คลิปวงจรปิด..ถ่ายติดวิญญาณ
webmaster - 2/9/09 at 14:21
คลิปวงจรปิด..ถ่ายติดวิญญาณ
ภาพข่าว 30 กันยายน 2554
สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานข่าว คลิปติดวิญญาณ ซึ่งได้รับการยืนยันว่าเป็นภาพวิญญาณของหญิงสาวคนหนึ่งจริงๆ
......ทั้งนี้ คลิปวิดีโอดังกล่าว เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านขายโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่ง ในภาพนั้นปรากฏเงาของหญิงสาวเดินผ่านมาตรงประตูด้านหลังของร้าน
เธอหยุดเดินก่อนจะหันมามองที่กล้อง โดยในตอนต้นของคลิปนี้ มีการเขียนยืนยันว่า ร้านขายโทรศัพท์มือถือดังกล่าว เคยเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาก่อน
จึงคาดกันว่าวิญญาณนั้นอาจเป็นเด็กกำพร้าที่เสียชีวิตไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีการเขียนอีกด้วยว่า
คลิปวิดีโอนี้ได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญแล้วว่าเป็นวิญญาณจริงๆ ไม่จำเป็นจะต้องหาคำตอบใดๆอีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายแอรดริว ดาซิลวา ได้นำคลิปดังกล่าวไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ยูทูป พร้อมกับเขียนความเห็นว่า
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยเมื่อเขาเห็นมันซึ่งทำให้เขาตื่นเต้นมาก แต่ก็ยังมีผู้ที่ชมคลิปนี้แสดงความเห็นต่างออกไปว่าเป็นการตัดต่อใช้เอฟเฟคพิเศษ
ซึ่งรายงานข่าวได้ระบุให้ชมคลิปแล้วตัดสินเอาเองว่าจะเชื่อหรือไม่...?
เด็ก ป.6 อุดรธานี ถ่ายภาพติด..มือผี !!!
12 กันยายน 2554 | ภาพ-ข่าว : news.sanook.com :
เด็ก ป.6 ใน จ.อุดรธานี ถ่ายรูปเพื่อนเจอแขนปริศนายาวเหมือนแขนเปรตโผล่กลางภาพ ครูประจำชั้นบอกที่
ร.ร.มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นบ่อย
......ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (11 ก.ย.) ที่ โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขต อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี พบเด็กถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์มือถือ
แล้วมีแขนปริศนาโผล่ออกมาจากภาพถ่ายมีความยาวคล้ายแขนผีเปรต จากการสอบถามทราบว่า เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1
กำลังเรียนวิชาภาษาไทย ด.ช.เอ (นามสมมุติ) ได้นำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพ ด.ช.บี (นามสมมติ) เพื่อนในห้องเรียน
เนื่องจากจะเก็บเอาไว้ดูหลังแยกย้ายกันไปศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษา โดย ด.ช.บี ไม่อยากถ่าย เนื่องจากเป็นคนขี้อายจึงได้นำร่มมาบังหน้า หลังจาก ด.ช.เอ
ถ่ายภาพเสร็จ ได้เปิดดูถึงกับตกใจ เพราะภาพที่ถ่ายออกมานั้นมีแขนปริศนาโผล่ออกมาด้วย ซึ่งดูแล้วไม่เหมือนแขนของคน เพราะมีความยาวมากและไม่มีข้อศอก โดย
ด.ช.เอ ยืนยันว่า ขณะถ่ายภาพทุกอย่างปกติไม่มีแขนใครหรือคนไหนอยู่ด้วยเลย
ด้าน ครูประจำชั้น กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ยอมรับว่าที่โรงเรียนมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นอยู่หลายครั้ง แต่ไม่ขอพูดรายละเอียด
เพราะเกรงว่าจะเสียชื่อเสียงของโรงเรียน ซึ่งในแต่ละปีที่โรงเรียนก็มีการทำบุญทุกปี
webmaster - 13/10/10 at 08:12
พบพระพุทธรูปลอยน้ำที่ท่าเรือคลองเตย
