นักวิทยาศาสตร์บอก "พญานาคบึงโขงหลง..แค่คลื่นน้ำ..!"
webmaster - 11/7/11 at 08:09
นักวิชาการไขปม "พญานาค" ย้ำแสงทำมุม
ภาพข่าว dailynews.co.th 31 สิงหาคม 2554 เวลา 9:22 น.
<= นักวิทยาศาสตร์ จุฬาฯเผย 'ปู่อือลือ' บึงโขงหลงแค่เป็นการหักเหของแสง และการสะท้อนกลับของคลื่นกระแทกผิวน้ำในทะเลสาบ
ชี้ปลาพญานาค ชื่อ ปลาออร์ มีเฉพาะแค่อเมริกา ย้ำที่มีคนอ้างแล้วทำนายเวลาถูก แค่เหมือน เครื่อง จีที200 เท่านั้น
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 ส.ค. ที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.ดร.สุพจน์ หาญหนองบัว คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ พร้อมด้วย ผศ.ดร.เจษฎา
เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา และ ผศ.พงษ์ ทรงพงษ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ ร่วมกันจัดงานเสวนา
วิเคราะห์ปรากฏการณ์คลื่นน้ำปริศนาในแบบวิทยา ศาสตร์ จุฬาฯ ในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์
เพื่อเพิ่มข้อมูลอีกด้านให้ประชาชนได้ใช้ในการตัดสินใจหลังจากเกิดกระแสข่าวเรื่องการปรากฏคลื่นหลายชนิดบนผิวน้ำ บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ
ทำให้ประชาชนแตกตื่นว่าสิ่งที่เห็นเป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ หรือเกิดจากสัตว์ในวรรณคดีอย่างพญานาคมาแสดงอิทธิ ฤทธิ์นั้น ด้าน ผศ.ดร.เจษฎา กล่าวว่า
ตามที่ได้มีข่าวตามสื่อต่าง ๆ ว่าพบมีเงาดำเคลื่อนที่อยู่กลางบึงเป็นแนวยาวประมาณ 10-20 เมตร เหมือนมีอะไรบางอย่างเคลื่อนที่ดำผุดดำว่าย
สอดคล้องกับความเชื่อของคนในท้องถิ่นว่าเป็นพญานาค ที่อยู่ในแหล่งน้ำต่าง ๆ ของ
ลำโขง
จากกระแสข่าวดังกล่าวปรากฏว่า มีประชาชนคนไทยถึง 78 เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่าเป็นพญานาคจริง ทั้งนี้มีกลุ่มคนในห้องหว้ากอ ของเว็บบอร์ด พันทิป
แสดงความเห็นหลากหลาย เช่น งูขนาดใหญ่ โลมาน้ำจืด ฝูงปลา หรือปลาพญานาคที่เคยมีรูปทหารอเมริกันจับได้ในลำน้ำโขง ส่วนปลาพญานาค จริง ๆ แล้วเป็นปลาออร์
ไม่มีในประเทศไทย และจับได้ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งบึงโขงหลง ไม่ปรากฏว่ามีปลาขนาดใหญ่มาก หรือสัตว์อื่นที่น่าจะทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ได้
คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ที่มีความเป็นไปได้มากกว่าและเป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ในห้องหว้ากอ คือ พญานาคที่เห็นนั้นเป็นแค่คลื่นกระแทกผิวน้ำในทะเลสาบ หรือ
เลคเวค (Lake Wake) เท่านั้น ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่พบเห็นมานานและเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งในแหล่งน้ำธรรมชาติของภูมิภาคต่างๆของโลก
และมักจะนำไปสู่ตำนานการเห็นสัตว์ประหลาดในทะเลสาบ
ผศ.ดร.เจษฎา กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีผู้อ้างว่าสามารถติดต่อกับพญานาคได้และทำนายถูกต้องว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไรนั้น
คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ของเรื่องนี้คล้ายกับเรื่องเครื่องตรวจระเบิดวัตถุระเบิด จีที 200 ว่าทำไมถึงหาอาวุธเจอเมื่อตั้งด่านตรวจ ซึ่งก็คือจริง ๆ
แล้วปรากฏการณ์นี้อาจจะมีผู้สังเกตพบว่า เกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง และเกิดขึ้นได้ที่ตำแหน่งไหนของบึงและเกิดขึ้นช่วงไหน ขณะที่ประชาชนคนอื่น ๆ
