ค้างมาเรื่อยๆ นับตั้งแต่เริ่มออกเดินทางเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.54 รถวิ่งไปตามถนนสายเลียบแม่น้ำโขง
นับตั้งแต่มุกดาหารล่องลงมาทางโขงเจียม
ตอนนี้ก็เข้ามาอยู่ในเขต วัดภูถ้ำทอง ซึ่งจะต้องขับรถเข้ามาในป่าลึกพอสมควร รถวิ่งขึ้นเขาไปเรื่อยๆ จะเห็นบริเวณลานหินกว้างใหญ่ ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เลย
บรรยากาศเงียบสงบ ในช่วงสายๆ มีร่องรอยฝนตกมาก่อนแล้ว ต้องจอดรถแล้วลงเดินไปที่พระพุทธรูปใหญ่ แล้วมุ่งไปตามผลาญหิน
พร้อมทั้งสอดสายตาสำรวจรอยพระพุทธบาทไปด้วย จนกระทั่งเดินถึงมณฑปครอบพระพุทธบาท มองเข้าไปข้างในจะเห็นเป็นรอยจำลอง
แต่เมื่อได้เดินสำรวจบริเวณโดยรอบ จะเห็นรอยจริง (แต่ไม่ชัดเจน) มีอยู่ ๒ รอย
รอยที่ ๑ กว้าง ๙๐ ซ.ม. ยาว ๒๒๐ ซ.ม. รอยที่ ๒ กว้าง ๔๐ ซ.ม. ยาว ๑๒๘ ซ.ม. เป็นรอยเกือกแก้ว
มีคนวางก้อนหินเล็กๆ กั้นไว้โดยรอบ
บางรอยที่พวกเราพบใหม่ ก็จะช่วยกันนำก้อนหินเล็กๆ มาวางไว้เป็นขอบเขตเช่นกัน
๑๖. วัดโพธิ์สามยอด ต.พระลาน อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี
ระหว่างทางได้แวะเข้าไปทำบุญสร้างวิหาร ๕๐๐ บาท และตรงข้ามวัดเยื้องมาเล็กน้อย
ริมถนนเห็นมีก้อนหินที่มีลักษณะคล้ายรอยประทับนั่งอยู่หลายก้อน
อีกทั้งมีลักษณะเหมือนศาลเพียงตา มีรั้วกั้นรอบบริเวณ มองดูน่าจะมีคนกราบไหว้สถานที่นี้
แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะสอบถามใครได้ หลวงพี่จึงได้เดินลงไปสำรวจ
มองออกไปจากซุ้มประตูวัด จะเห็นศาลหลักเมืองอยู่หน้าวัด
๑๗. รอยพระพุทธบาทภูนกหงส์ สำนักสงฆ์ภูนกหงส์ บ้านแก้งอะฮวน ต.ท่าหลวง อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี (พบใหม่)
รถวิ่งจาก อ.ตระการพืชผล ไปถึงวัดแห่งนี้มีระยะทาง ๓๗ กิโลเมตร ตามข้อมูลที่มีอยู่แล้ว
รถวิ่งขึ้นไปบนเขาซึ่งมีสภาพถนนเป็นทางธรรมชาติ ข้างบนเป็นลานกว้างใหญ่
มองเห็นพระเจดีย์ยอดทรงดอกบัวตูม ภายในพระเจดีย์มีรอยพระพุทธบาท ขนาดกว้าง ๖๔ เซนติเมตร
ยาว ๑๖๗ เซนติเมตร ซึ่งมีการแต่งรอยพระพุทธบาทให้ชัดเจนขึ้นจากรอยเดิม
โดยพระอาจารย์เสถียร ฐิตะสีโล ได้เข้ามาปฏิบัติธรรมที่สถานที่นี้ตั้งแต่ ปีพ.ศ. ๒๕๒๗ และมรณภาพ พ.ศ. ๒๕๔๖
ศพของท่านไม่เน่า ได้นำมาประดิษฐานไว้ในเจดีย์ที่ครอบรอยพระพุทธบาท
ระหว่างนี้จึงได้ร่วมทำบุญสร้างถนนกับเจ้าอาวาส เป็นเงิน ๒,๔๐๐ บาท
วันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ (อุบลราชธานี - ยโสธร)