วันที่ 06 ธันวาคม พ.ศ. 2553 | เวลา 20:40:28 น. | ภาพ-ข่าว : มติชนออนไลน์ :
......เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอลงกรณ์ ตุ้ยประเสริฐ ลูกจ้างชั่วคราวการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้พบพระพุทธรูป ฐานหน้าตัก 9 นิ้ว
สูงประมาณ 1 ฟุต น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ลอยอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าท่าเรือคลองเตย เมื่อค่ำวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา มีโคลนติดทั่วองค์พระ
จึงใช้แปรงสีฟันทำความสะอาด จากนั้นนำไปตั้งบูชาที่สำนักงาน ขณะเดียวกันได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานรอเจ้าของมารับคืนต่อไป นอกจากนี้
ได้ประสานเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรมาตรวจสอบ ในวันที่ 7 ธันวาคม
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากประชาชนย่านท่าเรือคลองเตยทราบข่าว จึงแห่มากราบไหว้บูชา เพราะเชื่อในความอัศจรรย์ ที่พระพุทธรูปลอยน้ำได้
และถ่ายรูปเพื่อความเป็นสิริมงคล บ้างก็ขอเลขเสี่ยงดวงกัน ต่อมา
เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายไปไว้ที่สำนักงานใหญ่การท่าเรือฯเพื่อให้สะดวกต่อประชาชนมากราบไหว้บูชา
webmaster - 7/12/10 at 17:31
เหลือเชื่อ..! พบพระพุทธรูปแก้วในแม่น้ำโขง
หลัง ด.ช. อายุ 14 ฝันชายโบราณขอความช่วยเหลือ
........ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2553 ว่า หลังจากมีคนร่ำลือว่า ที่บ้านพระกลางท่า หมู่ 2 ต.พระกลางทุ่ง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม
ได้มีชาวบ้านพบพระศักดิ์สิทธิ์ลอยมาตามแม่น้ำโขง แล้วนำมาเก็บรักษาไว้ที่วัดพระกลางท่า ทำให้มีคนแห่ไปกราบไหว้บูชาจำนวนมาก
จึงได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่วัดดังกล่าว พบพระชาชนจำนวนมาก เดินทางมากราบไหว้บูชา เพื่อเป็นสิริมงคลไม่ขาดสาย
โดยชาวบ้านได้มีการจัดพิธีรำบวงสรวงบูชา เพื่อเป็นสิริมงคลด้วย
นายวันชัย แสงครุฑ อายุ 45 ปี ชาวบ้านพระกลางทุ่ง เล่าว่า พระพุทธรูปองค์ดังกล่าว ได้มาหลังจาก ด.ช.ภานุเดช มาติยา อายุ 14 ปี หลานชาย ฝันว่า
มีชายแต่งชุดโบราณมาขอความช่วยเหลือ ว่าอยู่ในน้ำโขงมานาน ต้องการขึ้นมาอยู่ที่วัดในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่โบราณ เป็นที่ตั้งของพระองค์ตื้อ
อายุเก่าแก่กว่า 100 ปี โดยให้เดินลงไปบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงใกล้บ้านก็จะพบอะไรบางอย่าง ซึ่งตอนแรกตนไม่เชื่อ แต่หลานชายก็พยายามชวนให้ไปดูเผื่อเป็นจริง
จนกระทั่งเดินลงไปบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงหน้าบ้าน ห่างจากวัดประมาณ 30 เมตร จึงพบพระพุทธรูปองค์นี้ โผล่เหนือน้ำอยู่ครึ่งองค์ จากนั้นจึงนำขึ้นมา
ตรวจสอบพบเป็นพระพุทธรูปทำจากแก้ว มีสีเขียวมรกต ขนาดหน้าตักประมาณ 9 นิ้ว สูงประมาณ 12 นิ้ว ด้านหน้าฐาน มีอักษรเป็นตัวหนังสือเขียนไว้ว่า
"สำนักพุทธศรีประทีป" ส่วนฐานด้านหลังเขียนว่า ทรงพระเจริญ พิธีเสาร์ 5 รุ่น 1 ร.9 และยังพบพระผงสมเด็จ องค์เล็กอีก 2 องค์ อยู่ใต้ฐาน
จึงได้นำมาเก็บรักษาที่อุโบสถวัดพระกลางท่า ตามความฝัน
พอชาวบ้านทราบข่าวต่างแห่กันมากราบไหว้บูชา เชื่อว่าเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อ ถึงแม้ดูลักษณะแล้วอาจไม่ใช่พระเก่าแก่มากนัก
