สุดอาลัย..พี่เป้า-สายัณห์ สัญญา เสียชีวิตแล้ว
praew - 27/10/10 at 08:41
สายัณห์ สัญญา แพทย์เผยเป็นมะเร็งตับ..ระยะสุดท้าย
เตือน..มะเร็งมาแรง..คาดปีหน้าจะเสียชีวิต 11 ล้านคนทั่วโลก
สถิติ "มะเร็ง" โรคยอดฮิตคนไทยตายปีละ 5.5 หมื่นคน
(ไอเอ็นเอ็น) .....น.พ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า โรคที่เป็นภัยสุขภาพของคนไทยที่ร้ายแรงที่สุดในขณะนี้ คือ โรคมะเร็ง
โดยจากการวิเคราะห์สถิติการเสียชีวิตของคนไทย ย้อนหลังตั้งแต่ พ.ศ.2543 ซึ่งมีปีละประมาณ 3 แสนคน พบว่า มะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1
ติดต่อกันเป็นเวลา 9 ปี
......ล่าสุด ในพ.ศ.2551 มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 55,403 คน เป็นชาย 32,060 คน หญิง 23,343 คน โดยร้อยละ 53
ของผู้เสียชีวิตเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป รองลงมา คือ วัยแรงงาน อายุ 15-59 ปี ร้อยละ 46 เฉลี่ยแล้วในแต่ละวันจะมีคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 152 คน หรือ
ชั่วโมงละ 6 คน
เมื่อแยกตามอวัยวะที่เกิดมะเร็ง ....
อันดับ 1 มะเร็งตับ 14,084 คน (เป็นชาย 9,951 คน หญิง 4,133 คน)
อันดับ 2 มะเร็งหลอดลม-ปอด 8,565 คน (ชาย 5,801 คน หญิง 2,764 คน) ทั้งมะเร็งตับและมะเร็งปอด ผู้เสียชีวิตเป็นชายมากกว่าหญิง 2
เท่าตัว
อันดับ 3 มะเร็งเต้านม 2,347 คน
อันดับ 4 มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก 1,839 คน
ข้อมูลอ้างอิง health.kapook.com
สถิติโรคมะเร็งของประเทศไทย
(ผู้ชาย - มะเร็งตับ, ผู้หญิง - มะเร็งปากมดลูก)
ที่มา : ฝ่ายแผนงานและสถิติ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ (National Cancer Institute)
โรคมะเร็งเป็นปัญหาทางสาธารณสุขของโลก เป็นสาเหตุการตายประมาณ
13% ของคนตาย ทั้งหมดซึ่งเป็นจำนวนมากกว่า 6 ล้านคน ในปี พ.ศ. 2537
มีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งมากกว่า 18 ล้านคนและมีผู้ป่วยใหม่ประมาณ 9 ล้าน
คน ในทุกๆ ปี และองค์การอนามัยโลกได้คาดการณ์ไว้ว่าในปี 2563 ทั่วโลก
จะมีคนตายด้วยโรคมะเร็งมากกว่า 11 ล้านคน และจะเกิดขึ้นในประเทศที่
กำลังพัฒนามากกว่า 7 ล้านคน เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับ
การเกิดโรคมะเร็ง
โรคมะเร็งเป็นโรคที่ใช้ระยะเวลานานหลายปีในการก่อให้เกิดโรค ในอนาคต
ประชาชนจะมีอายุ ยืนยาวขึ้นมีการควบคุมโรคติดต่อนี้ขึ้น มีการควบคุมให้
อัตราตายของทารกแรกคลอดและเด็กลดลง ทำให้โครงสร้างของประชากร
เปลี่ยนแปลงไป มีสารก่อมะเร็งมากขึ้นในสิ่งแวดล้อม และมีการเปลี่ยนแปลง
วิถีการดำเนินชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะการสูบบุหรี่ การดื่มสุรา และการ
รับประทานอาหารที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งมากขึ้น
โรคมะเร็งที่พบบ่อย 6 อันดับแรกของโลก มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร
มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับ และมะเร็งปากมดลูก ตามลำดับ