๑๘. สำนักสงฆ์ภูผักแพว บ้านหนองแสง ต.ช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี
หลวงพี่เคยมาเมื่อ ๑๐ ปีที่แล้ว เดิมมีรอยพระพุทธบาทอยู่หลายรอยในป่าหน้าวัด
แต่ตอนนี้ป่ารกหาไม่เจอ หลวงพี่จึงได้เดินนำเข้าไปกราบรอยตากผ้าและแท่นประทับนั่ง
ซึ่งหลวงพี่เคยถวายเงินสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๑๐ ศอก เวลานี้ไม่มีพระจำพรรษาอยู่เลย
มีแม่ชีคอยดูแลอยู่ แต่ตอนนี้แม่ชีออกไปธุระข้างนอกวัด
แผ่นหินนี้มี "รอยตากผ้าจีวรของพระพุทธเจ้า" มีเส้นเป็นคันนาตามธรรมชาติ
ก้อนหินนี้เป็นแท่นที่ประทับของพระพุทธเจ้า
๑๙. รอยพระพุทธบาทสำนักสงฆ์บ่อน้ำทิพย์ บ้านด่านแม่น ต.ช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี (พบใหม่)
สำหรับสถานที่นี้หลวงพี่ไม่มีข้อมูลมาก่อน แต่ได้เห็นป้าย "สำนักสงฆ์บ่อน้ำทิพย์" อยู่แถวนั้น
ท่านจึงบอกให้ขับรถเข้าไป เพราะสงสัยว่า "บ่อน้ำทิพย์" อาจจะเป็นรอยพระพุทธบาทก็เป็นได้
ปรากฏว่าเมื่อจอดรถแล้วเดินเข้าไปในบริเวณวัด พบกับพระสงวน ธัมมธีโร ท่านเป็นเจ้าอาวาส
ท่านได้พาเดินนำไปที่มีรอยพระพุทธบาท พบว่ามีอยู่ ๒ รอย รอยที่ ๑ กว้าง ๗๐ เซนติเมตร
ยาว ๑๓๐ เซนติเมตร ส่วนรอยที่ ๒ กว้าง ๔๗ เซนติเมตร ยาว ๑๒๗ เซนติเมตร
แต่ละรอยอยู่ใกล้กัน มุงหลังคาสังกะสีครอบไว้ และก่ออิฐกั้นไว้รอบๆ
หลวงพี่ดีใจที่ได้พบรอยใหม่ จึงนำผ้าห่มสีทองมาผูกเป็นผ้าม่าน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
เจ้าอาวาสบอกว่าเป็นรอยเกือกแก้ว หลวงพี่ยิ้มๆ แล้วบอกว่า ท่านเองเป็นผู้ตั้งชื่อนี้
เจ้าอาวาสซึ่งไม่เคยรู้จักหลวงพี่มาก่อนจึงเข้าใจ และท่านก็ดีใจที่ได้พบผู้สำรวจรอยพระพุทธบาท
จึงได้ถวายหนังสือตามรอยพระพุทธบาท ๑ ชุด เล่มเล็ก และหนังสือรายชื่อพระธาตุ-พระธาตุอีก ๑ เล่ม
ถวายเงินเป็นค่าใช้จ่ายในวัด ๒,๐๐๐ บาท และถวายพระส่วนองค์ๆ ละ ๒๐๐ บาท จำนวน ๒ รูป
๒๐. สำนักสงฆ์พระพุทธบาท(ตากผ้า) บ้านหนองเต่า ต.เหล่าเสื้อโก๊ก อ.เหล่าเสือโก๊ก จ.อุบลราชธานี (ไม่มีรูปภาพประกอบ)
......รถได้วิ่งจาก อ.ตระการพืชผล ตรงไปที่ อ.เหล่าเสือโก๊ก เข้าไปถึงบ้านหนองเต่า พบป้ายชื่อ "สำนักสงฆ์พระพุทธบาท (ตากผ้า)" จึงได้ขับรถเข้าไปทันที
พบพระภายในวัด หลวงพี่ได้ถามว่าในวัดนี้มี "รอยตากผ้าจีวรของพระพุทธเจ้า" ด้วยหรือ