แต่เชื่อว่าเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ เพราะเกิดเรื่องปาฏิหาริย์ก่อนพบเห็น ที่สำคัญเรื่องนี้หลายคนอาจมองว่า อาจเป็นการกรุเรื่องขึ้น
แต่ขอยืนยันว่าไม่มีความจำเป็น เพราะชาวบ้านแถบนี้เชื่อในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครกล้าลบหลู่หรือนำเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นแน่นอน
ส่วนด.ช.ภานุเดช ม เจ้าของความฝัน กล่าวว่า เรื่องนี้ตอนแรกหลังจากที่ตนฝัน เล่าให้พ่อแม่ฟัง แต่ไม่มีใครเชื่อ เพราะตนเป็นเด็ก แต่ตนคาใจ
เนื่องจากในความฝันเหมือนเป็นจริง จึงไปเล่าให้อาฟัง และพยายามพาไปดู บริเวณจุดที่ชายแต่งชุดโบราณ มาเข้าฝันให้ไปดู จนกระทั่งพบมีพระพุทธรูปองค์นี้
ก่อนนำขึ้นมากราบไหว้บูชา
ทางด้าน นายชูเกียรติ มูลชัย อายุ 45 ปี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพระกลางทุ่ง เจ้าของพื้นที่ กล่าวว่า หลังจากทราบข่าว ตนได้เดินทางมาตรวจสอบ
พูดคุยกับชาวบ้าน เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดจากความฝันจริง เพราะดูจากพื้นฐานของครอบครัวผู้พบเห็นแล้ว คงไม่โกหกแน่นอน
แต่คงเป็นเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากที่วัดในหมู่บ้านก็มีพระองค์ตื้อ ซึ่งเป็นพระเก่าแก่โบราณอายุหลาย 100 ปี
และการที่พบพระองค์ดังกล่าว ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นความโชคดีของหมู่บ้าน ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะมาทำให้หมู่บ้าน และวัดเจริญรุ่งเรือง
อย่างไรก็ตามก็เป็นความเชื่อของชาวบ้าน ไม่ใช่เรื่องงมงาย แต่ขณะนี้ในเรื่องของที่มาอายุความเก่าแก่นั้นยังไม่สามารถระบุได้
โดยตนจะได้มีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง กรมศิลปากร มาตรวจสอบ หาหลักฐานที่มาของพระพุทธรูปองค์นี้ เก็บรักษาไว้ให้ประชาชนมากราบไหว้บูชา
เพื่อเป็นสิริมงคลต่อไป
ที่มา ..ขอบคุณทีมงาน มติชน
webmaster - 19/12/10 at 10:25
อ้าง "ลูกแก้ว" ตกจากฟ้ากว่าร้อยลูก หล่นมาพร้อมสายฝนที่ จ.แพร่
01-09-2552 | 19:30 l ชาวบ้านในหมู่บ้านปง หมู่ที่ 10 ตำบลห้วยม้า อำเภอเมืองแพร่ ต่างพากันไปดูลูกแก้วประหลาดที่นางสุพรรณ ประกาศ
ชาวบ้านในหมู่บ้านเก็บได้ โดยนางสุพรรณ บอกว่า วานนี้ในช่วงที่ฝนตกหนัก ได้มีลูกแก้วประหลาดหล่นลงมาพร้อมกับสายฝน จึงได้เก็บไว้ ได้ทั้งหมด 156 ลูก
ลูกแก้วดังกล่าว มีลักษณะสีใส เมื่อจับดูจะนิ่ม แต่หากตกลงพื้นจะเด้งเหมือนลูกปิงปอง ซึ่งแตกต่างจากลูกแก้วที่เคยเห็นทั่วไป
อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวบ้านมีความคิดเห็นออกเป็น 2 ฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่ง เชื่อว่า เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หล่นมาจากท้องฟ้า
ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งกลับมอง ว่า น่าจะเป็นสิ่งที่มนุษย์ทำขึ้น อีกทั้งยังไม่มีหน่วยงานของทางราชการเข้าไปตรวจสอบ ว่า สิ่งที่ชาวบ้านเก็บได้เป็นสิ่งใด
และมีที่มาตามที่ชาวบ้านกล่าวอ้างหรือไม่ และต้องรอการพิสูจน์ต่อไป
ที่มา - www.ch7.com
.......พบลูกเห็บประหลาดที่แพร่ ฝนถล่มทั้งคืน พอเช้าชาวบ้านเก็บมาดูกลายเป็นลูกแก้วใสๆ ลูกเท่าหัวนิ้วก้อยหลายร้อย มีลักษณะนุ่มนิ่มคล้ายวุ้น
ชาวบ้านแห่ดู พร้อมตีเลขเด็ดตามเคย..