ไม่ได้ตั้งใจสังเกตดู เมื่อทำนายไปจึงมีโอกาสสูงที่จะทำนายถูก ขณะที่ ผศ.พงษ์ กล่าวว่า สำหรับปรากฏการณ์นี้สามารถอธิบายด้วยหลักของการหักเหของแสง
และการสะท้อนกลับ โดยจะมีตัวกลางสองตัวกลางคือน้ำกับอากาศ เมื่อมีแสงเดินทางมากระทบผิวน้ำ
มุมในการเดินทางนั้นก็จะมีแยกออกเป็นสองทางคือมุมหักเหขึ้นไปบนผิวน้ำ กับมุมสะท้อนกลับ ซึ่งหากมีตัวอะไรอยู่ในน้ำจริง เช่น ปลา
แล้วยืนมองจากมุมด้านบนก็จะสามารถมองเห็นได้ชัด แต่หากยืนอยู่ในแนวราบใกล้กับผิวน้ำก็จะไม่สามารถมองเห็นได้เลย
ด้าน พ.ต.อ.ชยรพ สายจันยนต์ ผกก.สภ.บึงโขงหลง ผู้เปิดเผยเรื่องดังกล่าว ได้ให้สัมภาษณ์หลังทราบข่าวว่า สิ่งเหล่านี้ต้องมาดูสถานที่จริงก่อนว่า
ลักษณะภูมิประเทศเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าชาวบ้านจะมาเชื่อตน เพราะตนเองก็ย้ายมารับราชการที่นี่แค่ไม่กี่ปี แต่ชาวบ้านคนเฒ่าคนแก่เขาเชื่อมาหลายสิบปีแล้ว
คนที่เห็นเหตุการณ์บางคนก็จะเห็นไม่เหมือนกัน บางคนก็เห็นเป็นรูปแบบอื่นแล้วก็มาเล่าสู่กันฟัง เป็นความเชื่อส่วนบุคคล เป็นเรื่องของจิตวิญญาณ
ตนเองก็ไม่สามารถไปห้ามชาวบ้านได้ในเรื่องความเชื่อนี้ และตนเองก็ไม่ตำหนิใครว่าผิดหรือถูก แล้วที่แห่งนี้ก็เป็นที่สาธารณะ
ใครอยากพิสูจน์ก็สามารถมาได้ทุกเวลา ส่วนจะเห็นหรือไม่นั้นตนไม่ขอรับรอง.
พญานาคบึงโขลงหลงแค่คลื่นน้ำ
ภาพข่าว dailynews.co.th 30 สิงหาคม 2554 เวลา 14:56 น
คณบดีวิทยาศาสตร์จุฬาฯ แจงคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ เหตุการณ์พญานาคโผล่บึงโขงหลงเป็นแค่คลื่นกระแทกผิวน้ำ ชี้ไม่ได้ลบหลู่
วันนี้ (30 ส.ค.) ที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.ดร.สุพจน์ หาญหนองบัว คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ พร้อมด้วย ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์
อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา และ ผศ.พงษ์ ทรงพงษ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ ร่วมกันจัดงานเสวนา "วิเคราะห์ปรากฏการณ์คลื่นน้ำปริศนาในแบบวิทยาศาสตร์
จุฬาฯ" หลังจากเกิดกระแสข่าวเรื่องการปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ จากสัตว์ในวรรณคดีอย่างพญานาคมาแสดงอิทธิฤทธิ์
ด้าน ผศ.ดร.เจษฎา กล่าวว่า ตามที่ได้มีข่าวในช่วงเดือนที่ผ่านมาตามสื่อต่างๆ ว่า พบปรากฏว่าการณ์ประหลาดที่บริเวณบึงโขงหลง จ.บึงกาฬ
ว่ามีเงาดำเคลื่อนที่อยู่กลางบึงเป็นแนวยาวประมาณ 10-20 เมตร
เหมือนมีอะไรบางอย่างเคลื่อนที่ดำผุดดำว่ายบิดไปบิดมาอยู่บริเวณนั้นไม่ไปไหนเป็นเวลานานหลายนาที บางจังหวะจับภาพได้ว่า เป็นแนวโค้งรูปคลื่น 3 โค้งที่ขึ้นลง
สอดคล้องกับความเชื่อของคนในท้องถิ่นว่าเป็น พญานาค ที่อยู่ในแหล่งน้ำต่างๆของลำโขง ซึ่งจากกระแสข่าวดังกล่าวปรากฏว่า มีประชาชนคนไทยถึง 78 เปอร์เซ็นต์
เชื่อว่าเป็นพญานาคจริง การเสวนาครั้งนี้จึงจะเคารพในความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่และจะไม่มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของผู้ที่เชื่อถือ
แต่จะมุ่งเน้นไปหาคำอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์สำหรับคนส่วนที่เหลือเพื่อนำไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเชิงวิทยาศาสตร์ต่อไป
ผศ.ดร.เจษฎา กล่าวอีกว่า คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ที่มีความเป็นไปได้มากกว่าและเป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ในห้องหว้ากอ คือ
พญานาคที่เห็นนั้นเป็นแค่คลื่นกระแทกผิวน้ำในทะเลสาบ หรือ เลคเวค (Lake Wake) เท่านั้น
ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่พบเห็นมานานและเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งในแหล่งน้ำธรรมชาติของภูมิภาคต่างๆของโลก และมักจะนำไปสู่ตำนานการเห็นสัตว์ประหลาดในทะเลสาบ
ซึ่งปรากฏการณ์คลื่นกระแทกน้ำในทะเลสาบนี้มีต้นกำเนิดหลายกรณี ทั้งที่มีคนสร้างขึ้น เช่นเรือหางยาวที่ใบพัดจะตีน้ำเป็นห้วงๆ จนทำให้เกิดคลื่นเป็นห้วงๆ
ตามมาหลังเรือแล่นผ่านไปได้สักครู่ หรือกรณีที่มีสิ่งก่อสร้างอยู่ในน้ำและขวางทางน้ำไว้ จนทำให้กระแสน้ำปั่นป่วน ตีกัน จนกลายเป็นคลื่นกระแทกผิวน้ำได้
นอกจากนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติอีกด้วยเช่น จากกระแสลมแรงในฤดูมรสุมที่มีความแปรปรวนของทิศทางลมสูง บางครั้งลมที่พัดสอบเข้ามา
ทำให้น้ำม้วนตัวอย่างแรง และส่งทอดไปเป็นห้วงๆ ตามกระแสของคลื่นที่เกิดขึ้น
ผศ.ดร.เจษฎา กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีบึงโขงหลงนั้นมีผู้จับตามองดูเป็นจำนวนมาก และไม่พบเห็นว่ามีเรือผ่านไป ก็มีผู้ตั้งข้อสงสัยว่า
อาจจะมีเรือขนาดใหญ่แล่นผ่านไปอย่างช้าๆ แต่อยู่ไกลมากจนไม่มีใครสนใจมอง
และคลื่นจากเรือค่อยๆเคลื่อนเข้ามาจนกระแทกกับแนวสะท้อนกลับของคลื่นที่กระทบบริเวณน้ำตื้นชายฝั่ง จนเห็นเป็นการม้วนตัวของคลื่นขนาดใหญ่
หรืออาจจะมีสิ่งก่อสร้างบางอย่างที่จมอยู่ใต้บึงโขงหลง เช่นโบสถ์วัดหรืออาคารเก่า
ทำให้คลื่นที่เคลื่อนเข้ามาเกิดการยกตัวขึ้นกลายเป็นคลื่นกระแทกผิวน้ำได้
ส่วนกรณีที่มีผู้อ้างว่าสามารถติดต่อกับพญานาคได้และทำนายถูกต้องว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไรนั้น
คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ของเรื่องนี้คล้ายกับเรื่องเครื่องตรวจระเบิดวัตถุระเบิด จีที 200 ว่าทำไมถึงหาอาวุธเจอเมื่อตั้งด่านตรวจ
ซึ่งก็คือจริงๆแล้วปรากฏการณ์นี้อาจจะมีผู้สังเกตพบว่า เกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง และเกิดขึ้นได้ที่ตำแหน่งไหนของบึงและเกิดขึ้นช่วงไหน ขณะที่ประชาชนคนอื่นๆ
ไม่ได้ตั้งใจสังเกตดู เมื่อทำนายไปจึงมีโอกาสสูงที่จะทำนายถูก สอดคล้องกับข่าวการปรากฏตัวของพญานาคในวันถัดๆมา แม้จะไม่ใช่วันทีนัดหมายกันไว้ก็ตาม
ผศ.ดร.เจษฎา กล่าวด้วยว่า ขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้ตั้งใจจะนำมาหักล้างหรือเปลี่ยนแปลงความเชื่อของคนส่วนใหญ่ของประเทศ
แต่อยากเสนอแนะให้มีการพิสูจน์เรื่องนี้อย่างจริงจัง เช่น การตั้งกล้องถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูงเพื่อถ่ายภาพระยะใกล้ของพญานาค ให้เห็นว่า มีลักษณะเช่นไร
มีครีบ มีหงอน หรือเป็นเพียงแค่เงาคลื่นเท่านั้น
ซึ่งทางกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯควรเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินงาน ตามนโยบายของรมว.วิทยาศาสตร์คนใหม่ที่แถลงว่า
จะพยายามทำให้สังคมไทยคิดวิเคราะห์สิ่งต่างๆให้เป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น ซึ่งหากว่า
พญานาคเล่นน้ำในบึงโขงหลงนี้เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่หาดูได้เพียงบางเวลาและเกิดขึ้นเพียงบางสถานที่
ก็น่าจะมีการส่งเสริมอย่างจริงจังให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ที่ผู้ไปเยี่ยมชมจะได้เห็นทั้งความงามตามธรรมชาติของระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์
และมีสิทธิ์จะได้ลุ้นว่าเห็นพญานาคเล่นน้ำในวันที่ไปเที่ยวหรือไม่
webmaster - 25/8/11 at 08:56
