คนที่มาเฝ้ายกยอปอปั้น ย่อมหวังได้ประโยชน์จากเรา
ไก่ฟ้ากับสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
สุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่งเดินผ่านมาเห็นไก่ฟ้าเกาะอยู่บนกิ่งไม้ สูงข้างทาง
มันอยากจะกินไก่ฟ้าเป็นยิ่งนักจึงคิดหาอุบายเเล้วเอ่ยขึ้นว่า
"ไก่ฟ้าเอ๋ย ท่านช่างเป็นสัตว์ที่งดงามนัก ปีกของท่านมีสีสัน สดใสหลายสี ปากก็งดงามไม่เหมือนใคร อยากรู้จังว่าถ้าท่าน หลับตา
เเล้วยังจะงามอยู่หรือไม่"
ไก่ฟ้าได้ฟังคำยกยอก็หลงเคลิบเคลิ้ม รีบหลับตาอวดทันที
สุนัขจิ้งจอกก็รีบฉวยโอกาสนั้นกระโดดงับตัวไก่ฟ้าไว้ได้
เมื่อไก่ฟ้าพลาดท่า เเต่ก็ยังมีสติ จึงเอ่ยขึ้นว่า
"จิ้งจอกเอ๋ย ก่อนตายข้าอยากฟังเสียงอันไพเราะของท่าน อีกครั้งได้ไหม"
สุนัขจิ้งจอกได้ฟังคำป้อยอก็หลงกล รีบอ้าปากเห่าคำราม ไก่ฟ้าจึงรีบบินหนีจากไปทันที
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
คำยกยอปอปั้นทำให้คนหลงเคลิบเคลิ้มจนไม่ระวังตนได้เสมอ
เเกะกับหมาป่า
หมาป่ากล่าวกับฝูงเเกะว่า
"การที่เราต้องเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมานานเช่นนี้ก็เพราะว่าสุนัข ที่เฝ้าพวกเจ้านั่นเเหละเป็นมือที่สามคอยเห่าคอยยุให้เราสองฝ่าย ต้องเป็นศัตรูกัน
ถ้าไม่มีสุนัขพวกนี้ เราต่างก็คงอยู่อย่างสงบสุข พวกข้าไม่ต้องไล่กัดเจ้า เเละพวกเจ้าก็ไม่ต้องคอยหนีข้า เรามาเป็นมิตรกันดีกว่านะ"
หมาป่าเจรจาหว่านล้อมจนพวกฝูงเเกะเห็นดีด้วย
โดยไม่คิดให้รอบคอบเสียก่อน ฝูงเเกะก็ตัดสินใจขับไล่พวกสุนัข เฝ้าฝูงเเกะไปเสียหมด
หลังจากนั้นพวกหมาป่าก็เข้าไล่จับเเกะกินเป็นอาหารได้อย่าง สะดวกสบาย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
ถ้าไว้วางใจคนเคยเป็นศัตรูมากว่าคนเคยช่วยเหลือกัน ก็ย่อมได้รับแต่โทษภัย
คนเลี้ยงเเพะ
ขณะที่พาฝูงเเพะของตนไปหลบพายุในถ้ำ คนเลี้ยงเเพะก็พบ ฝูงเเพะป่าหลบอยู่ในถ้ำด้วยเช่นกัน
"ฝูงเเพะป่านี้เป็นฝูงใหญ่ มีเเพะมากกว่าฝูงเเพะของเราหลาย เท่านัก เราน่าจะเอาเเพะป่าฝูงใหญ่ไปเลี้ยงเเทนฝูงเดิมดีกว่า"
เมื่อคนเลี้ยงเเพะคิดได้ดังนั้นเเล้วก็นำเอาใบไม้ที่เตรียมมาไว้ให้ ฝูงเเพะเดิม ของตนไปให้ฝูงเเพะป่ากินจนหมด
ครั้นเมื่อพายุสงบลง ฝูงเเพะป่าก็วิ่งออกจากถ้ำเข้าป่าไป ฝูงเเพะเดิมของตนไปให้ฝูงเเพะป่ากินจนหมด
ครั้นเมื่อพายุสงบลง ฝูงเเพะป่าก็วิ่งออกจากถ้ำเข้าป่าไป ฝูงเเพะเดิมก็ตายกันหมดเพราะอดอาหาร
คนเลี้ยงเเพะจึงได้เเต่นั่งร้องไห้ให้เพื่อนบ้านหัวเราะเยาะต่อไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
เห็นเเก่มิตรใหม่จนทอดทิ้งมิตรเก่า ก็จะไม่ได้ใครเลย
praew - 13/7/08 at 17:04
(Update 13 ก.ค. 51)
คนขี้เหนียวกับทองคำ
ชายคนหนึ่งเป็นคนขี้เหนียว เขามักจะเอาสมบัติฝังดิน ไว้รอบๆ บ้านไม่ยอมนำมาใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์
ต่อมาเขากลัวว่าจะไม่ปลอดภัยถ้าฝังเงินทอง ไว้หลาย เเห่ง เขาจึงขายสมบัติทั้งหมดเเล้วซื้อทองคำเเท่งหนึ่ง มาฝังไว้ที่หลังบ้าน เเล้วหมั่นไปดูทุกวัน
คนใช้ผู้หนึ่งสงสัยจึงเเอบตามไปดูที่หลังบ้าน เเล้วก็ขุด เอาทองเเท่งไปเสีย
ชายขี้เหนียวมาพบหลุมที่ว่างเปล่าในวันต่อมาก็เสียใจ ร้องห่มร้องไห้ไปบอกเพื่อนบ้านคนหนึ่ง
เพื่อนบ้านจึงเเนะนำประชดประชันว่า
"ท่านก็เอาก้อนอิฐใส่ในหลุมเเล้วคิดว่าเป็นทองคำสิ เพราะถึงอย่างไรท่านก็ไม่เอาเอามาใช้อยู่เเล้ว"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
ของมีค่า ถ้าไม่นำมาทำให้เกิดประโยชน์ก็ย่อมเป็นของไร้ค่า
คนตัดไม้กับเทพารักษ์
คนตัดไม้นั่งร้องไห้อยู่ริมลำธารเพราะทำขวานตกลงไป
เทพารักษ์สงสารจึงลงไปงมเอาขวานทองคำมาให้
คนตัดไม้เป็นคนซื่อจึงตอบว่าขวานทองนั้นไม่ใช่ของตน ครั้นเทพารักษ์งมเอาขวานเงินมาให้ เขาก็ไม่รับ
เทพารักษ์จึงงมเอาขวานเหล็กธรรมดาๆ มาให้ คนตัดไม้จึงดีใจ บอกว่าเป็นขวานของตน
เทพารักษ์ชื่นชมในความซื่อตรงของคนตัดไม้ จึงมอบ ขวานทองเเละขวานเงินให้เป็นของขวัญ
คนตัดไม้ดีใจ กลับบ้านไปเล่าให้เพื่อนฟัง
เพื่อนคนนั้นเป็นคนโลภ จึงรีบเข้าป่าไปตัดไม้เเล้วเเกล้ง ทำขวานตกลงไปในลำธารเพื่อให้เทพารักษ์มาช่วยบ้าง
เมื่อเทพารักษ์ปรากฏกายมาช่วยงมเอาขวานทองคำมาให้ ชายโลภก็รีบตอบรับว่านั่นคือขวานของเขา
เทพารักษ์กริ้วที่ชายผู้นั้นพูดเท็จเพราะโลภมากจึงไม่ยอมให้ ขวานทองคำเเก่เขา ปล่อยให้เขานั่งร้องไห้เลียดายขวานเหล็ก ตามลำพัง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