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 ก.ย. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 32 บ้านปง หมู่ที่ 10 ต.ห้วยม้า อ.เมือง จ.แพร่
หลังจากมีข่าวว่าเกิดมีลูกเห็บประหลาดคล้ายลูกแก้วถล่มอย่างหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา
บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านชั้นเดียว พบมีชาวบ้านกว่า 100 คน พากันมุงดูและจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันเรื่องลูกเห็บ นางสุพรรณ สุวรรณประกาย อายุ 52 ปี
เจ้าของบ้าน ได้เอาขวดกาแฟ ที่ใส่ลูกเห็บอยู่จำนวน 156 เม็ด ออกมาให้ดู และเทลงกับใบไม้ พบว่าเป็นลูกแก้วใส ขนาดเท่าหัวนิ้วก้อยเท่ากันหมด
แต่ละลูกนุ่มนิ่มเหมือนขนมวุ้น แต่นุ่มแล้วแข็งไม่แตก เป็นที่ประหลาดใจของชาวบ้าน
นางสุพรรณ เผยว่า เมื่อคืนนี้ฝนตกอย่างหนักตลอดทั้งคืนตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงเช้า และได้ยินเสียงคล้ายลูกเห็บตำใส่หลังคาสังกะสีเสียงดังมาก
แต่ก็ไม่ได้สนใจออกมาดู พอรุ่งเช้า ตนออกมาทำความสะอาดเก็บกวาดเศษใบไม้ที่ปลิวเข้ามาในบ้าน ก็ต้องประหลาดใจ เมืองพบว่าในรางน้ำมีลูกแก้วใสๆ
จำนวนมากกองรวมกันอยู่ เมื่อชาวบ้านทราบข่าวก็แห่มาดูและพากันเก็บไปคนละเม็ดสองเม็ด ส่วนตนเก็บใส่ขวดแก้วได้ 156 เม็ด นางสุพรรณ กล่าวด้วยว่า
แปลกใจมากว่าลูกเห็บดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร และทำไมมาตกเฉพาะที่บ้านของตน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ดี หลังจากชาวบ้านทราบข่าวต่างก็แห่กันมาดูไม่ขาดสาย ซึ่งเจ้าของบ้านก็ไม่ได้เอาออกมาจากขวดให้ชาวบ้านดู
และบอกว่าจะปรึกษาทางผู้ใหญ่บ้านก่อนว่าจะเอายังไงหากสงสัยกันมากๆก็อยากให้ มีใครเข้าไปตรวจสอบเพื่อให้รู้ว่าเกิดจากอะไรกันแน่
แต่ที่แน่ๆชาวบ้านหลายร้อยคนที่ไปดูต่างก็พากันเอาไปแทงเลขเด็ดตามเคย
ที่มา - www.thairath.co.th
.......ลูกเห็บประหลาดจ.แพร่ ที่แท้เป็นลูกเจลน้ำหอม
2 กย. 2552 06:14 น.