ชนิดของโรคมะเร็งที่พบบ่อยในแต่ละประเทศไม่เหมือนกันเนื่องจาก
ประชาชนมีการเกิดโรคติดเชื้อต่างกัน ได้รับรังสี สารเคมี มีพฤติกรรมการ
บริโภคอาหาร คุณสมบัติทางพันธุกรรม วิถีการดำเนินชีวิตและอยู่ในสิ่งแวด
ล้อมที่แตกต่างกัน
อุบัติการของโรคมะเร็งในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2536 พบว่ามีจำนวนผู้ป่วย
มะเร็งที่พบใหม่ 63,740 ราย
ในเพศชายมีจำนวนผู้ป่วยมะเร็งที่พบใหม่ 32,801 ราย/ปี โรคมะเร็งที่พบมากที่สุด
ในเพศชาย 10 อันดับแรก คือ
- มะเร็งตับ 8,189 ราย
- มะเร็งปอด 5,500 ราย
- มะเร็งลำไส้ใหญ่ 2,191 ราย
- มะเร็ง ช่องปาก 1,094 ราย
- มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ 1,057 ราย
- มะเร็งกระเพาะอาหาร 1,041 ราย
- มะเร็ง เม็ดเลือดขาว 891 ราย
- มะเร็งต่อมน้ำเหลือง 881 ราย
- มะเร็งหลังโพรงจมูก 855 ราย
- มะเร็งหลอดอาหาร 748 ราย
ในเพศหญิงมีจำนวนผู้ป่วยมะเร็งที่พบใหม่ 30,940 ราย/ปี
โรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในเพศหญิง 10 อันดับแรก
- มะเร็งปากมดลูก 5,462 ราย
- มะเร็งเต้านม 4,223 ราย
- มะเร็งตับ 3,679 ราย
- มะเร็งปอด 2,608 ราย
- มะเร็งลำไส้ใหญ่ 1,789 ราย
- มะเร็งรังไข่ 1,252 ราย
- มะเร็งช่องปาก 953 ราย
- มะเร็งต่อมธัยรอยด์ 885 ราย
- มะเร็งกระเพาะอาหาร 723 ราย
- มะเร็งคอมดลูก 703 ราย
5 ประการเพื่อการป้องกัน
1. รับประทานผักตระกูลกะหล่ำให้มาก เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักคะน้า
หัวผักกาด บรอคโคลี่ ฯลฯ
2.รับประทานอาหารที่มีกากมากเช่น ผัก ผลไม้ ข้าว ข้าวโพด และเมล็ด
ธัญพืชอื่นๆ
3.รับประทานอาหารที่มีเบต้า- แคโรทีน และ ไวตามินเอ สูงเช่น ผัก ผลไม้
สีเขียว-เหลือง
4. รับประทานอาหารที่มีไวตามินซีสูง เช่น ผัก ผลไม้ต่าง ๆ
5. ควบคุมน้ำหนักตัว
7 ประการเพื่อลดการเสี่ยง
1.ไม่รับประทานอาหารที่มีราขึ้น
2. ลดอาหารไขมัน
3.ลดอาหารดองเค็ม อาหารปิ้ง-ย่าง รมควัน และอาหารที่ถนอมด้วยเกลือ
ไนเตรท- ไนไตร์ท
4.ไม่รับประทานอาหารสุกๆ ดิบ ๆ เช่น ก้อยปลา ปลาจ่อม ฯลฯ
5.หยุดหรือลดการสูบบุหรี่
6.ลดการดื่มแอลกอฮอล์
7. อย่าตากแดด
เพื่อป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ลำไส้ส่วนปลาย กระเพาะอาหาร และอวัยวะ
ระบบทางเดินหายใจ
เพื่อป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร กล่องเสียง และปอด
เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร และ กระเพาะอาหาร
โรคอ้วนมีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็งมดลูก ถุงน้ำดี เต้านม และลำไส้ใหญ่ การออก กำลังกายและการลดรับประทานอาหารที่ให้ พลังงานสูง
จะช่วยป้องกันมะเร็ง เหล่านี้ได้
ข้อควรหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่จะเพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็ง
- อาหารที่มีราขึ้นโดยเฉพาะสีเขียว-เหลือง จะมี "สารอัลฟาทอกซิน" ปนเปื้อน ซึ่ง
อาจเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งตับ
- อาหารไขมันสูงจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็น มะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่และ
ต่อมลูกหมาก
- อาหารเหล่านี้ จะทำให้เสี่ยงต่อ มะเร็ง หลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร
และมะเร็งลำไส้ใหญ่ จะทำให้เป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ และเสี่ยงต่อการเป็น
มะเร็งของท่อน้ำดีในตับ
- การสูบบุหรี่ จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็น มะเร็งปอด กล่องเสียง ฯลฯ การเคี้ยว
ยาสูบจะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งช่องปาก และช่องคอ
- ดื่มแอลกอฮอล์ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ตับ ถ้าทั้งดื่มและสูบบุหรี่จะเสี่ยง
ต่อการ เป็นมะเร็งช่องปาก ช่องคอ กล่องเสียง และหลอดอาหาร
- ตากแดดจัดมากเกินไป จะเสี่ยงต่อการเกิด มะเร็งผิวหนัง
มหัศจรรย์...อาร์ติโชค "พืชอุดมคุณค่าสารพัด"
ผักสมุนไพร "อาร์ติโชก" ( Artichoke) บำรุงตับ ไต
ถุงน้ำดี
Sunday, March 7th, 2010 | sukapab.com
......ผักเมืองหนาวชนิดใหม่เริ่มให้ผลผลิต หลัง "โครงการหลวง" ทดลองปลูกกว่า 20 ปี พบช่วยลดคอเลสเตอรอล บำรุงตับ-ถุงน้ำดี
อร่อยได้หลายเมนู
......เมืองไทยพัฒนาไปตามยุคสมัย มีตึกสูงใหญ่มีรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินและบนดิน แต่ยังคงเป็นประเทศเกษตรกรรม คนไทยจึงโชคดีมีผักผลไม้นานาชนิด
ให้กินตลอดปีมีพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก และด้วยพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ที่ทรงริเริ่มโครงการหลวง เมื่อปี พ.ศ.2512 วันนี้คนไทยจึงมีโอกาสได้กินผักผลไม้เมืองหนาวที่เพาะปลูกในประเทศ รวมถึงพืชมากคุณค่าอย่าง อาร์ติโชค
(Artichoke)
ว่ากันว่าอาร์ติโชคถูกค้นพบมานานกว่า 3,000 ปี เป็นทั้งอาหารและยารักษาโรคของชาวอียิปต์ ชาวกรีก และชาวโรมันในยุคโบราณ ลำต้นของอาร์ติโชคสูงประมาณ 1-2 เมตร
มีใบสีเขียวส่วนดอกมีลักษณะเป็นกลีบแข็งซ้อนกันแน่นหลายชั้น เป็นพืชพื้นเมืองของแอฟริกาเหนือ สามารถปลูกได้ทั่วไปในแถบอากาศเย็น เช่น เมดิเตอร์เรเนียน
ยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือ โครงการหลวงได้เริ่มทดลองปลูกอาร์ติโชคมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2528
วันนี้โครงการหลวงมีพืชทั้งหมดมี 215 ชนิด แบ่งเป็น พืชผัก สมุนไพร และไม้ผลส่งเสริม พืชผัก 149 ชนิด ที่โดดเด่นได้แก่ สลัดแก้ว สลัดคอส มะเขือเทศ
เซเลอรี่ พืชตระกูลสลัด สลัดรวม ข้าวโพดหวาน 2 สี ฟักทองญี่ปุ่น แตงกวาญี่ปุ่น พริกหวานสีเขียว เหลือง แดง มะเขือเทศเชอร์รี ต้นหอมญี่ปุ่น มีสมุนไพร 50
ชนิด ที่โดดเด่น ได้แก่
โรสแมรี่ ลาเวนเดอร์ ชาสดสมุนไพร และไม้ผลส่งเสริม 16 ชนิด ที่มีผลผลิตในช่วงนี้ได้แก่ พลับ อาโวคาโค และเสาวรสรับประทานสด
สำหรับอาร์ติโชคเริ่มทดลองปลูกตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 ที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย โดยนำพันธุ์มาจากสหรัฐอเมริกา มีลักษณะดอกสีเขียวทรงกลมขนาดใหญ่ คุณ