ความซื่อย่อมนำความเจริญให้ได้ดีกว่าความโลภ
คนตัดไม้กับสุนัขจิ้งจอก
คนตัดไม้พาสุนัขจิ้งจอกเข้าไปซ่อนที่ข้างกระท่อม เมื่อถูกขอความช่วยเหลือ พวกล่าสัตว์จูงหมาล่าเนื้อมาถึงก็ถามคนตัดไม้ว่าเห็น สุนัขจิ้งจอกหรือไม่
"ไม่เห็นเลยเพื่อนเอ๋ย"
คนตัดไม้ปฏิเสธเเต่ก็ชี้นิ้วไปทางข้างกระท่อม
พวกล่าสัตว์ไม่เข้าใจสัญญาณบอกใบ้นั้นจึงพากัน กลับไป
สุนัขจิ้งจอกรออยู่อีกสักครู่ก็ออกมาจากที่ซ่อนเเล้ววิ่ง ผ่านหน้าคนตัดไม้ไป คนตัดไม้จึงร้องขึ้นว่า
"ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้ เจ้าไม่ขอบคุณเข้าเลยหรือ"
"ลิ้นของเจ้าไม่ตรงเหมือนนิ้วของเจ้าเลยนะจะให ้ขอบใจได้อย่างไร"
สุนัขจิ้งจอกกล่าวเเล้วก็วิ่งเข้าป่าไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
คนไม่เชื่อ ย่อมไม่มีผู้ใดนับถือ
คนหาปลา
ชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งเป่าขลุ่ยอย่างไพเราะอยู่ที่ริมเเม่น้ำเพื่อหวัง จะเรียกปลาขึ้นมาจากน้ำ เเล้วตนจะได้จับเอาไปเป็นอาหาร
เพลงเเล้วเพลงเล่าผ่านไป ชายหนุ่มก็ต้องโมโหที่ไม่เห็นปลา สักตัวผุดจากน้ำขึ้นมาตามเสียงขลุ่ยอันไพเราะของเขา
ดังนั้นเขาจึงกลับบ้านไปเอาเหมาเหวี่ยงลงน้ำไม่ช้าก็ได้ปลาเล็ก ปลาน้อยติดร่างเเหหลายสิบตัว
ชายหนุ่มคนหาปลาขัดเคืองใจนักจึงบ่นตำหนิปลาว่า
"ทีอย่างนี้กระโดดโลดเต้นกันใหญ่ ที่เป่าขลุ่ยให้ฟังกลับทำ เงียบเฉย"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
คิดทำการใด ควรหาวิธีการหรืออุปกรณ์ที่เหมาะสม กิจการนั้น จึงจะสำเร็จผลได้
คนหาปลากับพราน
วันหนึ่งคนหาปลาเดินสวนกับนายพรานเเละเห็นว่านายพราน มีเนื้อสัตว์มากมายจึงถามว่า
"ท่านพรานป่า ข้าขอเอาปลาเเลกกับเนื้อสัตว์บ้างได้หรือไม่"
นายพรานเห็นคนหาปลามีปลาหลายตัวก็นึกอยากจะลองกิน เนื้อปลา
วันต่อๆ มาคนหาปลากับพรานก็นัดพบเพื่อเเลกเปลี่ยนอาหารกัน ทุกวัน
จนกระทั่งวันหนึ่งคนหาปลาก็เอ่ยขึ้นว่า
"ท่านยังอยากจะเเลกเนื้อกับปลาอยู่หรือไม่"
นายพรานก็ตอบว่าตนเริ่มเบื่อปลาเเละอยากกินเนื้อดังเดิมเเล้ว ทั้งสองจึงตกลงเลิกเเลกเปลี่ยนอาหารกันอีกต่อไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
คนเรามักอยากลิ้มลองของใหม่ เเต่ไม่นานก็ต้องเห็นค่าของ ของเก่า
praew - 29/7/08 at 12:07
(Update 29 ก.ค. 51)
ราชสีห์กับลาและหมาจิ้งจอก
ราชสีห์กับลาและหมาจิ้งจอกได้ร่วมกันออกล่าเหยื่อโดยมีข้อตกลกว่าจะแบ่งเหยื่อกันอย่างยุติธรรม ครั้นล่ากวางได้ ตัวหนึ่ง
ราชสีห์มอบหน้าที่ให้ลาเป็นผู้แบ่ง ลาแบ่งเหยื่อออกเป็นสามส่วนเท่าๆกัน แล้วเชิญให้ราชสีห์เป็นผู้เลือกก่อนในฐานะที่เป็นเจ้าป่า และหัวหน้าทีม
แต่ราชสีห์รู้สึกไม่พอใจวิธีการของลาจึง ตะปบ ด้วยอุ้งเท้าเต็มแรง ลาถึงแก่ความตายทันที
เจ้าคงจะรู้จักความยุติธรรมดีกว่าเจ้าลาโง่ตัวนี้กระมัง ราชสีห์กล่าวกับหมาจิ้งจอก
หมาจิ้งจอกผงกหัวรับคำ มันจัดแจงแบ่งเหยื่อออกเป็นสองส่วน เหยื่อชิ้นใหญ่สำหรับราชสีห์ และเหยื่อชิ้นเล็กๆสำหรับตัวมันเอง
โอ...สหายของข้า ราชสีห์กล่าวอย่างอารมณ์ดี ใครเป็นผู้สอนให้เจ้ามีความยุติธรรมถึงเพียงนี้
ไม่มีใครสอนข้าหรอกท่านเจ้าป่า หมาจิ้งจอกตอบเสียงแผ่นเบา แต่ชะตากรรมของเจ้าลาโง่ตัวนี้
ทำให้ข้ารู้วิธีแบ่งเหยื่อที่ถูกต้องเคราะห์กรรมของผู้อื่นย่อม เป็นตัวอย่างที่ดี สำหรับตัวเรา
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
ไหวพริบและสติปัญญา สามารถช่วยให้รอดพ้นจากภัยอันตรายได้เสมอ
กากับเหยือกน้ำ
กาตัวหนึ่งกระหายน้ำเจียนตาย
ครั้นมองเห็นเหยือกใบหนึ่งตั้งอยู่บนพื้นจึงรีบบินลงมาหมายจะดื่มกินให้ชื่นใจแต่ปรากฏว่ามีน้ำเหลือติดก้นเหยือกไม่มากนัก
กาพยายามยืดคอลงไปแต่ไม่ถึงน้ำ ครั้นจะคว่ำเหยือกก็ไม่มีแรง แต่ด้วยสติปัญญาอัน เฉียบแหลมมันจึงใช้ปากคาบก้อนกรวดใส่ลงไปทีละก้อนๆอย่างไม่ย่อท้อ
ระดับน้ำในเหยือกค่อยๆสูงขึ้น จนมันสามารถดื่มกินได้สมดังความตั้งใจ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
การใช้ไหวพริบสติปัญญาและความเพียรยาม ย่อมนำพาไปสู่ความสำเร็จ
ราชสีห์กับที่ปรึกษาทั้งสาม
ราชสีห์ตัวหนึ่งอยากรู้ว่าลมหายใจของตนมีกลิ่นอย่างไร วันหนึ่งจึงเรียกที่ปรึกษาทั้งสามของตนอันได้แก่ แกะ หมาป่า และหมาจิ้งจอกให้มาช่วยพิสูจน์
