เมื่อได้กลับไปรำลึกนึกถึงท่านพอสมควรแล้ว จึงย้อนออกไปตามถนน แล้วเลี้ยวขวาเข้าไปทางโบสถ์เก่า พอดีทราบข่าวว่า คุณมนตรี เชียงอารีย์
นำรอยพระพุทธบาทมาถวายหลวงพี่ชัยวัฒน์ไว้นานแล้ว
ปัจจุบันนี้ หลวงพี่พรชัย เป็นผู้ดูแล ได้จัดทำฐานและห้องกระจกไว้อย่างดี อยู่ข้างพระเจดีย์ และหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์
ภายในสะอาดเรียบร้อยสวยงาม สำหรับผู้มากราบไหว้ด้วยความเคารพนับถือ
เป็นรอยเบื้องขวา แต่ไม่ปรากฏรอยนิ้ว ได้นำมาจากป่าริมแม่น้ำโขง ใกล้วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
ขี้เกียจอธิบายนะ อ่านประวัติตามที่ติดไว้ข้างรอยพระบาทดีกว่า
คุณมนตรีบอกว่า สมัยก่อนชัดเจนกว่านี้มาก ได้นำไปถวายวัดที่ อ.นาหว้า จ.นครพนม จากนั้นก็ได้ย้ายมาไว้ที่นี่ ประมาณ 2 - 3 ปีแล้ว
ศาลาหลวงพ่อองค์ที่ 10 -11 ในอดีตเมื่อปี 2528 เคยมีพระองค์หนึ่งมานั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์แห่งนี้ แต่เป็นพระมาจากคลองเตยใน กรุงเทพฯ
ปัจจุบันย้ายไปสร้างวัดใหม่แถวสามพราน จ.นครปฐม
เรื่องนี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ เล่าให้ฟังภายหลังว่า พระองค์ที่ 10 หมายถึง สมเด็จองค์ปัจจุบัน ท่านได้คลุมพระองค์นี้ ในขณะนั้น
จึงพูดธรรมะได้ไพเราะ เหมือนรู้จิตรู้ใจคนรับฟังไปหมด เป็นที่ประทับใจมาก แต่เมื่อออกไปจากวัดแล้ว เป็นอันว่าจบกันแค่นั้น
แต่ภายหลังมีคนเข้าใจผิดคิดว่า พระองค์นี้เป็น "พระองค์ที่สิบ" ความจริงท่านเป็นแค่อยู่ที่วัดท่าซุงในตอนนั้นเท่านั้น
เมื่อออกไปแล้ว หลวงพ่อท่านบอกไม่ใช่
เรื่องนี้มีคนพูดกันใน "เว็บ" บอกว่า หลวงพี่ชัยวัฒน์ ให้คนไปที่นั่น ความจริงหลวงพี่ชัยวัฒน์ก็ไม่เคยพูดสนับสนุนให้ใครไปหา
เพราะเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดีแล้ว และท่านก็เคยเขียนลง "ธัมมวิโมกข์" ชี้แจงเรื่องนี้ไว้นานแล้ว เรื่องนี้ก็ขอให้ผ่านไปนะ
ในตอนนี้ ขอวกกลับมาที่เดิม ตรงด้านหน้าศาลา 25 ไร่ เห็นภาพพื้นปูนนี้ ใครที่เคยไปงานธุดงค์วัดท่าซุง
ตอนเช้ามืดจะต้องได้ยินเสียงหลวงพี่ชัยวัฒน์เล่าอะไรให้พวกเราฟังกันทุกเช้า คงจะนึกออกนะว่า คือ...ลานธรรม นั่นเอง
หลังจากงานธุดงค์ ปลายปี 2550 เจ้าอาวาสวัดท่าซุงก็ได้สั่งช่างระดมกำลังกันทันทีทั้งนี้ เพื่อสร้างสิ่งที่ควรสักการบูชาไว้เหนือเศียรเกล้า
ของใช้ของจำเป็นของหลวงพ่อฯ ทุกอย่าง แม้แต่เทปเสียง วีดีโอภาพ หรือห้องประชุม ตลอดถึง พระเครื่องสมัย "หลวงปู่ปาน" เป็นต้น
ก็จะมารวมกันไว้ทุกรุ่นทุกสมัย ณ ที่นี้ ชนิดว่าหาดูได้ยากมากๆ เลย
สถานนี้จึงเป็นสถานที่สำคัญในโอกาสต่อไป เหมาะสำหรับผู้ที่จะมาศึกษาหาความรู้ หรือค้นคว้าด้วย "เทคโนโลยี" สมัยใหม่