คลิปวีดีโอ รายการ "บอก9 เล่าสิบ" ทางช่อง 9
ออกอากาศ วันพุธที่ 26 สิงหาคม 2554
คลิป 3
คลิป 2
คลิปรายการ.."ข่าวข้นคนข่าว" (ออกอากาศ วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2554)
....รายงานข่าวแจ้งว่า นายปราโมทย์ สุกทน ผู้อำนวยการโรงเรียนบึงโขงวิทยา อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ เปิดเผยว่า
ได้ทราบเรื่องจากชาวบ้านที่หาปลาริมแม่น้ำโขง ได้พบเห็น พญานาคบึงกาฬ หรือ ปู่อือลือ ออกมาปรากฏกายให้เห็นหลายจุดในรอบบึงโขงหลง
ทั้งนี้ นางกัลยา แม่ค้าที่มีบ้านพักติดริมบึงโขงหลง เปิดเผยว่า เมื่อเช้าวันที่ 23 ส.ค. ตนได้ยินเสียง นางหนู ซึ่งกำลังหาปลาอยู่ ร้องเสียงดัง
ตนจึงวิ่งไปดู ก็เห็นนางหนูวิ่งหน้าตาตื่นขึ้นจากริมแม่น้ำ ซึ่งเมื่อตนมองไปในบึง ก็เห็น ปู่อือลือ หรือ พญานาคบึงกาฬ มีลักษณะคล้ายงูใหญ่เท่าลำเรือ สีดำ
ยาวประมาณ 30 เมตร กำลังว่ายน้ำจากทิศใต้ขึ้นเหนือ นานกว่า 10 นาที
โดยเมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ทำให้ชาวบ้านนับพันต่างเดินทางเพื่อมารอชม พญานาคบึงกาฬ ปู่อือลือ ดังกล่าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 18.00 น.
ปู่อือลือได้ปรากฎกายให้เห็น ซึ่งหลายคนสามารถใช้กล้องมือถือถ่ายภาพ และคลิปไว้ได้
เนื้อข่าว - news.mthai.com
คลิปพญานาค
ข่าวไทยรัฐ ดูกันจะจะ
รายการ "บอก9 เล่าสิบ" ตอน 1 -
ตอน 2 - ตอน 3
ผกก.บึงโขงหลง รับติดต่อ "ปู่อือลือ" พญานาคเฝ้าบึงโขงหลงได้ ยันเข้าพรรษาเตรียมเห็นใหญ่กว่าเดิม
........จากกรณี พ.ต.อ.ชยรพ สายจันยนต์ ผกก.สภ.บึงโขง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ แจ้งต่อ พล.ต.ต.ชัยทัต รุ่งแจ้ง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ ว่าจะมีพญานาคมาปรากฏกายให้เห็น
ที่ "บึงโขงหลง" อ.บึงโขงหลง จึงมีประชาชนไปรอซุ่มดูจำนวนมาก กระทั่งพบมีงูขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 8-10 เมตร คล้ายพญานาคโผล่ว่ายน้ำที่บึงดังกล่าว
สร้างความฮือฮาให้กับผู้พบเห็นเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่างศรัทธาและพากันลงความเห็นว่าเป็นพญานาคมาเล่นน้ำปรากฏกายให้เห็นเพื่อเป็นสิริมงคล และเชื่อว่า
พ.ต.อ.ชยรพ สามารถติดต่อกับพญานาคได้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า วันนี้ (11 ก.ค.) พ.ต.อ.ชยรพ ผู้ที่สร้างตำนานสื่อสารกับสิ่งลี้ลับได้ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า
หลังจากข่าวเรื่องพญานาคนัดมาชมปาฏิหาริย์แพร่สะพัดไปตามสื่อต่างๆ ตนต้องรับโทรศัพท์ทั้งเพื่อน ญาติ
ตลอดทั้งข้าราชการตำรวจที่เคยมารับราชการอยู่ที่โรงพักแห่งนี้ว่าเป็นมาอย่างไร ตนเองก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมพึ่งมาเกิดเรื่องราวขณะที่ตนมาอยู่ที่นี่
ทั้งที่ตำนานของ "ปู่อือลือ" ท่านเป็นพญานาคที่อาศัยอยู่ในบึงโขงหลงนี้มานานแสนนาแล้ว หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรบึงโขงหลงคนก่อนๆ ท่านทราบเรื่องนี้ดี
พ.ต.อ.ชยรพ กล่าวต่อว่า ผมจะสื่อสารกับปู่อือลือได้ก็ขณะเวลาที่หลับเท่านั้น แต่ถ้าวันไหนผมเหนื่อยท่านก็จะไม่มาพูดคุยด้วย
ที่ท่านมาปรากฏกายให้เห็นบอกว่าอยากให้คนทำความดีมีความรักสามัคคีกัน ขอให้ผมสร้างศาลให้ และจัดพิธีบวงสรวงทุกปี และให้ติดป้ายบอกว่า
ถ้าไม่เชื่อไม่เคารพก็ขออย่าลบหลู่
ส่วนจะมีนักวิทยาศาสตร์หรือใครมาขอพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าเป็นสัตว์อะไรแน่นั้น ตนขอปฏิเสธและเห็นว่าไม่เหมาะสม