สัตว์ทั้งสามจำต้องตอบคำถามด้วยความเกรงกลัวในอำนาจของเจ้าป่า
ลมหายใจของท่านมีกลิ่นเหม็นรุนแรงมาก แกะตอบตามความเป็นจริง
เจ้าบังอาจพูดโกหก แสดงวาจาสามหาวใส่ข้า สมควรต้องถูกลงโทษ ราชสีห์ใช้อุ้งเท้าตะปบใส่แกะจนมันถึงแก่ความตาย แล้วหันมาถามหมาป่า
แล้วเจ้าล่ะว่ายังไง หมาป่าเห็นชะตากรรมของแกะจึงรีบตอบเสียงละล่ำละลัก ท่านเจ้าป่า ลมหายใจของท่านมีกลิ่นหอมยิ่งนัก
เจ้าบังอาจพูดจาประจบสอพลอตลบตะแลง สมควรต้องถูกลงโทษ เมื่อสิงโตสังหารหมาป่าแล้วจึงหันมาถามหมาจิ้งจอกบ้าง ไหนเจ้าลองบอกซิ
ว่าลมหายใจของข้ามีกลิ่นอย่างไร
ขอโทษทีท่านเจ้าป่า วันนี้บังเอิญข้าเป็นหวัด จมูกใช้ดมกลิ่นอะไรไม่ได้เลย คำตอบอย่างชาญฉลาด ทำให้หมาจิ้งจอกรอดตัวไปได้อย่างหวุดหวิด
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
ผู้มีไหวพริบสติปัญญาย่อมมีหนทางเอาตัวรอดได้ แม้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายล่อแหลมต่อชีวิต
คนเรือแตกกับกวี
ซีโมนิดเป็นกวีผู้มีชื่อเสียงของนครเอเธนส์ ครั้นหนึ่งเขาได้ร่วมคณะกับผู้ที่เดินทางไปยังนครแห่งหนึ่งในทวีปเอเซียเพื่อชมความรุ่งเรือง
ซีโมนิดได้แต่งบกกวีสดุดีวีรชนของนครแห่งนั้นจนเป็นที่โปรดปรานของเจ้านคร จึงได้รับรางวัลทรัพย์สินเงินทองเป็นอันมาก
อยู่ต่อมาไม่นานซีโมนิดเกิดคิดถึงบ้านที่เกาะซีออส ซึ่งอยู่ในประเทศกรีก
เขาได้รวบรวมทรัพย์สมบัติเท่าที่มีอยู่แล้วโดยสารเรือเดินทะเลมุ่งหน้าสู่บ้านเกิด แต่ระหว่างทางขณะเรือแล่นอยู่ใกล้ฝั่งทะเลเมืองคลาซอมมีนา
ได้เกิดพายุอย่างรุนแรงจนเรือ ซึ่งมีสภาพเก่าไม่อาจทนแรงกระแทกของคลื่นขนาดใหญ่ได้ ทำท่าจะอับปาง ผู้โดยสารคนอื่นๆ ต่างเตรียมเก็บทรัพย์สินของตน
ยกเว้นแต่ซีโมนิดเพียงคนเดียวเท่านั้น
ท่านจะปล่อยให้ทรัพย์สินเงินทองจมน้ำไปพร้อมกับเรืออย่างนั้นหรือ ผู้โดยสารคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
ใช่... ซีโมนิดพยักหน้า เพราะขืนนำไปด้วยก็จะเป็นภาระ ทรัพย์สินอันมีค่าที่สุดของข้าพเจ้ามีอยู่ในตัวแล้ว
ตอนนี้ขอเพียงหาแผ่นไม้ให้ได้สักแผ่นเพื่อพยุงตัวว่ายเข้าฝั่งให้ได้เท่านั้น
เมื่อเรื่องแตก ผู้โดยสารหลายคนจมน้ำตายเพราะไม่ยอมทิ้งสมบัติ ส่วนผู้ที่เข้าถึงฝั่งได้ก็ถูกพวกโจรแย่งชิงทรัพย์สินไปหมดสิ้น
เมื่อชาวเมืองคลาซอมมีนามาให้ความช่วยเหลือผู้รอดชีวิต และรู้ว่าซีโมนิด คือ กวีเอกของกรุงเอเธนส์ ซึ่งพวกเขาเคยอ่านและชื่นชมในผลงาน
ต่างก็ให้การต้อนรับและจัดหาบ้านพักให้เป็นอย่างดี ในขณะที่ผู้โดยสารคนอื่นๆ ต้องอดอยากหิวโหย ได้แต่ขออาหารชาวบ้านกินเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ
เท่านั้น
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
สมบัติภายในคือวิชาความรู้ความสามารถ ย่อมมีค่ามากกว่าทรัพย์สินเงินทอง ซึ่งเป็นสมบัติภายนอก
เพราะเราสามารถนำติดตัวไปทุกหนทุกแห่งและไม่มีใครแย่งชิงไปได้
หมาป่า หมาจิ้งจอก และม้า
หมาจิ้งจอกตัวหนึ่งอายุยังน้อย แม้จะมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว แต่เนื่องจากมีประสบการณ์ไม่มากนัก เมื่อได้พบม้าเป็นครั้งแรกมันจึงไม่รู้จัก
ข้าพบสัตว์อะไรก็ไม่รู้ ตัวมันสูงใหญ่สง่างามแต่กินหญ้าเป็นอาหาร
หมาจิ้งจอกวิ่งมาบอก กับหมาป่าเพื่อนของมันซึ่งอยู่ในวัยไล่ๆ กัน รูปร่างหน้าตามันเป็นอย่างไรล่ะ หมาป่าซัก
บอกไม่ถูกหรอก เจ้าตามข้าไปดูเอาเองดีกว่า เมื่อหมาจิ้งจอกพาเพื่อนของมันมาพบกับม้า ตอนแรกม้าตกใจจะวิ่งหนี
แต่เมื่อได้ยินเสียงเรียกจึงหยุดยืนรั้งรออยู่เพื่อดูท่าที
ท่านมีชื่อเรียกเผ่าพันธุ์ว่าอย่างไร หมาจิ้งจอกเอ่ยถาม ช่วยบอกให้เรารู้หน่อยเถอะ ม้าแสยะยิ้มเพราะเมื่อได้ยินคำถาม
ก็รู้ว่าทั้งสองยังไม่ค่อยเดียงสานัก ชื่อของข้าน่ะรึ มาดูใกล้ๆ เท้านี่ซิ ช่างทำเกือกม้าได้สลักชื่อของข้าไว้ตรงนี้ไง เมื่อเห็นม้ายกเท้าขึ้น
หมาจิ้งจอกเกรงอันตราย จึงหันไปกล่าวกับหมาป่าผู้เป็นสหายว่า
ฉันยังไม่ได้เข้าโรงเรียนเลย เธออ่านหนังสือเก่งไม่ใช่หรือ ลองเข้าไปอ่านหน่อยซิ อ้อ ได้เลย ฉันนะสอบได้ที่ 1 เป็นประจำเชียวน่ะ
หมาป่ากล่าวอย่างภาคภูมิ เดินยืดไหล่ชูคอเข้าไปอย่างสง่างาม แต่ทันใดนั้นมันก็ถูกม้าใช้เท้าถีบเข้าใส่อย่างแรงแล้ววิ่งหนีไป
เพื่อนเอ๋ย หมาจิ้งจอกเข้ามาดูอาการหมาป่าผู้โชคร้าย คราวหลังก็ระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้หน่อยนะ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