อาคารหลังนี้มีชื่อว่า อาคารพิพิธภัณฑ์ "สมบัติพ่อให้" เปรียบเสมือนเป็นคลังวิชาความรู้ของท่าน
ที่ได้ถ่ายทอดไว้สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ ผลงานต่างๆ ของท่านที่ผ่านมา จะปรากฏเป็นที่แพร่หลายของอนุชนรุ่นหลัง เพื่อจะได้เป็น "ข้อมูล"
ไว้ศึกษาหาความรู้สืบต่อไป และจะมี "พระโพธิสัตว์" ที่ใกล้เต็มแล้ว แต่จะลงมาลา "พระโพธิญาณ" เพื่อค้ำจุนวัดท่าซุงสืบๆ ไป จนกว่าจะถึงกาลอวสาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2520 หลังจาก "ในหลวง" ทรงตัดลูกนิมิต เมื่อวานนี้แล้ว (24 เม.ย. 20) พระท่านได้มาพยากรณ์ไว้ว่า
วัดนี้จะมีพระอรหันต์ต่อไปทุกยุคทุกสมัย และภายในพระอุโบสถ ท่านยังได้จารึก "แผ่นทองคำ" บรรจุไว้ด้วยว่า
"เรา..พระมหาวีระ มีพระราชานามว่า "ภูมิพล" เป็นผู้อุปถัมภ์ ร่วมด้วยพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่
สร้างวัดนี้ไว้เป็นพุทธบูชา เมื่อศักราชล่วงไปได้ ๒๗๐๐ ปีปลาย จะมี พระเจ้าธรรมมิกราช นามว่า ศิริธรรมราชา
สืบเชื้อสายจากสุโขทัยบวกอยุธยา ร่วมกับ พระอรหันต์ จะมาบูรณะวัดนี้สืบพระศาสนาต่อไป คณะเราขอโมทนาด้วย แต่อยู่ช่วยไม่ได้เพราะว่าไป
"นิพพาน" หมดแล้ว.."
(เริ่มสร้างเมื่อ ๒๕๑๗ แล้วเสร็จเมื่อ ๒๕๑๙)
หมายเหตุ ข้อความใน "แผ่นจารึก" นี้ได้คัดมาจาก "ต้นฉบับเดิม" ซึ่งต่อมาภายหลังหลวงพ่อบอกว่า "พระอรหันต์องค์นี้"
จะมีอายุประมาณ 27 ปี (เวลานี้ ได้ทราบแล้วว่า ผู้ที่จะมาเกิดทั้งสองท่านนั้นเป็นใคร คงจะต้องไปค้นหาใน หนังสือรวมเล่ม 4
กันก่อนนะ)
แบบแปลนที่ได้ออกแบบไว้วิจิตรบรรจง จะสร้างในลักษณะแบบนี้ 3 ชั้น ชั้นล่างเป็นที่จอดรถ ชั้นบนจะเป็นห้องสำคัญต่างๆ มีทั้งห้องพิพิธภัณฑ์ ห้องประชุม
ห้องวิชาการต่างๆ พร้อมสรรพด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย
พ.ต.อ. (พิเศษ) อรรณพ กอวัฒนา เป็นผู้ริเริ่ม ส่วนสถาปนิกและวิศวกร คงจะเป็น คุณชุมนุมพร (ขนม) และ คุณสมศักดิ์ เหมือนเดิม แล้วก็มี คุณโต
(ลืมชื่อจริง) ช่วยออกแบบภายในด้วย แล้วก็มีพวกเราเหล่าบรรดาคณะศิษยานุศิษย์ จะได้ช่วยกันต่อไป
ทั้งนี้ เหมือนกับได้ช่วยกันรักษา "สมบัติพ่อให้" ไว้คงอยู่เป็น "อมตะ" สืบต่อไป ตราบสิ้นพระพุทธศาสนา
ตามที่หลวงพ่อได้เคยบอกไว้แล้วว่า วัดท่าซุงจะเสื่อมสลายไป ประมาณ พ.ศ. 4500 ปี ผ่านไปแล้ว แล้วท่านได้เน้นต่อไปอีกว่า คำสอนทั้งหมดที่ท่านสอนไว้
จะคงอยู่คู่กับวัดท่าซุงตลอดไป
คณะทีมงาน.. "ตามรอยพระพุทธบาท" จึงขอยุติข้อมูลของวัดท่าซุงไว้เพียงแค่นี้ ขออนุโมทนา
ทุกท่าน..ที่ได้ "ร่วมสร้าง"...และ.."ร่วมซ่อม" วัดท่าซุงด้วยดีตลอดมา..สาธุ...
อนุโมทามิ..นิพพานะ ปัจจะโย...โหตุ ฯ