เนื้อหาสาระชาดก
......ในอดีตกาล
เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดนกกระจาบมีนกกระจาบหลายพันเป็นบริวารอยู่ในป่า
ในกาลนั้นพรานล่านกกระจาบคนหนึ่ง ไปยังที่อยู่ของนกกระจาบเหล่านั้น ทำเสียงร้องเหมือนนกกระจาบ รู้ว่านกกระจาบเหล่านั้นประชุมกันแล้ว
จึงทอดตาข่ายไปข้างบนนกกระจาบเหล่านั้น
แล้วกดที่ชายรอบ ๆ กระทำให้นกกระจาบทั้งหมดมารวมกัน แล้วบรรจุเต็มกระเช้าไปเรือน ขายนกกระจาบเหล่านั้นเลี้ยงชีพด้วยมูลค่านั้น
อยู่มาวันหนึ่ง พระโพธิสัตว์กล่าวกะนกกระจาบเหล่านั้นว่า นายพรานนกนี้ทำพวกญาติของเราทั้งหลายให้ถึงความพินาศ เรารู้อุบายอย่างหนึ่ง
อันเป็นเหตุให้นายพรานนกนั้นไม่อาจจับพวกเรา
นับแต่บัดนี้ไป เมื่อนายพรานนกนี้ทอดข่ายลงเบื้องบนพวกเรา ท่านทั้งหลายแต่ละตัว จงสอดหัวเข้าในตาของตาข่ายตาหนึ่ง ๆ
พากันยกตาข่ายขึ้นแล้วพาบินไปยังที่ที่ต้องการ แล้วพาดลงบนพุ่มไม้มีหนาม
เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเราจักหนีไปทางส่วนเบื้องล่าง นกกระจาบเหล่านั้นทั้งหมดพากันรับคำแล้ว
ในวันที่ ๒ เมื่อพรานนกทอดข่ายลงเบื้องบน ก็พากันยกข่ายขึ้นโดยนัยที่พระโพธิสัตว์กล่าวแล้ว นั่นแหละ แล้วพาดลงบนพุ่มไม้มีหนามแห่งหนึ่ง
ส่วนตนเองหนีไปทางเบื้องล่าง
เมื่อพรานนกมัวปลดข่ายจากพุ่มไม้อยู่นั่นแหละ ก็เป็นเวลาพลบคํ่า นายพรานนกนั้นจึงได้เป็นผู้มีมือเปล่ากลับไป แม้นับแต่วันรุ่งขึ้น
นกกระจาบเหล่านั้นก็กระทำอย่างนั้นนั่นแหละ
ฝ่ายนายพรานนกนั้นเมื่อปลดเฉพาะข่ายอยู่ จนกระทั่งพระอาทิตย์อัสดง ไม่ได้อะไร ๆ เป็นผู้มีมือเปล่าไปบ้าน ลำดับนั้น ภรรยาของเขาโกรธพูดว่า
ท่านกลับมามือเปล่าทุกวัน ๆ เห็นจะมีที่ที่ท่านจะต้องเลี้ยงดูข้างนอกแห่งอื่นเป็นแน่ นายพรานนกกล่าวว่า
นางผู้เจริญ..เราไม่มีที่ที่จะเลี้ยงดูแห่งอื่น ก็อนึ่งนกกระจาบเหล่านั้นมันพร้อมเพรียงกันเที่ยวไป พอเราเหวี่ยงลง พากันเอาข่ายไปพาดบนพุ่มไม้มีหนาม
แต่พวกมันจะไม่ร่าเริงอยู่ได้ตลอดกาลทั้งปวงดอก เจ้าอย่าเสียใจ เมื่อใดพวกมันถึงการวิวาทกัน เมื่อนั้นเราจักพาเอาพวกมันทั้งหมดมา
ทำหน้าของเธอให้ชื่นบานเถิด นายพรานนกปลอบโยนภรรยาด้วยประการดังกล่าวมาฉะนี้.
โดยล่วงไป ๒ - ๓ วัน นกกระจาบตัวหนึ่งเมื่อจะลงยังพื้นที่หากิน ก็ไม่ได้กำหนดให้ดี จึงได้เหยียบหัวของนกกระจาบตัวอื่น
นกกระจาบตัวที่ถูกเหยียบหัวโกรธว่า
ใครเหยียบหัวเรา เมื่อนกกระจาบตัวนั้นแม้จะพูดว่า เราไม่ได้กำหนดจึงได้เหยียบ ท่านอย่าโกรธเลย นกกระจาบตัวที่ถูกเหยียบก็ยังโกรธอยู่นั่นแหละ
นกกระจาบ เหล่านั้นเมื่อพากันกล่าวอยู่ซํ้า ๆ ซาก ๆ จึงกระทำการทะเลาะกันว่า เห็นจะมีแต่ท่านเท่านั้นกระมังที่ยกข่ายขึ้นได้
เมื่อนกกระจาบเหล่านั้นทะเลาะกัน
พระโพธิสัตว์คิดว่า ขึ้นชื่อว่าการทะเลาะกันย่อมไม่มีความปลอดภัย บัดนี้แหละ นกกระจาบเหล่านั้นจักไม่ยกข่าย แต่นั้นจักพากันถึงความพินาศใหญ่หลวง
นายพรานนกจักได้โอกาส เราไม่อาจอยู่ในที่นี้ พระโพธิสัตว์นั้นจึงพาบริษัทของตนไปอยู่ที่อื่น
ฝ่ายนายพรานนก พอล่วงไป ๒ - ๓ วัน ก็มาแล้วร้องเหมือนเสียงนกกระจาบ ซัดข่ายไปเบื้องบนของนกกระจาบเหล่านั้นผู้มาประชุมกัน
ลำดับนั้น นกกระจาบตัวหนึ่งพูดว่า เขาว่า เมื่อท่านยกข่ายขึ้นเท่านั้น ขนบนหัวจึงร่วง บัดนี้ ท่านจงยกขึ้น
นกกระจาบอีกตัวหนึ่งพูดว่า ข่าวว่า เมื่อท่านมัวแต่ยกข่ายขึ้น จนขนปีกทั้งสองข้างร่วงไป บัดนี้ท่านจงยกขึ้น ดังนั้น
เมื่อนกกระจาบเหล่านั้นมัวแต่พูดว่า
ท่านจงยกขึ้น ท่านจงขึ้น นายพรานนกมารวบเอาข่าย ให้นกกระจาบเหล่านั้นทั้งหมดมารวมกันแล้วใส่เต็มกระเช้า ได้ไปเรือน ทำให้ภรรยาร่าเริงใจ.