คนฉลาดอาจยอมทำตัวเป็น ผู้โง่เขลาในบางสถานการณ์ แต่คนโง่มักอวดตัวว่าฉลาดทุกเวลา
praew - 14/8/08 at 21:41
(Update 14 ส.ค. 51)
แมวกับหนู
แมวชราตัวหนึ่งไร้เรี่ยวแรงที่จะนับหนู มันพยายามหาอุบายล่อให้หนูเข้ามาใกล้ๆจะได้จับกินโดยง่าย ด้วยการเก็บอุ้งเล็บที่เท้าทั้งสี่เอาไว้อย่างมิดชิด
นอนแนบตัวอยู่กับพื้นเหมือนกับซากกระต่ายที่ตายแล้ว
มาดูกระต่ายตัวนี้ซิ หนูตัวหนึ่งแกล้งกล่าวกับเพื่อนๆของมันด้วยเสียงอันดัง ทายได้เลยว่าเมื่อเราเข้าไปใกล้
มันจะไม่ยอมนอนเฉยเหมือนที่กำลังเป็นอยู่ในเวลานี้
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
ผู้มีสติปัญญาและความรอบคอบย่อมไม่หลงในอุบายของศัตรู
ลากับจักจั่น
ลาตัวหนึ่งได้ยินจักจั่นร้องเสียงไพเราะจับใจ จึงคิดอยากจะเสียงดีอย่างนั้นบ้าง มันพยายามตีสนิทและสอบถามว่าจักจั่นกินอะไรจึงเสียงดี
พวกเรากินน้ำค้างยังไงล่ะ จักจั่นบอกกับลานับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาลาก็ไม่ยอมกินอาหารอื่นๆ นอกจากคอยเลียแต่น้ำค้างบนยอดหญ้าเท่านั้น
ร่างกายจึงผ่ายผอมและในที่สุดก็หิวจนเป็นลมตาย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
สิ่งที่มีคุณประโยชน์สำหรับคนหนึ่ง อาจเป็นโทษสำหรับอีกคนหนึ่ง ผู้มีสติปัญญาควรรู้จักการเลือกสรรแยกยะ
ลากับไก่และราชสีห์
ลากับไก่อาศัยอยู่ที่ไร่แห่งหนึ่ง ขณะกำลังหาอาหารกินกันอย่างเพลิดเพลิน บังเอิญราชสีห์ตัวหนึ่งเดินผ่านมา และคิดจะจับลากินเป็นอาหาร
จึงย่องเข้าไปด้านหลัง ไก่รีบส่งเสียงขันบอกให้ลารู้ตัว ราชสีห์ตกใจเสียงไก่ขัน จึงหันหลังวิ่งหนีไป ลาเข้าใจว่า
แม้ราชสีห์ผู้เป็นเจ้าป่ายังเกรงกลัวตน มันเลยไล่กวดตามไปอย่างคึกคะนอง ราสีห์จึงหันหลังกับมากระโดดเข้าขย้ำคอลาแล้วลากหายเข้าป่าไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
ผู้โง่เขลามักหลงทะนงตนเมื่อมีชัยเหนือศัตรู ครั้นหลงกลติดกับดักจึงสำนึกตัวได้แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว
นายพรานผู้ขมังธนูกับราชสีห์
กาลครั้นหนึ่ง ในป่าอันเป็นที่อยู่ของบรรดาสรรสัตว์ ได้มีพรานป่าผู้ขมังธนูคนหนึ่งเข้ามาล่าสัตว์
ทำให้สัตว์ทั้งหลายพากันเตลิดหนีด้วยความตกใจกลัว ยกเว้นพญาราชสีห์ผู้เป็นเจ้าป่าเพียงตัวเดียวเท่านั้น ที่ใจกล้าไม่ยอมหนี
ทำท่าจะกระโจนเข้าต่อสู้กับนายพราน ช้าก่อน นายพรานร้องห้าม ข้าจะส่งทูตไปเจรจากับเจ้า
นายพรานยิงลูกศรไปถูกชายโครงของราชสีห์ ผู้เป็นเจ้าป่ารู้สึกเจ็บปวด ส่งเสียงร้องโหยหวนแล้ววิ่งเตลิดเข้าไปในดงไม้ทึบ
เมื่อหมาจิ้งจอกตัวหนึ่งเห็นเจ้าป่าวิ่งเตลิดหนีมาจึงรีบเข้าไปสอบถาม ข้าเห็นท่านกำลังจะต่อสู้กับนายพรานไม่ใช่หรือ แล้วเหตุไฉนจึงหนีมา
ทำไมไม่ขับไล่ศัตรูของพวกเราออกไปจากป่า
เจ้าอย่ามายุซะให้ยากเลย ราชสีห์ตอบด้วยความครั่นคร้าม แต่ทูตของมันยังทำให้ข้าต้องเจ็บปวดถึงเพียงนี้
แล้วผู้เป็นเจ้านายของทูตจะมีฤทธิ์ขนาดไหน
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
ผู้โง่เขลา ย่อมไม่สามารถพิจารณาแยกแยะได้ว่า สิ่งใดคือเรื่องจริง และสิ่งใด คือ กลลวง
หมาป่ากับแกะโง่
ครั้นหนึ่งนานมาแล้ว พวกหมาป่าได้ส่งทูตมาผูกสัมพันธ์ไมตรีกับแกะ โดยทูตได้กล่าวกับพวกแกะว่า
นับตั้งแต่คนเลี้ยงแกะใช้ให้หมาของเขามาคอยดูแลและควบคุมพวกเจ้า นอกจากแกะทุกตัวจะไม่สามารถไปไหนมาไหนได้สะดวกตามใจต้องการแล้ว
พวกหมาเลี้ยงแกะยังยุยงให้เราเข้าใจผิดกัน โดยใส่ร้ายหาว่าพวกเราชาวหมาป่าทั้งหลาย คอยจ้องจะทำอันตรายฝูงแกะ ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย
เมื่อเห็นว่าแกะทุกตัวในฝูงเริ่มคล้อยตามหมาป่า ซึ่งทำหน้าที่ทูต รีบเสนอวิธีการซึ่งตนได้คิดไว้ดังนี้ หากพวกเจ้าช่วยกันไล่หมาเลี้ยงแกะไป
ไม่มาคอยยุยงและควบคุม ต่อไป แกะทุกตัวจะเป็นอิสระ สามารถไปไหนๆ ได้อย่างเสรี
พวกแกะหลงเชื่อ จึงขับไล่ไม่ให้หมาคอยดูแลตน ด้วยเหตุนี้หมาป่าจึงสามารถสังหารแกะได้โดยง่าย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
การหลงเชื่อคำลวงของศัตรูย่อมเป็นหนทางไปสู่ความพินาศ
praew - 21/8/08 at 14:50
(Update 21 ส.ค. 51)
หนูกับหอยมุก
หนูโง่ตัวหนึ่ง มีความคิดว่ามันควรจะออกท่องเที่ยวไปในโลกกว้างเพื่อหาประสบการณ์ชีวิต ตอนแรกอยากชวนหนูตัวอื่นๆ ไปด้วย
แต่เกรงว่าจะเป็นภาระยุ่งยาก จึงตัดสินใจที่จะเดินทางตามลำพัง