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 1 สิงหาคม ชาวบ้าน ต.ห้วยม้า อ.เมือง จ.แพร่ และ ชาวบ้าน ต.บ้านเวียง อ.ร้องกวาง จ.แพร่
ที่เป็นตำบลที่อยู่ติดกันทราบข่าวว่าที่บ้านนางสุพรรณ สุวรรณประกาย อายุ 55 ปี ได้มีการเก็บลูกเห็บประหลาด จำนวน 156 เม็ด
ซึ่งมีลักษณะเม็ดกลมข้างในเป็นวุ้นใสนิ่มๆเหมือนลูกแก้วหากไม่บีบอย่างแรงก็จะไม่แตก
ขณะที่ชาวบ้านมาขอดูลูกเห็บได้มีชาวบ้านจำนวนสองรายได้หยิบกินเข้าไปเพราะเชื่อว่าจะสามารถรักษาโรคได้ นางสุพรรณ สุวรรณประกาย
เจ้าของบ้านได้เก็บลูกเห็บดังกล่าวหลังจากฝนตกมาตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2552 เพราะหลังจากฝนตกแล้ว
ได้เก็บกวาดบ้านพบว่าลูกเห็บตกอยู่ในรางน้ำของบ้านซึ่งรองรับน้ำฝนมาจากหลังคาบ้าน จึงเชื่อว่าคงจะตกมาพร้อมกับสายฝนอย่างแน่นอน จึงได้เก็บใส่ขวดโหลไว้
ต่อมาชาวบ้านทราบข่าวมาจากไหนก็ไม่ทราบก็ทยอยมาดู และนำไปซื้อเลขหวยตามเลขที่บ้าน คือเลข 32
ต่อมา นายต๋อย ตุ้ยดา ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.ห้วยม้า อ.เมือง จ.แพร่ ได้รับมอบหมายจากทางอำเภอเมืองแพร่ ให้ทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงถึงที่มาที่ไป
จึงให้นางสุพรรณโทรไปถามลูกสาวจึงได้ความว่า ลูกเห็บดังกล่าวเป็นลูกเจลน้ำหอมที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป
ซึ่งหลังจากน้ำหอมหมดลูกสาวก็เทเจลน้ำหอมที่เป็นก้อนกลมใสๆทิ้งลงรางน้ำของบ้าน เมื่อฝนตกก็ไหลลงตามร่อง เมื่อนางสุพรรณพบจึงคิดว่าตกมาจากฟ้า
ส่วนชาวบ้านที่ถูกหวยเป็นชาวบ้านตำบลห้วยม้า และชาวบ้านตำบลบ้านเวียง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ ที่เข้ามาดูและคิดว่าเป็นลูกเห็บประหลาดดังกล่าว ก็ถือว่าโชคดี
เนื่องจากซื้อเลข 32 และ 65 ถูกหวยไปตามกัน ส่วนชาวบ้านที่จะเข้ามาชมนั้นก็ได้แจ้งเสียงตามสายให้ทราบว่า เป็นลูกเจลในขวดน้ำหอมของผู้หญิงเท่านั้น
และไม่ให้ชาวบ้านนำไปกิน เพราะอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
ที่มา - http://breakingnews.nationchannel.com
.....ลูกเห็บประหลาด จ.แพร่
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 1 สิงหาคม ชาวบ้าน ต.ห้วยม้า อ.เมือง จ.แพร่ และ ชาวบ้าน ต.บ้านเวียง อ.ร้องกวาง จ.แพร่
ที่เป็นตำบลที่อยู่ติดกันทราบข่าวว่าที่บ้านนางสุพรรณ สุวรรณประกาย อายุ 55 ปี ได้มีการเก็บลูกเห็บประหลาด จำนวน 156 เม็ด
ซึ่งมีลักษณะเม็ดกลมข้างในเป็นวุ้นใสนิ่มๆเหมือนลูกแก้วหากไม่บีบอย่างแรงก็จะไม่แตก
ขณะที่ชาวบ้านมาขอดูลูกเห็บได้มีชาวบ้านจำนวนสองรายได้หยิบกินเข้าไปเพราะเชื่อว่าจะสามารถรักษาโรคได้ นางสุพรรณ สุวรรณประกาย
เจ้าของบ้านได้เก็บลูกเห็บดังกล่าวหลังจากฝนตกมาตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2552 เพราะหลังจากฝนตกแล้ว
ได้เก็บกวาดบ้านพบว่าลูกเห็บตกอยู่ในรางน้ำของบ้านซึ่งรองรับน้ำฝนมาจากหลังคาบ้าน จึงเชื่อว่าคงจะตกมาพร้อมกับสายฝนอย่างแน่นอน จึงได้เก็บใส่ขวดโหลไว้
ต่อมาชาวบ้านทราบข่าวมาจากไหนก็ไม่ทราบก็ทยอยมาดู และนำไปซื้อเลขหวยตามเลขที่บ้าน คือเลข 32