ไม่เกิดประโยชน์กับใครเนื่องจากเป็นความเชื่อศรัทธาของสังคมท้องถิ่นที่นี่ เพราะเรามีบทเรียนจากอดีตเมื่อหลายปีก่อน
ที่มีสื่อนำเสนอเรื่องราวบั้งไฟพญานาคว่าเกิดมาจากคนทำ ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น ทั้งคนพิสูจน์และคนที่ร่วมขบวนการก็ถูกลงโทษไปตามความเหมาะสมแล้ว
ส่วนเวลาที่จะปรากฏร่างให้ดูอีกเมื่อใดนั้นยังไม่กำหนด แต่ตนจะเรียนปู่อีกทีก่อนว่ามีคนอยากเห็นท่านจะให้มาดูได้เมื่อใด ที่แน่ๆ
คือวันออกพรรษาจะมาให้เห็นยิ่งใหญ่กว่านี้อีก
ด้าน พ.ต.ท.เขียว หรือจีระ บารมี อดีตสารวัตรใหญ่ สภ.บึงโขงหลง และเป็นผู้หนึ่งที่เกี่ยวข้องอยู่กับวงการลี้ลับหรือเทพองค์ต่างๆ กล่าวว่า "ปู่อือลือ
ขณะผมอยู่ไม่เคยมาหาผมเลย ท่านเป็นพญานาคและเป็นเจ้าเมืองรัตพานคร ที่ขึ้นกับเมืองหลวงที่อยู่ในน้ำโขง ตรงวัดอาฮงสิลาวาส ต.ไคสี อ.เมืองบึงกาฬ
มีเจ้านายใหญ่นามว่า "พระเจ้าศรีสุทโท" ท่านขออาศัยสังขารหรือร่าง พ.ต.อ.ชยรพ สื่อสารให้พวกเราได้ทราบอะไรบางอย่าง ท่านไม่ทำร้ายคน
แต่มาช่วยให้เมืองบึงโขงหลงเจริญขึ้นเท่านั้น.
webmaster - 31/8/11 at 10:46
วันจันทร์ ที่ 11 กรกฎาคม 2554 | เวลา 0:05 น | dailynews.co.th
ชาวบ้านบึงกาฬนับพัน แห่รอดูพญานาคในบึงโขงหลง เชื่อเป็น"ปู่อือลือ"เทพศักดิ์สิทธิ์ประจำบึง สำแดงอิทธิฤทธิ์
......วันนี้ (10 ก ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พล.ต.ต.ชัยทัต รุ่งแจ้ง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ ว่าเมื่อวันที่ 8
ก.ค.ที่ผ่านมาขณะที่ตนและคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ได้ไปตรวจราชการที่ อ.บึงโขงหลง ได้มี พ.ต.อ.ชยรพ สายจันยนต์ ผกก.สภ.บึงโขงหลง มารายงานว่า
วันนี้เวลาประมาณ15.20 น. จะมีพญานาคขึ้นมาลอยเหนือน้ำในบึงโขงหลงสร้างความฮือฮาให้ประชาชนเป็นอย่างมาก ตนและคณะรองผู้ว่าจึงไปเฝ้ารอดู
โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวก็มีทยอยมารอดูพญานาคกว่าพันคน
กระทั่งเวลาประมาณ 15.18 น. ประชาชนที่รออยู่ต่างร้องฮือฮาชี้มือไปกลางหนองน้ำ ห่างจากฝั่งน้ำไปประมาณ 200
เมตรมีสิ่งมีชีวิตคล้ายงูขนาดใหญ่กำลังว่ายน้ำบิดตัวเป็นเกลียว เริ่มต้นว่ายจากทางทิศใต้ไปทางทิศเหนือ ความยาวประมาณ 8-10 เมตร หรือประมาณเส้นผ่าศูนย์กลาง
20 ซม. มีสีดำ ว่ายน้ำอยู่ประมาณ 2 นาทีก็ดำน้ำหายไป ผมเห็นกับตาครั้งแรกก็ยังไม่เชื่อ แต่พอได้มาเห็นประกอบกับเวลาที่ผู้กำกับบอกว่าจะขึ้นมาให้เห็น 15.20
น. ก็ใกล้เคียง และทราบว่าครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่พญานาคขึ้นมาให้เห็นและบอกเวลาล่วงหน้าทุกครั้ง นับว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ
กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ชยรพ สายจันยนต์ ผกก.สภ.บึงโขงหลง กล่าวว่าตนพึ่งย้ายมารับตำแหน่งที่นี่ตั้งแต่เดือน ก.พ.54 บ่อยครั้งขณะที่หลับจะฝันเห็น ปู่อือลือ
ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อาศัยอยู่ในบึงโขงหลง มาแจ้งให้ตนสร้างศาลบ้าง ตั้งกองทุนบ้าง
ตื่นขึ้นมาคิดจะพูดให้ใครฟังก็กลัวหาว่าบ้าเพราะเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ยังไม่คุ้นเคยกับใคร แต่ปู่อือลือบอกหากไม่เชื่อจะแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ให้คนดู
โดยจะมาปรากฏร่างเป็นพญานาคมาว่ายน้ำให้เห็นในบึงโขงหลง และบอกเวลามาด้วย ครั้งแรกตนก็จะบอกเพียงตำรวจลูกน้องและคนรู้จักไปดูก็เห็นจริง ๆ ครั้งที่ 2-3
มีคนทราบข่าวก็มาดูกันมากขึ้น