อรรถกร บุญสิริ หัวหน้าฝ่ายการตลาด โครงการหลวง เล่าให้ฟัง
......วิธีการปลูกอาร์ติโชค คุณอรรถกร บอกว่า เริ่มจากการเพาะกล้าโดยใช้เมล็ดพันธุ์มาเพาะแบบประณีตในถาดหลุมเป็นระยะเวลา 1 เดือน
โดยจะเพาะกล้าในช่วงเดือนมิถุนายน จากนั้นย้ายปลูกในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม ให้ปุ๋ยบำรุงต้นทุกเดือนประมาณ 6-7 ครั้ง
และจะเก็บเกี่ยวในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ใช้เวลาในการปลูกประมาณ 6 เดือน จึงสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 900-1,000 กิโลกรัมต่อไร่ มูลนิธิโครงการหลวงมีผลผลิตรวมประมาณ 5,000 กิโลกรัมต่อปี โดยจะมีผลผลิตในช่วงเดือน
มีนาคมถึงเดือนพฤษภาคมเท่านั้น ผลผลิตสดจะส่งจำหน่ายตามร้านอาหารและโรงแรม และมีการแปรรูปเป็นชาอาร์ติโชคและคุกกี้อาร์ติโชค
คุณประโยชน์ที่ทำให้หลายคนยกให้อาร์ติโชคเป็น ผักมหัศจรรย์ เนื่องจากสามารถใช้ได้ตั้งแต่ดอก ลำต้น หน่อ และราก
อาร์ติโชคขนาดกลางหลังจากต้มแล้วมีแคลอรีต่ำกว่า 60 แคลอรี สีสรรพคุณช่วยระบบการย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือแก๊สในกระเพาะอาหาร
เป็นแหล่งอาหารให้กับแบคทีเรียดีในลำไส้เล็ก
สาร ไซนาริน ในอาร์ติโชคสามารถสกัดมาเพื่อใช้บำรุงสุขภาพ ช่วยบำรุงและกระตุ้นการทำงานของตับ กระตุ้นการสร้างน้ำดีของตับ ลดไขมันในเลือดและคอเลสเตอรอล
ช่วยให้ระบบหลอดเลือดและหัวใจทำงานได้ดี ป้องกันหลอดเลือดอุดตัน เสริมสร้างการทำงานของถุงน้ำดี ป้องกันถุงน้ำดีอักเสบและตับอักเสบ
ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคดีซ่านและโรคตับแข็ง มีคุณสมบัติลดโดยไม่ทำลายตับ
อาร์ติโชคมีสาร ฟลาโวนอยด์ ช่วยบำบัดอาการตับอักเสบเรื้อรัง มีสาร อินนูลิน
ซึ่งเป็นแป้งรูปแบบหนึ่งทำให้ย่อยยากกว่าปกติส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างช้าๆ เหมาะสำหรับคนเป็นโรคเบาหวานช่วยให้ควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ดีกว่าเดิม
นอกจากนี้อาร์ติโชคยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะทำให้น้ำไม่คั่งในร่างกายและลดความดันเลือดได้
ถือว่าเป็นผักมหัศจรรย์เพราะว่าดีกับตับและไต ดีกับตับเพราะมีสรรพคุณช่วยรักษาอาการตับอักเสบเรื้อรัง ดีกับไตคือช่วยในการขับถ่ายของเสียทำให้ไตสะอาด
และดีกับคนเป็นโรคหัวใจโรคเบาหวานเพราะช่วยลดคอเลสเตอรอล น้ำตาล และไขมันในเลือด สรรพคุณอีกอย่างคือช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
เรียกได้ว่าดีทุกอย่างแต่บ้านเราอาจจะถือว่าเป็นผักที่ยังรู้จักน้อยอยู่ คุณ ขาบ-สุทธิพงษ์ สุริยะ ฟู้ดสไตล์ลิสต์ จาก ขาบสตูดิโอ (KARB STUDIO) บอก
อาร์ติโชคที่ดีจะอยู่ที่ประมาณอายุไม่เกิน 120 วัน ควรจะเป็นดอกตูมไม่บาน หลังจากซื้อมาควรจะตัดส่วนก้านให้เหลือประมาณ 1
ฟุตแล้วใส่ถุงแช่ในตู้เย็นแต่เวลาตัดต้องระวังไม่ให้หน้าดอกช้ำ เวลาจะทานก็ตัดก้านออกให้เหลือประมาณ 1 นิ้ว ตัดปลายดอกออกประมาณ 1 นิ้ว