ต่อมา นายต๋อย ตุ้ยดา ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.ห้วยม้า อ.เมือง จ.แพร่ ได้รับมอบหมายจากทางอำเภอเมืองแพร่ ให้ทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงถึงที่มาที่ไป
จึงให้นางสุพรรณโทรไปถามลูกสาวจึงได้ความว่า ลูกเห็บดังกล่าวเป็นลูกเจลน้ำหอมที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป
ซึ่งหลังจากน้ำหอมหมดลูกสาวก็เทเจลน้ำหอมที่เป็นก้อนกลมใสๆทิ้งลงรางน้ำของบ้าน เมื่อฝนตกก็ไหลลงตามร่อง เมื่อนางสุพรรณพบจึงคิดว่าตกมาจากฟ้า
ส่วนชาวบ้านที่ถูกหวยเป็นชาวบ้านตำบลห้วยม้า และชาวบ้านตำบลบ้านเวียง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ ที่เข้ามาดูและคิดว่าเป็นลูกเห็บประหลาดดังกล่าว ก็ถือว่าโชคดี
เนื่องจากซื้อเลข 32 และ 65 ถูกหวยไปตามกัน ส่วนชาวบ้านที่จะเข้ามาชมนั้นก็ได้แจ้งเสียงตามสายให้ทราบว่า เป็นลูกเจลในขวดน้ำหอมของผู้หญิงเท่านั้น
และไม่ให้ชาวบ้านนำไปกิน เพราะอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
ที่มา : เนชั่นทันข่าว
.......ลูกแก้วหลากสีตกมาจากท้องฟ้าพร้อมกับสายฝน ที่ อ.ท่าตเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา
เมื่อคืนวันที่ 1 ส.ค. 2552 เวลา ประมาณ 19.00 น.ได้มีลูกแก้วหลากสีตกมาจากท้องฟ้าพร้อมกับสายฝน ที่ อ.ท่าตเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา บริเวณ บ้าน นายมานิตย์
พงษ์จรูญ เลขที่ 4/1 หมูที่ 18 ตำบล ท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา สร้างความแปลกใจให้ชาวบ้านผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก
จึงนำมาให้ผู้สื่อข่าววิทยุประชาชนดู
ที่มา : นายภิญโญ เนียมสงค์ (ผู้สื่อข่าววิทยุประชาชน อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา)
วัน - เวลา : 2009-09-02 10:14:15 www.tnewsnetwork.com
......พระพบลูกแก้วประหลาด
นสพ.มติชน วันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ.2546 ปีที่ 13 ฉบับที่ 4752
......ลูกแก้ววุ่น - พระสมัคร สมจิตโต เจ้าสำนักสงฆ์ดงป่าแดง อ.เชียงคำ จ.พะเยา นำลูกแก้วประหลาดมาแสดง
โดยระบุว่าลูกแก้วดังกล่าวเมื่อโดนแดดจะสะท้อนแสงเป็น 7 สี ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ แห่มาขอไปแช่น้ำกินรักษาโรคจนต้องพาหนีจากวัด ตามข่าว
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 2 ธ.ค. พระสมัคร สมจิตโต อายุ 34 ปี เจ้าสำนักสงฆ์ดงป่าแดง บ้านดอนลาว ต.เจดีย์คำ อ.เชียงคำ จ.พะเยา
เดินทางมาพบผู้สื่อข่าวพร้อมกับลูกแก้วลูกหนึ่ง โดยพระสมัคร เปิดเผยว่า คืนหนึ่งอาตมาฝันว่ามีพระภิกษุ 2 รูปมาหาและได้ชักชวนไปยังเมืองๆ หนึ่ง
โดยจับข้อมือของอาตมาไว้ แต่อาตมากลัวจึงสะบัดมือออกไม่ยอมไปด้วย พระสงฆ์ดังกล่าวก็ได้หันมาและได้โยนลูกแก้วมาให้อาตมาในฝัน ซึ่งอาตมาก็ไม่ได้สนใจอะไร
พระสมัคร กล่าวต่อไปว่า ต่อมาอาตมาได้เดินทางไปยังถ้ำแห่งหนึ่งห่างจากสำนักสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ประมาณ 10 ก.ม.