และวันออกพรรษาปีนี้ปู่อือลือท่านบอกว่าจะให้ชมทั้งบั้งไฟพญานาคเหมือนในน้ำโขงที่มีลูกไฟสีแดงพุ่งขึ้นมาจากบึงโขงหลงอีกด้วย
สำหรับ นาค หรือ พญานาค เป็นความเชื่อของผู้คนในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สันนิษฐานว่าต้นกำเนิดความเชื่อเรื่องพญานาคน่าจะมาจากอินเดีย
ด้วยมีบันทึกและจารึกหลายเรื่องเล่าถึงพญานาค โดยเฉพาะใน มหากาพย์มหาภารตะ นาคถือว่าเป็นปรปักษ์ของ ครุฑ รวมทั้งในตำนานพุทธประวัติ
ก็เล่าถึงพญานาคไว้หลายครั้งด้วยกัน
ลักษณะของพญานาคตามความเชื่อจะแตกต่างกันไป แต่พื้นฐานคือมีลักษณะตัวเป็นงูตัวใหญ่มีหงอนสีทองและตาสีแดง เกล็ดเหมือนปลามีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี
พญานาคตระกูลธรรมดาจะมีเศียรเดียว แต่ตระกูลที่สูงขึ้นไปนั้นจะมีสามเศียร ห้าเศียร เจ็ดเศียรและเก้าเศียร นาคจำพวกนี้จะสืบเชื้อสายมาจาก พญาอนันตนาคราช
ผู้เป็นบัลลังก์ของพระวิษณุนารายณ์ ณ เกษียรสมุทร เล่ากันว่ามีร่างกายใหญ่โตมหึมามีความยาวไม่สิ้นสุด มีพันเศียร
มีอิทธฤทธิ์มากสามารถบันดาลให้เกิดคุณและโทษได้ รวมทั้งแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ด้วย
พญานาค ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งงู แต่ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ อยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา แบ่งเป็น 4 ตระกูลใหญ่ คือ ตระกูลวิรูปักษ์ พญานาคตระกูลสีทอง
ตระกูลเอราปถ พญานาคตระกูลสีเขียว ตระกูลฉัพพยาปุตตะ พญานาคตระกูลสีรุ้ง และตระกูลกัณหาโคตมะ พญานาคตระกูลสีดำ ตามเรื่องเล่าพญานาคสามารถเกิดได้ทั้ง 4 แบบ
คือ
1. แบบโอปปาติกะ (เกิดแล้วโตทันที)
2. แบบสังเสทชะ (เกิดจากเหงื่อไคล สิ่งหมักหมม)
3. แบบชลาพุชะ (เกิดจากครรภ์) และ
4. แบบอัณฑชะ (เกิดจากไข่)
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็มีตำนานเรื่องพญานาคแพร่หลาย ชาวบ้านเชื่อกันว่าพญานาคอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง หรือเมืองบาดาล
และมีความพยายามหาข้อมูลมายืนยันความเชื่อว่า มีคนเคยพบรอยพญานาคในวันออกพรรษาโดยจะมีลักษณะคล้ายรอยของงูขนาดใหญ่ รวมทั้งมีนักท่องเที่ยวสนใจไปเฝ้าชม
บั้งไฟพญานาค ในช่วงเทศกาลออกพรรษาเป็นประจำทุกปี บริเวณจังหวัดที่ติดแม่น้ำโขง
ในพุทธประวัติก็มีเรื่องเกี่ยวกับพญานาค สมัยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมแล้ว ได้เสด็จไปตามเมืองต่าง ๆ เพื่อแสดงธรรมเทศนา
มีครั้งหนึ่งได้เสด็จออกจากร่มไม้อธุปปาลนิโครธไปยังร่มไม้จิก ทรงนั่งเสวยวิมุตติสุขอยู่ 7 วัน ระหว่างนั้นมีฝนตกพรำ ๆ และลมหนาวโชยพัดมาตลอด มีพญานาคชื่อ
มุจลินท์ ศรัทธาแรงกล้า ม้วนลำตัวขด 7 รอบเป็นอาสนะและแผ่พังพานเป็น 7 เศียร ปกป้องพระผู้มีพระภาคเจ้าจากพายุฝนและลมมิให้ถูกพระวรกาย
ความเชื่อดังกล่าวนี้เองเป็นต้นกำเนิดของพระพุทธรูปปางนาคปรก เนื่องจากมีความเชื่อว่า พญานาค คือผู้คุ้มครองปกป้องพระศาสดาแห่งศาสนาพุทธ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามในอดีตมีพระสายวิปัสสนากรรมฐานหลายรูป ที่เคยกล่าวไว้เกี่ยวกับคุณวิเศษและความอัศจรรย์ของพญานาค และมีการสร้างรูปเคารพตามวัดต่าง ๆ มากมาย
ทั้งบันไดนาค รูปปั้นพญานาค และมีการสร้างวัตถุมงคลที่เป็นพญานาคไว้มากมายด้วย เช่น หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม อดีตพระเกจิชื่อดังฉายา
เทพเจ้าแม่น้ำโขง ก็เคยสร้างวัตถุมงคล นาคเกี้ยวและเหรียญรุ่นอุดมความสุขปี 2540 ด้านข้างองค์หลวงปู่ก็เป็นรูปพญานาคคู่ ได้รับความนิยมกันมากในปัจจุบัน.