เจ้าสำนักท่านบอกว่าไม่มี แต่ได้ตั้งชื่อตามที่เคยเห็นมาก่อน แต่ไม่ได้อยู่ในวัด หลวงพี่ถามว่าอยู่ที่ไหน ท่านบอกว่าอยู่ริมแม่น้ำเซบาย ห่างไปจากวัด ๒
กิโลเมตร เป็นตารางคันนาชัดเจนมาก กว้างยาวโดยประมาณ ๖ เมตร ปัจจุบันน้ำท่วมไปแล้ว
ท่านยืนยันว่าได้เคยเห็นด้วยตาตนเองมาแล้ว ก่อนที่น้ำจะท่วม จึงคิดจะสร้าง "รอยพระพุทธบาทจำลอง" ไว้ที่นี่ หลวงพี่จึงได้ร่วมทำบุญสร้างรอยพระพุทธบาทจำลอง
และสร้างมณฑปหลวงปู่ชา เป็นจำนวนเงิน ๒,๐๐๐ บาท
๒๑. วัดป่าโนนจ่าหอม บ้านหนองเต่า ต.เหล่าเสือโก๊ก อ.เหล่าเสือโก๊ก จ.อุบลราชธานี
พวกเรามีจุดมุ่งหมายที่จะร่วมทำบุญที่นี่ จึงเข้าไปร่วมทำบุญสร้างพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์
และร่วมสร้างทุกๆ อย่าง ๒,๒๐๐ บาท แต่เจ้าอาวาสกำลังพักผ่อน จึงได้ฝากไว้กับพระเลขาของท่าน
๒๒. พระมหาเจดีย์สิริมหาเทพ "สถานปฏิบัติธรรมพรปิยะ" อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี
รถวิ่งสู่ อ.เขื่องใน เพื่อจะไปที่ จ.ยโสธร ระหว่างทางเห็นป้ายบอกร่วมสร้างพระเจดีย์
หลวงพี่จึงได้แวะเข้าไปร่วมทำบุญสร้างมหาเจดีย์ เป็นจำนวนเงิน ๓,๐๐๐ บาท
เจ้าอาวาสมาจาก วัดป่าแดนนาบุญ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ท่านได้มาสร้างพระเจดีย์ถึงที่นี่
ll กลับสู่สารบัญ
webmaster - 23/8/11 at 15:30
วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ (ยโสธร - ชัยภูมิ)
๒๓. วัดพระพุทธบาทยโสธร บ้านหนองยาง ต.หัวเมือง อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร
......วันนี้ได้เดินทางมาจากอุบลฯ ถึงยโสธรแล้ว การเดินทางมาครั้งนี้หลวงพี่มีเป้าหมายที่จะไปสำรวจวัดต่างๆ ที่มีการตั้งชื่อ "พระพุทธบาท"
โดยตรงมานานแล้ว นับตั้งแต่ที่ไปมาแล้วคือที่ วัดพระพุทธบาทชนแดน เป็นต้น
เมื่อรถเข้าไปถึงหน้าวัด จะมองเห็นอุโบสถอันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหยกขาว
ขนาดหน้าตักกว้าง ๒.๓๑ เมตร สูง ๓.๗ เมตร ซึ่งถือเป็นพระพุทธรูปหยกขาวใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
นี่คือพระมหาวิหารครอบพระพุทธบาทที่เพิ่งจะสร้างเสร็จไม่นานนัก ภายในเป็นที่ประดิษฐาน
พระพุทธรูปศิลา "ปางนาคปรก" และ "รอยพระพุทธบาทจำลอง" ที่จำหลักจากหินทราย
นับว่าเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ที่วันนี้เจ้าหน้าที่ของวัดได้นำยอดฉัตร ๕ ชั้น มาวางไว้พอดี คราวก่อนหลวงพี่ก็โชคดีได้ปิดทอง "ยอดพระเกตุ"