หลังจากกล่าวคำอำลาท้องทุ่งอันเป็นถิ่นเกิดแล้ว มันได้เริ่มออกเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้นไม่นานนัก ก็พบกับจอมปลวกขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางท้องทุ่ง
โอ...ภูเขา มันคือภูเขานั่นเอง หนูอุทานอย่างตื่นเต้น เชื่อเถิดว่ายกเว้นข้าแล้ว ยังไม่มีหนูตัวใดได้เห็นภูเขาจริงๆ
นอกจากได้ยินคำบอกเล่าเท่านั้น หนูผู้โง่เขลาเดินต่อไปได้ไม่นาน ก็พบกับบึงน้ำกว้างใหญ่ ทะเล โอ...นี่นะหรือท้องทะเลอันน่ารื่นรมย์
พนันได้เลยว่ายกเว้นข้าแล้ว ยังไม่มีหนูตัวใดเดินทางมาถึงทะเล นอกจากได้ยินคำบอกเล่าเท่านั้น
เดินเลาะชายฝั่งไปอีกไม่ไกล หนูผู้โง่เขลาก็มาถึงชายทะเล มหาสมุทร โอ...คือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล รับรองได้เลยว่ายกเว้นข้าแล้ว
ยังไม่มีหนูตัวใดเดินทางมาถึงมหาสมุทร นอกจากได้ยินคำบอกเล่าเท่านั้น
ขณะเดินอยู่บนชายหาด หนูผู้โง่เขลาเห็นหอยมุกจำนวนมาก อ้าเปลือกออกนอนตากแดดอยู่ ในนั้นต้องมีอาหารรสเลิศ
นอกจากข้าแล้วคงไม่มีหนูตัวใดเคยได้กินแน่ หนูผู้โง่เขลาวิ่งมาหยุดยืนชะเง้อคอเข้าไปในเปลือกหอย หอยมุกหุบเปลือกลง งับเอาหนูเข้าไปขังไว้ภายในทันที
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
คนโง่เขลามักเข้าใจว่าตนเองฉลาด แต่กลับไม่รู้ตัว แม้ว่ากำลังอยู่ในอันตราย
เต่ากับเป็ดป่า
เต่าตัวหนึ่ง คิดว่าหากมันสามารถเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ คงจะมองเห็นโลกเบื้องล่างสวยงามแปลกตากว่าที่เคยเห็นอยู่ในปัจจุบัน และสัตว์ต่างๆ
ก็จะต้องพากันนับถือยกย่องตน
ด้วยเหตุนี้ มันได้พยายามผูกไมตรีกับเป็ดป่าสองตัว เมื่อสนิทสนมกันดีแล้ว จึงบอกความประสงค์ของตน
โดยขอร้องให้เป็ดป่าทั้งสองคาบกิ่งไม้ไว้ตัวละด้าน ส่วนเต่าจะคาบตรงกลางไม้ เมื่อเป็ดป่าทั้งสองคาบกิ่งไม้บินขึ้นสู่ท้องฟ้า
เต่าก็จะถูกพาบินขึ้นไปด้วย เป็ดป่าทั้งสองเห็นแก่ความเป็นเพื่อน จึงตกลงทำตามคำขอร้องของเต่า
ดูนั่นซิพวกเรา เต่าเห่าได้ บรรดาสัตว์ต่างๆ เมื่อเห็นเหตุการณ์ต่างส่งเสียงร้องบอกต่อๆ กันด้วยความตื่นเต้น
เต่ารู้สึกภาคภูมิใจอยากคุยอวดเพื่อนๆ จึงอ้าปากจะพูด แต่ทันใดนั้นร่างของมันก็ร่วงหล่นลงกระแทกโขดหินแหลกเหลวอยู่บนพื้นดินนั่นเอง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
คนโง่แม้จะประสบความสำเร็จแต่ในไม่ช้าก็หนีไม่พ้นความวิบัติ
กระต่ายกับเต่า
กระต่ายตัวหนึ่งหลงทะนงในฝีเท้าของตนว่า สามารถวิ่งได้รวดเร็วดุจสายสม ในป่าที่อาศัยอยู่ ไม่มีสัตว์ตัวใด สามารถเอาชนะมันได้
วันหนึ่งพบเต่าคลานต้วมเตี้ยมผ่านหน้าไป กระต่ายจึงกล่าววาจาเยาะเย้ยด้วยความคึกคะนอง
มัวแต่คลานเชื่องช้าอยู่แบบนี้ เมื่อไหร่จะไปถึงจุดหมายปลายทางเล่าเพื่อน อย่างเจ้านี้ ข้าต่อให้คลานล่วงหน้าไปก่อนสักครึ่งวัน ก็คงวิ่งตามทัน
ไม่ต้องต่อให้ข้าหรอก เต่ารู้สึกไม่พอใจ กระต่ายขี้โม้อย่างเจ้าไม่เห็นว่าจะเก่งกาจตรงไหน ไม่เชื่อเรามาลองวิ่งแข่งกันก็ได้
ว่าไงนะ กระต่ายแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เจ้านะเหรอกล้าท้าแข่งกับข้า ฮะ...ฮะ...ฮะ.. กระต่ายยืนหัวเราะจนท้องแข็ง
พอดีหมาจิ้งจอกเดินผ่านมาทั้งสองจึงเชิญให้เป็นกรรมการตัดสิน
เมื่อเริ่มการแข่งขัน กระต่ายวิ่งออกจากจุดเริ่มต้นด้วยความเร็วสุดฝีเท้า ครั้นถึงกลางทางลองเหลียวกลับไปมองข้างหลังไม่เห็นแม้แต่เงาของคู่แข่ง
เจ้ากระต่ายจึงละล่าใจ แวะเข้าไปนอนกระดิกขาเล่นที่ใต้ร่มไม้ใหญ่
หลับเอาแรงสักงีบดีกว่า กระต่ายทำท่าบิดขี้เกียจ เอาไว้พอเจ้าหลังตุงมาถึงแถวนี้ ค่อยตื่นขึ้นมาเต้นระบำไปรอบๆ
ตัวมันจนกว่าจะถึงเส้นชัย
สายลมเย็นพัดโชยเฉื่อยฉิว ไม่นานนักเจ้ากระต่ายผู้ประมาทก็เผลอหลับไปจริงๆ ฝ่ายเต่ายังคงคลานต้วมเตี้ยมๆ อย่างไม่ย่อท้อ
โดยมีเพื่อนสัตว์ป่าเดินทางส่งเสียงเชียร์เพื่อให้กำลังใจ เนื่องจากทุกตัวต่างชังน้ำหน้าเจ้ากระต่ายขี้คุย ยกเว้นแต่ตอนผ่านต้นไม้
ซึ่งเจ้ากระต่ายกำลังหลับฝันหวานอยู่เท่านั้นที่สัตว์ทุกตัวต่างพากันเงียบเสียง
เจ้ากระต่ายสะดุ้งตื่นขึ้นมา เมื่อได้ยินเสียงไชโยโห่ร้อง เห็นรอยเท้าสัตว์ต่างๆมากมายบนทางที่ใช้แข่งขันรู้สึกผิดสังเกต
มันรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว อึดใจต่อมา จึงเห็นคู่แข่งของมันกำลังจะคลานเข้าสู่เส้นชัย เจ้ากระต่ายออกแรงวิ่งสุดฝีเท้าแต่ก็สายไปแล้ว