webmaster - 31/8/11 at 10:46
วันจันทร์ ที่ 11 กรกฎาคม 2554 | เวลา 0:05 น | dailynews.co.th
ชาวบ้านบึงกาฬนับพัน แห่รอดูพญานาคในบึงโขงหลง เชื่อเป็น"ปู่อือลือ"เทพศักดิ์สิทธิ์ประจำบึง สำแดงอิทธิฤทธิ์
......วันนี้ (10 ก ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พล.ต.ต.ชัยทัต รุ่งแจ้ง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ ว่าเมื่อวันที่ 8
ก.ค.ที่ผ่านมาขณะที่ตนและคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ได้ไปตรวจราชการที่ อ.บึงโขงหลง ได้มี พ.ต.อ.ชยรพ สายจันยนต์ ผกก.สภ.บึงโขงหลง มารายงานว่า
วันนี้เวลาประมาณ15.20 น. จะมีพญานาคขึ้นมาลอยเหนือน้ำในบึงโขงหลงสร้างความฮือฮาให้ประชาชนเป็นอย่างมาก ตนและคณะรองผู้ว่าจึงไปเฝ้ารอดู
โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวก็มีทยอยมารอดูพญานาคกว่าพันคน
กระทั่งเวลาประมาณ 15.18 น. ประชาชนที่รออยู่ต่างร้องฮือฮาชี้มือไปกลางหนองน้ำ ห่างจากฝั่งน้ำไปประมาณ 200
เมตรมีสิ่งมีชีวิตคล้ายงูขนาดใหญ่กำลังว่ายน้ำบิดตัวเป็นเกลียว เริ่มต้นว่ายจากทางทิศใต้ไปทางทิศเหนือ ความยาวประมาณ 8-10 เมตร หรือประมาณเส้นผ่าศูนย์กลาง
20 ซม. มีสีดำ ว่ายน้ำอยู่ประมาณ 2 นาทีก็ดำน้ำหายไป ผมเห็นกับตาครั้งแรกก็ยังไม่เชื่อ แต่พอได้มาเห็นประกอบกับเวลาที่ผู้กำกับบอกว่าจะขึ้นมาให้เห็น 15.20
น. ก็ใกล้เคียง และทราบว่าครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่พญานาคขึ้นมาให้เห็นและบอกเวลาล่วงหน้าทุกครั้ง นับว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ
กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ชยรพ สายจันยนต์ ผกก.สภ.บึงโขงหลง กล่าวว่าตนพึ่งย้ายมารับตำแหน่งที่นี่ตั้งแต่เดือน ก.พ.54 บ่อยครั้งขณะที่หลับจะฝันเห็น ปู่อือลือ
ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อาศัยอยู่ในบึงโขงหลง มาแจ้งให้ตนสร้างศาลบ้าง ตั้งกองทุนบ้าง
ตื่นขึ้นมาคิดจะพูดให้ใครฟังก็กลัวหาว่าบ้าเพราะเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ยังไม่คุ้นเคยกับใคร แต่ปู่อือลือบอกหากไม่เชื่อจะแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ให้คนดู
โดยจะมาปรากฏร่างเป็นพญานาคมาว่ายน้ำให้เห็นในบึงโขงหลง และบอกเวลามาด้วย ครั้งแรกตนก็จะบอกเพียงตำรวจลูกน้องและคนรู้จักไปดูก็เห็นจริง ๆ ครั้งที่ 2-3
มีคนทราบข่าวก็มาดูกันมากขึ้น
และวันออกพรรษาปีนี้ปู่อือลือท่านบอกว่าจะให้ชมทั้งบั้งไฟพญานาคเหมือนในน้ำโขงที่มีลูกไฟสีแดงพุ่งขึ้นมาจากบึงโขงหลงอีกด้วย
สำหรับ นาค หรือ พญานาค เป็นความเชื่อของผู้คนในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สันนิษฐานว่าต้นกำเนิดความเชื่อเรื่องพญานาคน่าจะมาจากอินเดีย
ด้วยมีบันทึกและจารึกหลายเรื่องเล่าถึงพญานาค โดยเฉพาะใน มหากาพย์มหาภารตะ นาคถือว่าเป็นปรปักษ์ของ ครุฑ รวมทั้งในตำนานพุทธประวัติ
ก็เล่าถึงพญานาคไว้หลายครั้งด้วยกัน
