รายการ "เปิดปม"..คลินิกอันตราย (รายงานข่าว 15 พ.ย. 53)
webmaster - 21/7/10 at 05:49
รายงานพิเศษ : ให้หมอพื้นบ้านช่วยงานสาธารณสุข
19-07-2553 | 11:27 l ข่าวช่อง 7
......"ยา 5 ราก" ประกอบด้วย รากชิงชี่, คณฑา, ย่านาง, มะเดื่ออุทุมพร และเท้ายายม่อมที่เห็นนี้ คือ พระเอก ของการดับพิษไข้เฉียบพลัน
ให้แก่ผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยา
ที่หมอพื้นบ้านจากปัตตานี ใช้ดูแลผู้ป่วยโรคนี้ให้หายจากอาการสุดแสนจะทรมาน ทั้งปวด บวม อักเสบ ตามข้อ รวมถึง การคันตามผิวหนัง โดยหมอพื้นบ้านสมองใส
ได้ประยุกต์มาจากวิธีอยู่ไฟของหญิงหลังคลอดบุตร แต่ปรับเปลี่ยนสมุนไพรให้เหมาะกับโรค ทำให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นภายใน 2 ถึง 3 วัน
ศาสตร์การแพทย์พื้นบ้าน ยังดูแลสุขภาพได้ดี เช่น คุณแม่หลังคลอด ที่น้ำนมไม่ไหล เป็นปัญหาที่คุณแม่ชาวมุสลิม บอกว่า ไม่เคยประสบเลย เพราะเธอมีโต๊ะบีแด หรือ
หมอตำแย สอนวิธีนวดกระตุ้นต่อมน้ำนมแบบโบราณให้
ปัจจุบันไทยมีบุคลากรแพทย์แผนไทย 7 กลุ่ม หรือเกือบ 60,000 คน ในที่นี้เป็นหมอพื้นบ้านกว่า 45,000 คน
แต่เมื่อมีการใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองภูมิปัญญาไทยและสมุนไพร พ.ศ.2542 ทำให้หมอพื้นบ้านกลายเป็นหมอเถื่อนจำเป็น
ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข ปรับกลยุทธ์ เปิดอบรม ทั้งวิธีรักษาดูแลผู้ป่วย และ ใช้ยาสมุนไพรให้ถูกต้อง แก่หมอพื้นบ้าน
เพื่อคืนสิทธิ์รักษาโรคและให้มาเป็นกำลังช่วยงานในระบบสาธารณสุขไทย
แต่เหนืออื่นใด หากเราใช้ชีวิตประจำวัน ที่ไม่ข้องเกี่ยวบุหรี่-แอลกอฮอล์ ทานอาหารครบ 5 หมู่, ออกกำลังกายประจำ ทำอารมณ์ให้แจ่มใส นั่นอาจหมายถึง สุขภาพดีๆ
ไม่มีขาย อยากได้ต้องสร้างเอง
ข่าวด่วน...ภาคเหนือพบโรคใหม่ "ลีเจียนแนร์" แรงกว่าหวัด 2009
20 กค. 2553 | 17:51 น. | breakingnews.nationchannel.com
....นายอิ่นใจ วงศ์รัตนเสถียร นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ ศูนย์อนามัยที่ 10 เชียงใหม่ เผยสถานการณ์โรคอุบัติใหม่ในประเทศไทยว่า ขณะนี้พบการแพร่ระบาดของ
"โรคลีเจียนแนร์" (Legionnaires' disease) เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจที่รุนแรงมากกว่าไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยผู้ติดเชื้ออาจเสียชีวิตได้ในเวลาเพียง
2-3 สัปดาห์ ที่สำคัญที่ทำให้กรมอนามัยให้ความสำคัญต่อโรคนี้ คือยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะใช้ยาตัวใดรักษา
ทั้งนี้โรคดังกล่าวเกิดจากเชื้อลีจิโอเนลลาที่มากับชาวต่างชาติ แพร่ระบาดผ่านแอร์คอนดิชั่น ระบบจ่ายน้ำร้อน-เย็น โดยเฉพาะตามโรงแรม ห้างสรรพสินค้า