พวกสัตว์ป่าต่างห้อมล้อมเข้าไปแสดงความยินดีกับเต่าตัวแรกที่สามารถเอาชนะกระต่ายได้ในการวิ่งแข่งขัน เป็นตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
ความประมาทย่อมนำมา ซึ่งความผิดหวังและพ่ายแพ้ ผู้เพียรพยายามย่อมประสบผลสำเร็จ
มดกับตั๊กแตน
ตั้กแตนเจ้าสำราญตัวหนึ่ง นิสัยเกียจคร้าน ชอบความสะดวกสบาย ตลอดช่วงฤดูร้อนที่สัตว์อื่นๆ พากันหาอาหารไปเก็บสะสมไว้ในรัง
มันมัวแต่ร้องทำเพลงสนุกสนานไปวันๆ ครั้งถึงฤดูหนาวหิมะตกหนัก ตั้กแตนไม่สามารถหาอาหารกินได้ อดอยู่หลายวัน
จนในที่สุดต้องซมซานมาเคาะประตูรังของมดที่เคยรู้จัก ได้โปรดเถิดเพื่อน ขออาหารให้ฉันประทังชีวิตสักหน่อย เมื่อพ้นฤดูหนาวอันแสนทารุณนี้แล้ว
ฉันสัญญาว่าจะหามาใช้คืนให้เป็นเท่าตัว ตั๊กแตนพยายามวิงวอน
อ้าว... ก็เมื่อตอนฤดูร้อนที่ใครๆ เขาพากันทำมาหากินตัวเป็นเกลียว เจ้ามัวทำอะไรอยู่ มดย้อนถาม ฉันไม่ได้อยู่เปล่าๆ หรอกนะ
แต่ได้ร้องรำทำเพลงตลอดเวลาเมื่อตอนที่เธอ และเพื่อนๆ ขนอาหารผ่านมาก็ได้ยินมิใช่หรือ
ได้ยินซิ..ในเมื่อเจ้ามัวแต่ร้องเพลงตลอดฤดูร้อน เมื่อถึงฤดูหนาวก็จงเต้นรำให้สนุกเถิด กล่าวจบมดก็ปิดประตูทันที
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
ผู้ที่ปล่อยวันเวลาให้ผ่านเลยไปอย่างไร้ค่า ชีวิตย่อมพบเพียงความว่างเปล่า
ลูกแกะหลงฝูงกับหมาป่า
ลูกแกะตัวหนึ่ง หลงฝูงวิ่งเตลิดไปพบกับหมาป่า ขณะกำลังจะถูกจับกิน ลูกแกะเห็นจวนตัว ไม่มีทางหนีพ้น จึงแข็งใจยืนเผชิญหน้าพร้อมออกอุบายว่า
ไหนๆ ข้าก็จะต้องกลายเป็นอาหารของท่าน อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้แล้ว ก่อนตายข้าอยากฟังเสียงปี่และเต้นรำเป็นครั้งสุดท้าย
ขอท่านช่วยอนุเคราะห์ด้วยเถิด
หมาป่านึกสนุก จึงเป่าปี่ด้วยทำนองเร้าใจ หมาเฝ้าฝูงแกะตัวหนึ่งวิ่งมาตามเสียง ครั้นเห็นลูกแกะกำลังตกอยู่ในอันตราย จึงเห่าเรียกพรรคพวกของมัน
ด้วยเหตุนี้หมาป่าต้องรีบทิ้งปี่วิ่งหนีไปด้วยความเสียดาย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
เมื่อพบลาภหรือมีโอกาสได้แสดงความสามารถ
หากมัวหลงระเริงมัวแต่เห็นแก่ความสนุกสนานลาภและโอกาสนั้นก็จะหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย
praew - 28/8/08 at 12:30
(Update 28 ส.ค. 51)
นกนางนวลกับเหยี่ยวนกเขา
นกนางนวลตัวหนึ่ง โฉบได้ปลาทะเลตัวเขื่อง มันรีบขยอกกลืนลงไปทั้งตัว ปลาเกิดติดค้างอยู่ที่ลำคอ ทำให้ได้รับความลำบากทุกข์ทรมาน
ในที่สุดก็หมดแรงบินตกลงไปนอนหายใจพะงาบๆ อยู่บนดาดฟ้าเรือ
สมน้ำหน้าเจ้าแล้วล่ะ เหยี่ยวนกเขาตัวหนึ่งบินผ่านมา เห็นจึงกล่าววาจาซ้ำเติม คราวหลังจะทำอะไรควรระมัดระวังให้มากกว่านี้
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
ผู้ประมาทย่อมได้รับความเดือดร้อนทุกข์ยากเป็นสิ่งตอบแทน
โหรคนหนึ่ง
โหรคนหนึ่ง หมกมุ่นในเรื่องการดูดวงดาว จนไม่เป็นอันทำอะไร วันๆ เอาแต่ศึกษาความเป็นไปของดวงดาวบนท้องฟ้า จนรู้ว่าดาวดวงใด โคจรไปทางไหน
ค่ำวันหนึ่ง ขณะที่โหรเดินแหงนหน้ามองดูดาวไปตามถนนนอกเมือง จนเผลอพลัดตกไปในบ่อข้างทาง
เนื่องจากได้รับบาดเจ็บ จึงไม่สามารถปีนขึ้นมาได้เอง ต้องนอนร้องครวญครางอยู่ตามลำพัง จนมีผู้มาพบและให้ความช่วยเหลือ
พร้อมสอบถามถึงเรื่องราวความเป็นมา
เออหนอพ่อโหรผู้รอบรู้ ผู้ให้ความช่วยเหลือรำพึงออกมาดัง ท่านศึกษา จนรู้ว่าดวงดาวไหนบนท้องฟ้าโคจรไปทางใด แต่ตัวเองจะเดินตกบ่อหารู้ไม่
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
ผู้ที่ลุ่มหลงมัวเมา แต่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ย่อมพลาดพลั้งในสิ่งอื่นๆ
หมูป่ากับหมาจิ้งจอก
หมูป่าตัวหนึ่งรูปร่างล่ำสัน มีเขี้ยวยาวโง้งเป็นที่น่าเกรงขามของสัตว์ทั้งหลาย วันหนึ่งหมาจิ้งจอกเห็นหมูป่ากำลังลับเขี้ยวของตนอยู่กับต้นไม้
จึงแวะเข้าไปถามไถ่ จะต้องลับเขี้ยวเล็บให้เสียเวลาทำไมกัน ในป่าแห่งนี้ไม่มีใครปราดเปรียวว่องไวไปกว่าท่าน อีกทั้ง หมาล่าเนื้อ หรือนายพราน
ก็ไม่เห็นเข้ามาหาเหยื่อแถวนี้เลย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า วันหนึ่งข้างหน้าจะไม่มีภัยอันตรามาถึงตัว หมูป่ากล่าวตอบ
และเมื่อถึงเวลานั้นค่อยคิดลับเขี้ยวเล็บของเจ้าย่อมไม่ทันการอย่างแน่นอน
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