พระพุทธรูปยืนที่ วัดพระนอนจักรสีห์ จ.สิงห์บุรี ในตอนนั้นช่างก็นำยอดพระเกตุลงมา ในขณะที่หลวงพี่ไปถึงพอดี หลวงพี่เล่าว่าท่านได้สร้างบุญบารมี
ด้วยการสร้างยอดฉัตรมาแล้วมากมาย โดยเฉพาะสถานที่สำคัญในประเทศพม่า เช่นยอดฉัตรที่พระธาตุอินทร์แขวน และยอดฉัตรที่พระวิหารพระมหามุนี เมืองมัณฑเลย์
เป็นต้น
พระพุทธรูปนาคปรก รอยพระพุทธบาทจำลอง และศิลาจารึกอักษรขอม ได้อัญเชิญมาตั้งแต่สมัยอโยธยา (ชื่อเก่าของอยุธยา)
ข้อความบนศิลาจารึกที่เป็นอักขระขอมผสมบาลีนั้น มีสภาพลบเลือนจนไม่สามารถอ่านได้อย่างสมบูรณ์ แต่พอจะถอดความได้ว่าโบราณวัตถุทั้ง ๓ นี้ พระมหาอุตตปัญญา
และสิทธิวิหาริก (ผู้ศรัทธาหรือลูกศิษย์) นำมาจากกรุงศรีอยุธยา เมื่อพ.ศ. ๑๓๗๘
เห็นมีนั่งร้านอยู่ใกล้ๆ ท่านจึงให้พวกเราเข็นมาแล้วปีนขึ้นไปปิดทองและสรงน้ำหอมทันที
อีกทั้งได้ร่วมทำบุญสร้างมหาวิหารครอบพระพุทธบาท ๔,๖๔๐ บาท รวมทั้งเงินที่ให้คนงานที่กำลังทาสีอยู่ด้วย
จากนั้นได้ถ่ายรูปที่ด้านหน้าพระพุทธบาท แล้วเข้าไปชมพระเจดีย์มหาชนะชัย
๒๔. วัดบ้านเขื่องคำ บ้านเขื่องคำ ต.เขื่องคำ อ.เมือง จ.ยโสธร
ระหว่างทางเห็นป้ายสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ หลวงพี่จึงให้พวกเราเข้าไปทำบุญ ๒,๐๐๐ บาท
ปรากฏว่าเจ้าอาวาสจำชื่อหลวงพี่ได้ บอกว่าเมื่อปีก่อนท่านก็ได้แวะเข้ามาทำบุญ แต่หลวงพี่ลืมไปแล้ว
๒๕. วัดภูแผงม้า บ้านทรัพย์เจริญ หมู่ ๗ ต.ศรีแก้ว อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร
......วัดภูแผงม้าแห่งนี้ หลวงพี่ได้รับข้อมูลทางอีเมล์มาหลายปีแล้ว แต่เพิ่งจะได้มาสำรวจ พระอาจารย์วิวัต จักกโร
เจ้าอาวาสท่านก็เคารพนับถือหลวงพ่อวัดท่าซุง รู้สึกท่านดีใจมากที่ได้เห็นหลวงพี่ ท่านบอกว่ารอมานานนับสิบปี หลวงพี่ท่านบอกว่า
การติตตามรอยพระพุทธบาทไปทั่วประเทศ ทำให้ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงไปด้วย นับว่าเป็นการเชื่อมต่อความสัมพันธ์กันได้ดี
ดังจะเห็นว่ามีพระและญาติโยมเดินทางมาจากหลายจังหวัด เพื่อร่วมงานปฏิบัติธุดงค์ที่วัดท่าซุงกันมากมายทุกปี หลวงพี่ท่านบอกว่า
ท่านดีใจที่ได้มีส่วนช่วยงานด้านนี้ ที่บางครั้งอาจจะมองไม่เห็นเป็นผลงานเท่าใดนัก แต่ท่านก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะทำไปด้วยความเมตตาเท่านั้น
เจ้าอาวาสสร้างศาลาไว้สวยงาม ภายในประดิษฐาน "สมเด็จองค์ปฐม" ที่ได้รับมอบจากท่านเจ้าอาวาสวัดท่าซุง
หลวงพี่ได้มอบหนังสือตามรอยพระพุทธบาท พร้อมกับร่วมทำบุญสร้างพระพุทธรูปและทุกอย่าง ๒,๗๒๐ บาท