โรงพยาบาล สถานที่ทำงานต่างๆ รวมถึงละอองน้ำที่ฟุ้งกระจายจาก Cooling Tower สปา หรือสระน้ำ น้ำพุประดับและสปิงเกอร์ในสวน
ผู้ติดเชื้อจะมีอาการเป็นไข้คล้ายไข้หวัดใหญ่ คอแห้ง ไอแห้ง ปวดศีรษะ ปวดตามข้อและกล้ามเนื้อ อาจมีอาการท้องเสียและอาเจียนตามมา ก่อนจะป่วยด้วยโรคปอดอักเสบ
ซึ่งผู้ที่มีอาการหนักอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว
สำหรับกลุ่มเสี่ยงได้แก่ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยจะเกิดกับเพศชายมากกว่าเพศหญิง ผู้ที่มีภูมิคุ้นกันอ่อนแอ อันเกิดจากมะเร็ง หรือเอชไอวี
ผู้ที่ดื่มจัดหรือสูบบุหรี่จัด ผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะเทียม โดยติดเชื้อได้ทั้งทางปากและลมหายใจ ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์พบว่ากลุ่มนักท่องเที่ยว
บุคคลากรในวงการท่องเที่ยว รวมถึงประชาชนทั่วไปที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงจะมีโอกาสติดเชื้อได้มากที่สุด
ซึ่งจากการวิจัยพบว่าพื้นที่ภาคเหนือขณะนี้กำลังมีการแพร่ระบาดของโรคลีเจียนแนร์ โดยพบผู้ป่วยแล้วจำนวนหนึ่ง ล่าสุดศูนย์อนามัยที่ 10 เชียงใหม่
ได้เรียกประชุมผู้ประกอบการโรงแรมในภาคเหนือเพื่อเตรียมพร้อมรับมือ พร้อมกำชับให้ตรวจสอบทำความสะอาดระบบแอร์ ระบบจ่ายน้ำและระบบอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงทุกๆ 6
เดือนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ...
webmaster - 27/8/10 at 14:09
องค์การเภสัชกรรมผลิต "ขมิ้นชัน" สกัดแบบแคปซูน
27-08-2553 | 11:30 l ข่าวช่อง 7
.......การประชุม "มิติใหม่ทางยา ของแคปซูนสารสกัดขมิ้นชัน" ซึ่งมีนักวิชาการ ด้านการแพทย์หลายสาขา นำผลการศึกษาคุณภาพ ประสิทธิภาพ
และความปลอดภัยของสารสกัดขมิ้นชันมาเผยแพร่ พบว่า ช่วยรักษาโรคต่าง ๆ จนมีอาการดีขึ้น เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ข้ออักเสบ โดยเฉพาะมะเร็ง
และมีผลการศึกษาในต่างประเทศ ที่ใช้แคปซูนสกัดขมิ้นชัน ร่วมกับผู้ป่วยมะเร็ง พบว่า ผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อน จากเดิมต้องเสียชีวิตภายใน 2 เดือน
แต่ขณะนี้อายุยืนยาวต่ออีก 2 ปี เพราะว่า สารในขมิ้นชัน ไปยับยั้งเซลมะเร็งไม่ให้โตขึ้นและเสริมให้ฤทธิ์ยาแผนปัจจุบัน เข้าไปรักษาตัวเซลมะเร็งได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ยาแคปซูนสกัดขมิ้นชัน ใช้ชื่อว่า "แอนตี้อ๊อก" และจะมอบให้องค์การเภสัชกรรม หรือ อภ.ผลิต และส่งให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ
ได้รักษาผู้ป่วยมะเร็งและโรคอื่นๆ ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน และคุณสมบัติโดดเด่นกว่า ขมิ้นชันแคปซูนทั่วไป ตรงที่สกัดเฉพาะตัวสารที่ใช้ทางการแพทย์โดยตรง
ไม่มีส่วนประกอบอื่นๆ
webmaster - 27/9/10 at 10:40
: เปิด 3 ตำรับยาสมุนไพรต้านหวัด
24-09-2553 | 05:00 l ข่าวช่อง 7
....นอกจากสมุนไพร "ฟ้าทะลายโจร" ที่ประชาชนนิยมรับประทานแก้พิษไข้ แล้วล่าสุด กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุขโดย
นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดตำรับ ยาสมุนไพรอีก 3 ตำรับ ที่ให้ผลดีไม่แพ้กัน คือ
"ยาห้าราก" ที่ประกอบด้วย รากชิงชี่, รากย่านาง, รากคนทา, รากมะเดื่อชุมพร และ รากไม้เท้ายายม่อม ซึ่งสามารถดับพิษร้อน
ถอนพิษไข้ได้ดีทั้งในผู้ใหญ่ และเด็ก เพียงเริ่มมีอาการไข้หวัด ให้รีบรับประทาน ไม่เกิน 1 - 2 ชั่วโมงไข้จะลด
อีก 2 ตำรับคือ "จันทร์ลีลา" สมุนไพรที่ใช้ เช่น แก่นจันทร์ขาว, รากปลาไหลเผือก บอระเพ็ด ลูกกระดอม
และ ตำรับ "ยาเขียวหอม" ที่นิยมใช้ในเด็ก โดยมีสมุนไพรที่ใช้เช่น ใบผักกระโฉม ใบหมากเมีย เปราะหอม และ เกสรบัวหลวง
เพื่อไม่ให้เกิดโทษต่อร่างกาย แพทย์เตือนว่า ควรเลิกรับประทานยาสมุนไพรทันทีเมื่อหายจากไข้แล้ว หรือ รับประทานได้ไม่เกิน 2 สัปดาห์ เพราะหากรับประทานมากไป
เช่น ยาห้าราก อาจทำให้เกิดแขนขาชาได้
และระหว่างนี้ ประชาชนอาจรับประทานผัก เช่น พลูคาว, คาวตอง, กะหล่ำปลี, หอมแดง และ กระเพรา หรือเมนูแนะนำ คือ แกงส้มดอกแค, แกงเลียง
ส่วนผลไม้ควรเลือกที่มีรสเปรี้ยว ที่ช่วยขับเสมหะได้ดี เพราะมี วิตามินซีสูง โดยอาจนำมาทำเป็นน้ำผลไม้รับประทาน เช่น น้ำมะนาว, น้ำตรีผลา, น้ำมะขามป้อม
น้ำมะยม และน้ำปานะ
webmaster - 21/11/10 at 08:20
คลินิกอันตราย
15 พ.ย. 53 | 05:00 l ข่าว Thai PBS
....รายการ "เปิดปม" ติดตามปฏิบัติการของสำนักสถานพยาบาลและกองประกอบโรคศิลปะ กระทรวงสาธารณสุข ตรวจสอบพฤติกรรมบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าอ้างตัวเป็นแพทย์
เปิดคลินิกรักษาโรคโดยไม่เกรงกลัวความผิด มีการรวบรวมหลักฐาน จนนำสู่การจับกุมในที่สุด
การตรวจสอบเริ่มต้นด้วยการแฝงตัวเข้ารับการรักษาที่คลินิกที่ถูกร้องเรียน พบหลักฐานว่ามีการรักษาโดยบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ และ
ยังมีการปลอมแปลงลายมือชื่อของแพทย์อีกด้วย
นอกจากนั้น ยังตรวจสอบพฤติกรรมของร้านทำฟันแห่งหนึ่ง หลังได้รับการร้องเรียนว่า
เปิดบริการทำฟันปลอมและดัดฟันแฟชั่นในราคาถูกโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ ซึ่งนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อผู้ใช้บริการอีกด้วย