ความไม่ประมาทและการเตรียมพร้อม ย่อมสร้างหลักประกันให้แก่ตนเอง
ชาวนากับสัตว์เลี้ยง
ชาวนาคนหนึ่งติดพายุหิมะอยู่ในบ้านเป็นเวลาหลายวัน จนอาหารที่ตุนไว้หมด จึงจำเป็นต้องนำแกะที่เลี้ยงไว้มาฆ่า เพื่อใช้ประทังชีวิต
เมื่อเนื้อแกะหมดก็นำแพะที่เลี้ยงไว้มาฆ่ากิน แต่หิมะก็ยังตกหนักทำให้ต้องฆ่าวัวกิน ด้วยความจำเป็น
สุนัขสองตัวที่ชาวนาเลี้ยงเอาไว้เห็นเหตุการณ์มาโดยตลอด ต่างปรึกษากันว่า พวกเราเห็นทีจะไม่ปลอดภัยแล้วล่ะเพื่อนเอ๋ย
แม้แต่วัวที่เลี้ยงเอาไว้ไถนาและใช้แรงงาน เจ้านายยังนำมาฆ่ากิน อีกหน่อยอาจถึงคราวพวกเรา รีบหนีเอาตัวรอดกันดีกว่า
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
เมื่อรู้ว่ากำลังจะมีภัยเกิดขึ้นกับตน ควรรีบหลีกเลี่ยงหรือหลบหนีก่อนที่สายเกินไป
กระเป๋าสองใบ
อีสปกล่าวไว้ว่า มนุษย์ทุกคนมีกระเป๋าประจำตัวอยู่สองใบ ซึ่งบรรจุความชั่วเอาไว้เต็ม ใบที่อยู่ด้านหน้าบรรจุความชั่วของผู้อื่น
ส่วนใบที่อยู่ด้านหลังบรรจุความชั่วของตัวเราเอง ดังนั้น เราจึงมักจะเห็นความผิด ความเลว ความชั่วของผู้อื่น แต่ไม่ค่อยเห็นของตนเอง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
ความผิดของผู้อื่นเห็นได้ง่าย ความผิดของเราเห็นได้ยาก
praew - 3/9/08 at 13:50
(Update 3 ก.ย. 51)
หญิงชรากับสาวใช้
หญิงชราจอมเฮี้ยบผู้หนึ่ง จ้างสาวใช้สองคนไว้ทำงานในบ้าน ทุกเช้าตรู่ ในขณะที่สาวใช้หลับอย่างเป็นสุข เพราะอากาศกำลังเย็นสบาย
ไก่ที่หญิงชราเลี้ยงไว้ก็ส่งเสียงขันรบกวน ยิ่งกว่านั้นหญิงชรายังมาปลุกให้สาวใช้ลุกขึ้นทำงานทันที เมื่อได้ยินเสียงไก่ขัน ด้วยเหตุนี้สาวใช้ทั้งสอง
จึงแอบจับไก่ไปฆ่า เพื่อไม่ส่งเสียงปลุกหญิงชราและรบกวนพวกตน
โดยเข้าใจว่า นับแต่นี้ไปจะได้นอนตื่นสายกันได้ตามสบาย แต่เหตุการณ์กลับตรงกันข้าม เมื่อไม่มีเสียงไก่คอยบอกเวลา
หญิงชราเกรงว่าตนเองอาจนอนเพลิน เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึกตามประสาคนแก่ ก็รีบมาปลุกสาวใช้ให้ลุกขึ้นทำงาน ทำให้สาวใช้ทั้งสองลำบากยิ่งกว่าเดิม
เพราะไม่ค่อยได้หลับได้นอน
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
ผู้ใดคิดร้ายหรือคดโกง ย่อมได้รับผลกรรมตอบแทน
ปูกับงู
ปูกับงู เป็นเพื่อนที่คบหากันมานาน ปูนั้นซื่อตรงต่องู ไม่เคยทรยศหักหลัง ตรงกันข้ามกับงู ซึ่งมักไม่ซื่อตรง
ทำให้ปูได้รับความเดือดร้อนอยู่เสมอ แม้จะพยายามตักเตือนอย่างไร แต่งูก็ไม่ยอมกลับตัว จนในที่สุดปูหมดความอดทน จึงใช้ก้ามหนีบงูจนตาย
ถ้าจิตใจของเจ้าซื่อตรงเหมือนร่างของที่นอนยาวเหยียดอยู่เช่นนี้ เจ้าก็คงไม่ต้องพบจุดจบในวันนี้ ปูกล่าวกับงูก่อนที่จะกลับลงรูของมันไปตามลำพัง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
คนเลวไร้ความซื่อสัตย์ ยากที่จะสำนึกตัวได้แม้เมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว
เทพารักษ์กับคนตัดไม้
ชาวป่าผู้หนึ่ง ขณะเข้าไปตัดต้นไม้ซึ่งขึ้นอยู่ริมแม่น้ำ เกิดทำขวานหลุดมือตกจมหายลงไปในน้ำ เนื่องจากเขาว่ายน้ำไม่เป็น
และนึกเสียดายขวานคู่ชีวิต เลยนั่งลงร้องไห้ เทพารักษ์มีความเมตตาสงสาร ได้ปรากฏกายขึ้น กล่าวปลอบโยน และลงไปงมขวานมาคืนให้
แต่คิดอยากจะลองใจชายผู้นี้
ครั้งแรกจึงนำขวางทองขึ้นมาจากแม่น้ำแล้วถามว่า ขวานด้านนี้ใช่ของเจ้าหรือไม่ ไม่ใช่หรอกขอรับ ขวานของข้าพเจ้าเป็นขวานเหล็กธรรมดา
เทพารักษ์นึกพอใจ แต่ยังคิดอยากจะทดสอบอีกครั้ง แสร้งดำลงไปค้นหาในแม่น้ำแล้วโผล่ขึ้นมาพร้อมกับขวานเงินในมือ ขวานด้านนี้ใช่ของเจ้าหรือไม่
ไม่ใช่หรอกท่าน ขวานของข้าพเจ้าเป็นขวานเหล็กธรรมดา
เมื่อเทพารักษ์นำขวานเหล็กมาคืนให้ กับชาวตัดฝืน ท่านได้ยกขวานเงินและขวานทองให้ด้วย เพื่อเป็นรางวัลในความซื่อสัตย์
ครั้นเพื่อนของชายตัดฟืนทราบเรื่อง จึงทำทีออกไปตัดฟืนแล้วนั่งร้องไห้คร่ำครวญหลังจากแกล้งทำขวานหล่นในแม่น้ำ
เมื่อเทพารักษ์ปรากฏตัวขึ้นปลอบโยนและลองใจโดยงมขวานทองมาส่งให้ ชายผู้นั้นเกิดความโลภรีบบอกว่าเป็นขวานของตนเทพารักษ์เห็นว่าชายผู้นี้กล่าวเท็จ
จึงแสดงฤทธิ์หายตัวไปทันที ชายผู้ไร้ความซื่อสัตย์ นอกจากไม่ได้ขวานเงินและขวานทองเป็นรางวัล แม้แต่ขวานเหล็กของตนก็จมอยู่ในแม่น้ำนั้นเอง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
ผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต ย่อมได้รับผลดีตอบแทน ผู้ทุจิตย่อมได้รับผลร้ายตอบสนอง