หลังจากนั้นท่านได้นำขึ้นไปบนยอดเขา เพื่อสำรวจรอยพระพุทธบาท แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ ท่านจึงได้โทรศัพท์
ติดต่อ ปรากฏว่า คุณบุญสม จินดาศรี ผู้ที่แจ้งทางอีเมล์ให้แก่หลวงพี่ที่บังเอิญกำลังขับรถมาที่วัดพอดี
เมื่อคุณบุญสมได้ขึ้นมาชี้ตำแหน่งแล้ว หลวงพี่จึงได้ทำพิธีบวงสรวงและอธิษฐาน
ปรากฏว่าไม่ใช่รอยพระพุทธบาท ทั้งที่รอยตามภาพด้านบนและรอยที่เห็นน้ำขังอยู่ตรงนี้
จากนั้นได้เดินลงมาร่วมทำบุญสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ และถ่ายภาพร่วมกันพร้อมกับครอบครัวของคุณบุญสม
๒๖. วัดป่าสันติวนาวาส บ้านหนองกุง ต.ภูเงิน อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
รถวิ่งจากยโสธรสู่ร้อยเอ็ด ระหว่างทางหลวงพี่ได้แวะเยี่ยมเยียนเจ้าอาวาส วัดป่าสันติวนาวาส บ้านหนองกุง
ท่านเป็นศิษย์สายพระอาจารย์หนุน หลวงพี่เคยมาแล้ว และได้ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ ๒,๐๐๐ บาท
พระชำระหนี้สงฆ์ และพระเจดีย์ที่ยังสร้างค้างอยู่ด้านล่าง
๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔ (ชัยภูมิ - อุทัยธานี)
๒๗. วัดนาคาวาสวิหาร บ้านค่าย ต.บ้านค่าย อ.เมือง จ.ชัยภูมิ
วันนี้ได้เดินทางมาจากร้อยเอ็ดสู่ชัยภูมิ ระหว่างทางหลวงพี่มองเห็นกำลังสร้างพระใหญ่ปางนาคปรกอยู่พอดี
ท่านจึงได้บอกให้เลี้ยวรถเข้าไปทำบุญสร้างพระหน้าตัก ๗ เมตร ๔๐ เซนติเมตร เป็นเงิน ๒,๔๐๐ บาท
๒๘. วัดยางเกี่ยวแฝก ต.วะตะแบก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ
.......การที่หลวงพี่เดินทางย้อนกลับมาที่ชัยภูมิอีกนี้ เพื่อจะแวะที่ วัดยางเกี่ยวแฝก อ.เทพสถิต เพื่อสอบถามเกี่ยวกับที่พระอาจารย์สมหวัง เจ้าอาวาส
"วัดไร่รถ" อ.ดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ได้นำรอยพระพุทธบาทไปจากสถานที่นี้ แต่เมื่อไปสอบถามเจ้าอาวาส "วัดยางเกี่ยวแฝก"
ท่านบอกว่าอยู่ในไร่ของชาวบ้าน ฉะนั้นก่อนที่ท่านจะนำไปนั้น หลวงพี่ได้ร่วมทำบุญสร้างกุฏิกับเจ้าอาวาส ๑,๐๐๐ บาท
ศาลาครอบพระพุทธบาท และรอยพระพุทธบาท (รอยเกือกแก้วและรอยธรรมดาอยู่คู่กัน) ณ วัดไร่รถ อ.ดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยคุณพ่อฟุ้ง คุณแม่พร้อม หัสดี
แและคุณสมศักดิ์ คุณอุทิศ เกตุชลารัตน์ เป็นเจ้าของที่ดินและถวายให้กับวัดไร่รถ (ภาพและข้อมูลจาก www.rairot.go.th)