และตัดส่วนปลายกลีบดอกที่เป็นหนามออก เอาตัวดอกไปต้มในน้ำเดือดประมาณ 30 นาที หรือนึ่งก็ได้ ถ้าต้มจะต้องใส่น้ำมะนาวเพื่อให้ไม่ดำ เอาส้อมจิ้มๆ
ดูพอสุกแล้วก็เทน้ำทิ้งปล่อยให้เย็น คว่ำดอกลงให้สะเด็ดน้ำ ดึงกลีบดอกออกมาตรงโคนของกลีบจะมีเนื้อเอาไปจิ้มกับเนยละลายทานได้เลยมีรสมันกลิ่นหอม
.....อาร์ติโชคใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารและแปรรูปได้หลากหลาย คุณสุทธิพงษ์เป็นผู้นำชาอาร์ติโชคของโครงการหลวงมาแปรรูปเป็น
คุกกี้อาร์ติโชค
คุกกี้อาร์ติโชค
ส่วนผสม
เนื้ออาร์ติโชค 200 กรัม (ชาอาร์ติโชค 6 ซอง)
แป้งสาลีสำหรับทำเค้ก 500 กรัม
เนยสด 250 กรัม
ไข่ไก่ 1 ฟอง
น้ำตาลทรายขาว 200 กรัม
ผงฟู 1 ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
-นำเนยสดใส่เครื่องผสมตีด้วยความเร็วปานกลาง ประมาณ 7-10 นาทีจนเนยเป็นครีมขาว ค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป
จากนั้นตอกไข่ใส่ลงไปตีต่อจนส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อครีม
-ใส่เนื้ออาร์ติโชคบดแห้งที่แช่น้ำร้อนจนนิ่ม พร้อมกับแป้งสาลีที่ผสมกับผงฟู ตีผสมพอเข้ากัน
-นำส่วนผสมที่ได้มานวดต่ออีกที แบ่งแป้งเป็นส่วนๆ นำมาคลึงให้เป็นแผ่นหนาประมาณ 0.5 เซนติเมตร
-นำพิมพ์มากดเป็นรูปต่างๆ ใส่ถาดนำเข้าอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 25 นาทีจนสุก นำออกจากเตาอบพักไว้ให้เย็น พร้อมรับประทาน
อาร์ติโชคทำได้ทุกอย่างทั้งอาหารคาวและอาหารหวานแต่ส่วนมากคนจะใช้ทำอาหารคาว ทำอะไรได้บ้าง สลัด ตัวโคนกลีบเอาไปจิ้มกับเนย ตัวของดอกเล็กๆ
ก็เอาไปชุบแป้งทอด ทำซุปใส่กับพวกมันฝรั่ง เอาไปบดทำสเปรดทากับแซนด์วิช สารพัดเลยแต่ว่าผมไม่ทำอาหารคาวทำเป็นขนมหวานเป็นคุกกี้
ใช้ชาอาร์ติโชคซึ่งโครงการหลวงใช้ส่วนลำต้น ใบ และกลีบดอกมาตากแห้งอบแล้วสับละเอียดทำเป็นชาซึ่งดีมาก ผมเคยไปที่เมืองดาลัท ประเทศเวียดนาม
ชาอาร์ติโชคถือว่าสุดยอด เขาปลูกแล้วทำเป็นชาส่งออกไปประเทศฝรั่งเศส
.....ในฐานะที่เป็นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของโครงการหลวงมาโดยตลอด คุณสุทธิพงษ์ บอกว่า
นับเป็นโชคดีที่เราอยู่ในประเทศไทยมีในหลวงเป็นผู้ริเริ่มโครงการ อย่างที่หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี บอกว่า
พระองค์ท่านไม่ได้มีเรื่องดำริอย่างเดียวแต่ทรงลงมือทำด้วย ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับคนไทยและช่วยให้คนไทยหันมาบริโภคสิ่งที่มีคุณค่าและมีประโยชน์
ที่สำคัญคนไทยจะมีสุขภาพกายที่ดีโรคภัยไม่มาเยี่ยมเยียน โครงการหลวงนอกจากจะมีผักยังมีของตกแต่งบ้านด้วย
ผมจะไปร้านดอยคำใกล้บ้านมีดอกไม้มีของแห้งขึ้นอยู่กับฤดูกาล แต่ละฤดูก็จะมีไม่เหมือนกัน ผมถือว่าโชคดีที่ได้ใช้บริการโครงการหลวง
ข้อมูลอ้างอิง
-มารู้จักอาร์ติโชค พญ.ลลิตา ธีระสิริ
-อาร์ติโชค พืชอาหารและเภสัช ศักดา ศรีนิเวศน์ สำนักพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร
webmaster - 9/12/10 at 18:08
(Update 22-11-53)
ข้อสรุป...อาร์ติโช๊ค บำรุงไต บำรุงตับ และถุงน้ำดี
Artichoke (ATISO) อาร์ติโช๊ค
.....อาร์ติโช๊ค (Cynara scolymus)
เป็นพืชที่นิยมปลูกในต่างประเทศ เฉพาะภูเขาสูงมากกว่า 1,500 เมตร เท่านั้น ปี 2513 นักวิทยาศาสตร์ชาวยุโรป ได้ค้นพบสารไซนาริน มีคุณค่าทางอาหาร และยา
นำมาบริโภคสด หรือปรุงอาหารได้ทุกส่วน หรือนำมาสกัดสารไซนาริน(Synarin) รับประทานเพื่อบำรุงรักษาสุขภาพได้ดี
ในยุคโบราณอาร์ติโช๊คเป็นอาหาร และยารักษาโรคของชาวอียิปต์ ชาวกรีก และชาวโรมัน และเป็นเมนูอาหารที่สำคัญในทุกงานเลี้ยงของกรุงโรม นอกจากจะเป็นอาหารเสริม
แล้วยังมีสรรพคุณทางยา ดังนี้
1. ช่วยบำรุง กระตุ้นการทำงานของตับ ซึ่งตับเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย ทำหน้าที่ในการสกัดสารพิษ หรือสิ่งแปลกปลอมออกจากกระแสโลหิต
สร้างน้ำดีและน้ำย่อย และเปลี่ยนแปลงหรือสร้างสารอาหาร ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย
2. กระตุ้น การสร้างน้ำดีของตับ ทำให้มีประสิทธิภาพในการลดไขมัน (Chloresteral) ในเลือด ช่วยให้ระบบหลอดเลือดและหัวใจทำงานดี ป้องกันหลอดเลือดอุดตัน
3. เสริมสร้างการทำงานของถุงน้ำดี ช่วยสร้างน้ำดีป้องกันถุงน้ำดีอักเสบ ซึ่งมักเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีไขมันมาก ทำให้ระบบการย่อยอาหารดี
ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ มีแก๊สในกระเพาะอาหารมาก
4. ช่วยป้องกันตับอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคดีซ่าน และโรคตับแข็ง (Cirrhosis) ในประเทศบราซิล อาร์ติโช๊ค เป็นยาสมุนไพรพื้นฐาน
ที่ใช้รักษาอาการเจ็บป่วยของตับ และโรคอื่นหลายโรค ได้อย่างกว้างขวาง เช่น โรคโลหิตจาง เบาหวาน ไข้ รักษาบาดแผล และเกาส์
ที่มา - artichoke.igetweb.com
ชาอาร์ติโช๊ค | Artichoke ปัจจุบันมีจำหน่ายที่...
1. สาขาองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อตก)
101 ถนนกำแพงเพชร จตุจักร กรุงเทพฯ 10900
โทร.0-2279-1551
2. สาขามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (สำนักงานตลาดกรุงเทพฯ)
50 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จตุจักร กรุงเทพฯ 10900
โทร. 0-2942-8656-9,0-2579-5142
3. สาขาดิโอล์ยาม
106 ถนนตรีเพชร วังบูรพาภิรมย์ พระนคร กรุงเทพฯ
โทร. 0-2225-0623
4.สาขาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
5. สาขาสุเทพ (สำนักงานตลาดเชียงใหม่)
อาคารเฉลิมพระเกียรติ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิททยาลัยเชียงใหม่
โทร.0-5394-4087, 0-5321-1613,0-5321-1656
6. สาขาท่าอากาศยาน จ.เชียงใหม่
ภายในท่าอากาศยานจังหวัดเชียงใหม่
โทร. 0-53270-222 ต่อ 2127
7. สาขากาดฝรั่ง อ.หางดง จ.เชียงใหม่
โทร. 0-5343-2816
8. ห้างสรรพสินค้าซูปเปอร์มาเก็ตทั่วไป
- ตลาดบองก์มาเช่ (เข้าทางวัดเสมียนนารี หลักสี่ กทม.)
- ฟิวเจอร์ปาร์ค (รังสิต)
webmaster - 12/9/13 at 22:22
.