แพะกับคนเลี้ยง
แพะตัวหนึ่งวิ่งเตลิดออกนอกฝูง คนเลี้ยงพยายามไล่จับ มาได้ด้วยความเหนื่อยยาก แต่ในไม่ช้ามันก็หนีออกจากฝูงเหมือนเช่นเดิม ด้วยความโมโห
คนเลี้ยงจึงเอาก้อนหินขว้างไปถูกแพะตัวนั้น ขาหักข้างหนึ่ง ครั้นนึกได้ว่าตนเองจะต้องถูกนายจ้างเล่นงาน
จึงรีบเข้าไปทำแผลให้แพะ พร้อมกับกล่าวอ้อนวอนไม่ให้บอกเรื่องนี้แก่นายจ้าง ท่านอย่าโง่ไปหน่อยเลย แพะกล่าวด้วยความโกรธ
นายจ้างของท่านไม่ใช่คนตาบอด ฉะนั้น แม้ข้าจะไม่พูดอะไรสักคำเดียว เขาก็สามารถมองเห็นขาข้างที่หักของข้าได้เอง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
หลักฐานหรือพยานใดๆ ก็ไม่สำคัญไปกว่าความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
สุนัขกับเนื้อ
สุนัขเป็นสัตว์ที่ชอบกินเนื้อเป็นชีวิตจิตใจ แต่ยังมีสุนัขตัวหนึ่งได้รักการฝึกฝนให้รู้จักการรอดกลั้น หักห้ามใจ ไม่ให้กินเนื้อ และอาหาร
ที่ผู้เป็นนายหญิงใช้ให้มันนำไปส่งสามีของเธอ ซึ่งทำงานอยู่ในไร่ มันพยายามทำหน้าที่สุนัขส่งอาหารด้วยความซื่อสัตย์เสมอมา
แม้จะฝืนกับความรู้สึกของตนเองอย่างไรก็ตาม
อยู่มาวันหนึ่ง สุนัขส่งอาหารพบกับสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ซึ่งลำตัวของมันใหญ่และแข็งแรง เจ้าสุนัขจรจัด พยายามเข้ายื้อแย่งอาหารและเนื้อ
สุนัขส่งอาหารต่อสู้จนสุดความสามารถ ขณะนั้นมีสุนัขอีกตัวหนึ่งมาเห็นเหตุการณ์ มันได้เข้าแย่งชิงเนื้อและอาหารเช่นเดียวกัน
เกิดการต่อสู้กันชุลมุนวุ่นวาย ในที่สุดเนื้อก็ถูกชิงไปได้ขอเนื้อให้เข้าสักหน่อยเถิด สุนัขผู้มีหน้าที่ส่งอาหารกล่าวกับสุนัขอีกสองตัวนั้น
เพราะไหนๆ มันก็คงต้องถูกพวกเจ้ากินอย่างแน่นอนอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้สุนัขทั้งสามจึงแบ่งเนื้อกันกินตามจำนวนที่แย่งชิงได้
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
เป็นการยากที่จะให้ผู้อื่นรักษาผลประโยชน์ของเราด้วยความซื่อสัตย์
praew - 15/9/08 at 14:04
(Update 15 ก.ย. 51)
เด็กเลี้ยงแกะ
เด็กเลี้ยงแกะคนหนึ่ง มีนิสัยเกเร ชอบกล่าวคำโกหกพูดจาตลบตะแลงอยู่เสมอ วันหนึ่ง หลังจากต้อนฝูงแกะของตนออกไปกินหญ้าบริเวณเชิงเขาแล้ว
เกิดนึกสนุกอยากหาเรื่องแกล้งชาวบ้านเล่น เด็กเลี้ยงแกะจึงเดินกลับมาที่หมูบ้าน เมื่อใกล้จะถึง
จึงแกล้งวิ่งหน้าตื่นกระหือกระหอบร้องตะโกนด้วยเสียงอันดัง ช่วยด้วย..ช่วยด้วย ฝูงหมาป่าจะมาจับแกะไปกินหมดแล้ว
เมื่อชาวบ้านได้ยินดังนั้น ต่างพากันฉวยอาวุธตามแต่จะหาได้ แล้วรีบตรงไปที่เชิงเขา เด็กเลี้ยงแกะเห็นชาวบ้านวิ่งกันมาหน้าเก้อ
จึงส่งเสียงหัวเราะด้วยความขบขัน ชาวบ้านรู้สึกไม่พอใจ แต่เห็นว่าเป็นเด็กจึงให้อภัย แทนที่จะสำนักตัวเด็กเลี้ยงแกะกลับเห็นเป็นเรื่องสนุก
เลยปั้นน้ำเป็นตัว แต่งเรื่องหมาป่าจะมากินลูกหลอกอีกหลายครั้ง ทำให้ทุกคนพากันโกรธ หลังจากนั้นไม่นาน มีฝูงหมาป่ามาจับแกะไปกินจริงๆ
เด็กเลี้ยงแกะวิ่งมาเรียกชาวบ้าน แต่ไม่ใครให้ความช่วยเหลือเพราะคำพูดของเขา ไม่มีใครเชื่อถือเลยแม้แต่คนเดียว
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
ผู้ปราศจากคำสัตย์ ย่อมปราศจากคนเชื่อถือ
ปลาโลมากับลิงขี้คุย
ในสมัยโบราณเมื่อจะนำเรืออกเดินทางไปในทะเลหรือมหาสมุทรอันเวิ้งว้างกว้างไกล กะลาสีมักนำสุนัขตัวเล็กๆ หรือลิงไปเป็นเพื่อนด้วย
เพื่อจะได้คลายเหงา วันหนึ่งขณะเรือแล่นผ่านแหลมใหญ่ ของประเทศกรีก ได้ถูกพายุพัดกระหน่ำจนล่ม บรรดากะลาสีต่างตะเกียกตะกายว่ายน้ำเข้าฝั่ง
ที่มองเห็นอยู่ลิบๆ แม้ตัวเองยังแทบเอาชีวิตไม่รอด จึงไม่อาจช่วยชีวิตสัตว์เลี้ยงของตนได้
เมื่อเรือจม ลิงตัวหนึ่งพยายามว่ายน้ำฝ่าคลื่นไปตามลำพัง ปลาโลมาตัวหนึ่งมาพบ เข้าใจว่าเป็นคน จึงให้ขี่หลังพามุ่งหน้าเข้าสู่ฝั่ง
ขณะว่ายผ่านนครเอเธนส์ มองเห็นท่าเรือพีรุสอยู่อีกไม่ไกลนัก ปลาโลมาเห็นลิง นั่งยุกยิกผิดสังเกต จึงเอ่ยถามว่า ท่านเป็นชาวเอเธนส์หรือ
ใช่..ข้าเป็นคนในตระกูลเก่าแก่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนครเอเธนส์แห่งนี้ทีเดียว เจ้าลิงเริ่มคุยอวดตัว ถ้าเช่นนั้นท่านคงรู้จักพีรุสดีนะซิ
ปลาโลมาถามต่อ แน่นอน..เขากับข้าเป็นเพื่อนรักกันมาทีเดียว เมื่อได้ฟังคำตอบ ปลาโลมา นึกหมั่นไล้ที่ลิงมีนิสัยชอบคุยโตโอ้อวด จึงดำหนีไป
ปล่อยให้ลิงเผชิญชะตากรรมของมันตามพังนิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า