ท่านเจ้าอาวาสนำคณะหลวงพี่เข้าไปในไร่ไกลออกไปพอสมควร จอดรถแล้วต้องเดินเข้าไปหา
แต่ก็หลงทาง จนกระทั่งพบกับคุณลุงเจ้าของที่ดิน เพราะบังเอิญคุณลุงเห็นพวกเราพอดี
จึงได้นำมาที่ก้อนหินรอยพระพุทธบาท พร้อมกับอธิบายให้หลวงพี่ฟังว่า เดิมก้อนหินอยู่บริเวณนี้ ตอนนี้เป็นแอ่งน้ำไปแล้ว จึงเป็นว่าจบไป
จากนั้นก็ลากลับพร้อมกับถวายหนังสือ "ตามรอยพระพุทธบาท" ให้เจ้าอาวาส ๑ ชุด
๒๙. รอยพระพุทธบาท วัดเขาพระ ต.หนองบัว อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี (พบใหม่)
......รถได้วิ่งผ่านเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มองเห็นท้องน้ำกว้างใหญ่ จนกระทั่งเข้ามาถึง วัดเขาพระ ที่อยู่ริมอ่างน้ำ หลวงพี่ตั้งใจจะมาเยี่ยมท่านอาจารย์ดง
วัดหนองโรง จ.กาญจนบุรี เดิมป่วยเป็นอัมพฤกษ์มา ๒-๓ ปีแล้ว ตอนนี้อาการท่านดีขึ้นจนกระทั่งสามารถเดินได้ แต่ยังพูดไม่ได้
เนื่องจากระหว่างเดินทางไปภาคอีสาน มีโยมอุปฐากของอาจารย์ดงโทรศัพท์บอกหลวงพี่ว่า อาจารย์ดงมาจำพรรษาที่นี่ และทางวัดได้พบรอยพระพุทธบาทใหม่ด้วย
เหตุนี้เองหลวงพี่จึงได้เดินทางมาที่นี่ บังเอิญพบอาจารย์ดงเดินออกมาพอดี ท่านดีใจมากที่ได้เห็นหลวงพี่ หลวงพี่จึงได้ถวายปัจจัยให้อาจารย์ดงไว้ใช้
และถวายให้เจ้าอาวาสวัดเขาพระ เพื่อร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์บนยอดเขา พร้อมทั้งร่วมบวชนาค ๔ คน ที่กำลังซ้อมสวดนาคอยู่พอดี รวมทั้งหมด ๗,๐๐๐ บาท
ตามข้อมูลที่เคยสำรวจมาหลายปีแล้ว หลวงพี่ได้ขึ้นบัญชีว่า บริเวณนี้พบรอยพระพุทธบาทที่ "วัดถ้ำพระวิปัสสนาราม"
ซึ่งมีชื่อคล้ายกับ "วัดเขาพระ" ซึ่งอยู่ติดเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ด้านทิศตะวันตก
การที่ค้นพบรอยพระพุทธบาทใหม่ นับว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะสถานที่ ๒ แห่งนี้ อยู่ไม่ไกลกันนัก
ท่านเจ้าอาวาสวัดเขาพระ จึงได้เดินนำพวกเรามาที่พบรอยพระพุทธบาทแห่งใหม่ ซึ่งอยู่บนโขดหินไม่สูงนัก
มองเห็นอ่างเก็บน้ำที่ไกลออกไป ถึงแม้รอยเท้าไม่ชัดเจนมากนัก แต่เจ้าอาวาสวัดเขาพระก็เล่าว่า
บริเวณนี้เคยมีคนเห็นดวงไฟลอยไปมาในเวลาค่ำคืน
เพื่อความมั่นใจหรือเพื่อคลายความสงสัย หลวงพี่จึงขอให้เจ้าอาวาสและพระอาจารย์ดงอธิษฐานว่าใช่รอย
พระพุทธบาทหรือไม่ โดยหลวงพี่จะเป็นผู้วัดไม้วาเอง ผลจากการอธิษฐานปรากฏว่าเป็นรอยพระพุทธบาทจริง
พวกเราจึงได้วัดรอยพระพุทธบาท มีขนาดกว้าง ๕๙ เซนติเมตร ยาว ๑๐๒ เซนติเมตร