เมื่อเข้าไปในถ้ำก็ได้เห็นแสงสว่างมากจึงเข้าไปดูก็พบว่ามีธาตุจำนวนมากจึงได้เก็บมา และได้พบลูกแก้วขนาดเล็กอยู่ในธาตุด้วย ลูกแก้วดังกล่าวเมื่อถูกแสงจะมี
7 สี ต่อมาเรื่องที่อาตมาพบลูกแก้ว 7 สี
ร่ำลือไปถึงชาวบ้านซึ่งวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา และจะมาขอดู อาตมาคิดว่าจะเป็นเรื่องงมงายไปกันใหญ่ จึงได้ตัดสินใจลงจากวัดโดยนำลูกแก้วดังกล่าวมาด้วย
และต่อจากนี้จะได้นำไปให้ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูว่าลูกแก้วที่อาตมาได้มานี้เป็นอะไร
หากเป็นสิ่งสำคัญทางพุทธศาสนาก็จะนำไปบรรจุไว้ในเจดีย์ของสำนักสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ แต่หากไม่ใช่ก็แล้วไป
พระสมัคร กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องนำลูกแก้วไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ เพราะไม่ต้องการให้ชาวบ้านงมงายและพูดกันมากไป จึงได้ตัดสินใจนำไปตรวจสอบ
โดยจะนำไปให้ผู้รู้ที่กรุงเทพฯ ดูในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ ตอนนี้ก็เกรงว่าชาวบ้านจะเข้าใจผิดและมาหาที่วัดเพื่อขอดูลูกแก้ว
จึงอยากฝากถึงชาวบ้านว่าอย่าไปหลงเชื่อและงมงายในสิ่งที่เรายังไม่รู้ โดยเฉพาะเรื่องหวย กับเรื่องที่พูดกันว่าถ้านำลูกแก้วไปแช่น้ำดื่มจะรักษาโรคได้ทุกชนิด
เพราะเป็นไปไม่ได้ เป็นการหลอกลวงกัน เหตุนี้เองอาตมาจึงต้องนำลูกแก้วออกจากสำนักสงฆ์ให้ผู้รู้ดูว่าเป็นอะไรกันแน่
ที่มา - www.matichon.co.th/khaosod/
webmaster - 13/9/11 at 08:20
ขนหัวลุกทั้งซอยกลางดึก เจอรอยเท้า 'กุมารทอง'
16 ธันวาคม 2553 | เวลา 05:30 น. | ภาพ-ข่าว : ไทยรัฐออนไลน์ :
......ชาวบ้านซอย 700 ปี ชุมชนใจแก้ว ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แห่ดูรอยเท้าเด็กบนกองทราย 9 รอย เผยได้ยินเสียงเด็กเล่นกลางดึก แต่กลับไม่มีตัวตน
ทั้งๆ ที่ในย่านนั้นไม่มีเด็กเล็ก เชื่อเป็นกุมารทอง ออกมาเล่นเนื่องจากกองทรายอยู่ใกล้ศาลพระภูมิ...
เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 16 ธ.ค. ชาวบ้านซอย 700 ปี หรือ ซอย 25 ชุมชนใจแก้ว ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้พากันแตกตื่น
เมื่อถูกปลุกด้วยเสียงร้องอย่างตกใจของ น.ส.ภูษณิศา ชุ่มชื่น อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 543/489-850 ซอย 700 ปี ต.หนองหอย ว่า
พบรอยเท้าเด็กเล็กบนกองทรายหน้าบ้าน ทั้งๆ ที่ไม่มีเด็กมาเล่นในช่วงดึกสงัดเช่นนี้
ทำให้ชาวบ้านตื่นขึ้นมาและพากันมาดูต่างฉงนไปตามๆกันจนแตกตื่นเหมือนไฟลามทุ่ง
ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางเข้าไปยังจุดที่ร่ำลือกัน พบว่าบริเวณที่เกิดเหตุเป็นซอยแคบ พบว่า บริเวณกลางซอยพบชาวบ้านจำนวนมากกำลังมุงดูกองทราย
ต่างส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ บ้างแสดงอาการหวาดผวา บางคนจ้องไปที่กองทรายเขม็งเหมือนต้องการหาอะไรบางอย่าง บางคนใช้ธูปลงกราบไหว้ ขอโชคขอชัยในวันหวยออก
เมื่อเห็นผู้สื่อข่าว ชาวบ้านชี้ให้ดูกองทรายพบรอยเท้าปรากฏอยู่แต่เป็นรอยเท้าของเด็กวัยประมาณ ประมาณ 1 ขวบ เหยียบอยู่เห็นชัดเจนถึง 9 รอย
แต่เป็นที่น่าแปลกใจเมื่อเท้าเหยียบลงไปทรายกลับไม่พังลงมา สังเกตว่าเป็นการเหยียบลงชนิดที่นุ่มมากถึงแม้บางรอยจะลึก
แต่ก็เห็นชัดว่าเป็นรอยเท้าเด็กที่อาจจะถูกผู้ใหญ่จับเท้าปั๊มลงไป
น.ส.ภูษณิศา ชุ่มชื่น ที่เป็นคนพบรอยเท้าเป็นคนแรก กล่าวว่า ในช่วงเมื่อเวลา ประมาณ 5 ทุ่ม กำลังโทรศัพท์อยู่ในบ้าน ซึ่งมีกองทรายอยู่ที่หน้าบ้านข้างทาง
เพื่อจะนำมาผสมปูนก่อสร้างต่อเติมบ้าน ได้ยินเสียงเด็กคล้ายเล่นเสียงดังเข้ามาในบ้าน ในตอนแรกไม่ได้เอะใจ แต่เห็นว่าเล่นอยู่ที่หน้าบ้านบริเวณกองทราย
ตนแปลกใจว่าในยามดึกสงัดเช่นนี้จะมีเด็กที่ไหนมาเล่น จึงได้ชะโงกหน้าออกมาดู แต่ไม่เห็นมีเด็กแม้แต่คนเดียว และยังเห็นมีเพื่อนบ้านนั่งที่หน้าบ้านหลายคน
แต่ไม่มีเด็ก จึงถามคนที่นั่งหน้าบ้านว่าเด็กมาเล่นกองทราย หรือ ซึ่งคนที่นั่งคุยกันอยู่ บอกว่าไม่เห็นมีเด็กมาเล่น
ตนจึงเกิดแปลกใจจึงได้เดินไปดูที่กองทรายซึ่งอยู่ติดกับหนองน้ำ พบรอยเท้าเล็กจึงใช้ไฟส่องดูให้ชัดเจน พบว่าเป็นรอยเท้าเด็กเล็ก จากเดิมเห็นเพียง 3-4 รอย
แต่เมื่อดูก็เห็นว่าเพิ่มขึ้นเป็น 9 รอย และลักษณะเป็นการเดินขึ้นบนกองทรายแต่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากที่ทรายไม่พังลงมา
ตนจึงได้เรียกให้ญาติพี่น้องที่อยู่ในบ้านออกมาดู ทุกคนแปลกใจตามๆกัน จนเรื่องแพร่ออกไปชาวบ้านพากันมาดู ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆนาๆ
บางคนเชื่อว่าเป็นกุมารทองมาเล่นกองทราย บางคนอ้างว่าอาจจะเป็นวิญญาณของเด็กที่ตกน้ำตายบริเวณนี้นานแล้วมาเล่นกองทราย
บางคนเชื่อว่าอาจจะเป็นรอยเท้าสัตว์อาจจะเป็นหมาหรือแมว แต่ทุกๆ คนที่เห็นต่างก็เชื่อว่าเป็นรอยเท้าของเด็กเล็กอย่างแน่นอน
แต่จะน่าแปลกตรงที่ดึกดื่นเช่นนี้จะมีเด็กมาเล่นได้อย่างไร และ คนในบ้านได้ยินเสียงเด็กเล่นกองทราย แต่คนที่นั่งคุยกันหน้าบ้านยืนยันไม่มีใครเห็นเด็ก
และในย่านนั้นเด็กเล็กขนาดที่พบรอยเท้าก็ไม่มี จึงพากันฉงนสนเท่ห์ไปตามๆ กัน
webmaster - 1/10/11 at 08:42
(Update 01-10-54)