จากนั้นหลวงพี่ได้ทำพิธีบวงสรวง เพื่อเป็นการสมโภชและเป็นสิริมงคลกันต่อไป
๓๐. รอยพระพุทธบาท วัดถ้ำพระวิปัสสนาราม หมู่ ๙ ต.หนองบัว อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี
ก่อนที่จะเดินทางกลับหลวงพี่ได้แวะเข้าไปที่ วัดถ้ำพระวิปัสสนาราม เพราะทราบข่าวมานานแล้วว่า หลังจากทางวัดได้พบรอยพระพุทธบาทแล้ว ได้มีการสร้างมณฑปครอบ
รถได้วิ่งขึ้นไปบนเขา มองเห็นมณฑปสวยงามมาก แต่เสียดายที่ปิดกุญแจ จึงไม่สามารถเข้าไปกราบไหว้ ได้แต่เดินชมวิวอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสัก
(หมายเหตุ : สถานที่นี้ขอแก้ไขข้อมูลเดิมจาก "อำเภอชัยบาดาล" เป็น "อำเภอพัฒนานิคม")
๓๑. วัดแคมป์สน ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์
ในระหว่างเดินทางรถวิ่งผ่านเขาค้อ เห็นมีการเชิญชวนสร้างพระพุทธรูปที่วัดแคมป์สน จึงได้เข้าไปร่วมทำบุญทันที ทางวัดมีโครงการสร้างพระพุทธรูปใหญ่ชื่อว่า
"หลวงพ่อโตโคตมะ" หน้าตักกว้าง ๙ เมตร องค์พระสูง ๑๖ เมตร จึงได้ร่วมทำบุญเป็นการปิดท้าย ๒,๐๐๐ บาท
ก่อนที่จะจบการเล่าเรื่องการเดินทางครั้งนี้ ยังมีรูปภาพแถมท้ายเรื่อง "แก้วมณีนาคา" จะเห็นก้อนใหญ่มาก
ส่วนภาพนี้พิเศษมากๆ มีเรื่องเล่าว่า คนที่ได้หินพญานาคก้อนนี้ไปแล้ว แต่ลังเลสงสัยไม่แน่ใจ
จึงได้ลองทุบดู ปรากฏว่าแทนที่จะเป็นแก้วมณีหรืออย่างหนึ่งอย่างใด กลับกลายเป็นงูอยู่ภายใน
เป็นงูที่ยังมีชีวิตอยู่ น่าแปลกใจว่าเข้าไปอยู่ได้อย่างไร แต่ก็เป็นไปแล้ว เพราะงูสามารถเลื้อยวิ่งหนีไปได้
(รูปนี้ยืนยันว่าเป็นภาพที่ถ่ายจากเหตุการณ์จริง ไม่ได้นำงูมาวางไว้ในหิน หรือเติมแต่งรูปภาพแต่อย่างใด)
แก้วมณีที่พบในก้อนหินมากมาย มีรูปลักษณะที่แตกต่างกัน
สรุปรายการทำบุญ
ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน - ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔
๑. ทำบุญสร้างมณฑปและวิหารครอบรอยพระพุทธบาท ๒ แห่ง
๒. พบรอยพระพุทธบาทใหม่ ๘ แห่ง (รวมรอยตากผ้าที่จมน้ำไปแล้ว)
๓. สร้างพระมหาธาตุเจดีย์ ๕ แห่ง
๔. กราบรอยพระพุทธบาท ๕ แห่ง
๕. สร้างพระพุทธรูป ๗ แห่ง
๖. สร้างซุ้มประตู ๑ แห่ง
๗. สร้างกุฏิเจ้าอาวาส ๑ แห่ง
๘. สร้างศาลาการเปรียญ ๑ แห่ง
๙. หล่อพระพุทธรูปโลหะ ๑ แห่ง
รวมเงินทำบุญ ๗๕,๐๒๐ บาท
จึงขอให้ผู้อ่านทุกท่านร่วมอนุโมทนาด้วยกันนะ..สวัสดีค่ะ
◄ll กลับสู่สารบัญ
webmaster - 23/8/11 at 16:17