ลักษณะของพญานาคตามความเชื่อจะแตกต่างกันไป แต่พื้นฐานคือมีลักษณะตัวเป็นงูตัวใหญ่มีหงอนสีทองและตาสีแดง เกล็ดเหมือนปลามีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี
พญานาคตระกูลธรรมดาจะมีเศียรเดียว แต่ตระกูลที่สูงขึ้นไปนั้นจะมีสามเศียร ห้าเศียร เจ็ดเศียรและเก้าเศียร นาคจำพวกนี้จะสืบเชื้อสายมาจาก พญาอนันตนาคราช
ผู้เป็นบัลลังก์ของพระวิษณุนารายณ์ ณ เกษียรสมุทร เล่ากันว่ามีร่างกายใหญ่โตมหึมามีความยาวไม่สิ้นสุด มีพันเศียร
มีอิทธฤทธิ์มากสามารถบันดาลให้เกิดคุณและโทษได้ รวมทั้งแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ด้วย
พญานาค ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งงู แต่ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ อยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา แบ่งเป็น 4 ตระกูลใหญ่ คือ ตระกูลวิรูปักษ์ พญานาคตระกูลสีทอง
ตระกูลเอราปถ พญานาคตระกูลสีเขียว ตระกูลฉัพพยาปุตตะ พญานาคตระกูลสีรุ้ง และตระกูลกัณหาโคตมะ พญานาคตระกูลสีดำ ตามเรื่องเล่าพญานาคสามารถเกิดได้ทั้ง 4 แบบ
คือ
1. แบบโอปปาติกะ (เกิดแล้วโตทันที)
2. แบบสังเสทชะ (เกิดจากเหงื่อไคล สิ่งหมักหมม)
3. แบบชลาพุชะ (เกิดจากครรภ์) และ
4. แบบอัณฑชะ (เกิดจากไข่)
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็มีตำนานเรื่องพญานาคแพร่หลาย ชาวบ้านเชื่อกันว่าพญานาคอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง หรือเมืองบาดาล
และมีความพยายามหาข้อมูลมายืนยันความเชื่อว่า มีคนเคยพบรอยพญานาคในวันออกพรรษาโดยจะมีลักษณะคล้ายรอยของงูขนาดใหญ่ รวมทั้งมีนักท่องเที่ยวสนใจไปเฝ้าชม
บั้งไฟพญานาค ในช่วงเทศกาลออกพรรษาเป็นประจำทุกปี บริเวณจังหวัดที่ติดแม่น้ำโขง
ในพุทธประวัติก็มีเรื่องเกี่ยวกับพญานาค สมัยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมแล้ว ได้เสด็จไปตามเมืองต่าง ๆ เพื่อแสดงธรรมเทศนา
มีครั้งหนึ่งได้เสด็จออกจากร่มไม้อธุปปาลนิโครธไปยังร่มไม้จิก ทรงนั่งเสวยวิมุตติสุขอยู่ 7 วัน ระหว่างนั้นมีฝนตกพรำ ๆ และลมหนาวโชยพัดมาตลอด มีพญานาคชื่อ
มุจลินท์ ศรัทธาแรงกล้า ม้วนลำตัวขด 7 รอบเป็นอาสนะและแผ่พังพานเป็น 7 เศียร ปกป้องพระผู้มีพระภาคเจ้าจากพายุฝนและลมมิให้ถูกพระวรกาย
ความเชื่อดังกล่าวนี้เองเป็นต้นกำเนิดของพระพุทธรูปปางนาคปรก เนื่องจากมีความเชื่อว่า พญานาค คือผู้คุ้มครองปกป้องพระศาสดาแห่งศาสนาพุทธ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามในอดีตมีพระสายวิปัสสนากรรมฐานหลายรูป ที่เคยกล่าวไว้เกี่ยวกับคุณวิเศษและความอัศจรรย์ของพญานาค และมีการสร้างรูปเคารพตามวัดต่าง ๆ มากมาย
ทั้งบันไดนาค รูปปั้นพญานาค และมีการสร้างวัตถุมงคลที่เป็นพญานาคไว้มากมายด้วย เช่น หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม อดีตพระเกจิชื่อดังฉายา
เทพเจ้าแม่น้ำโขง ก็เคยสร้างวัตถุมงคล นาคเกี้ยวและเหรียญรุ่นอุดมความสุขปี 2540 ด้านข้างองค์หลวงปู่ก็เป็นรูปพญานาคคู่ ได้รับความนิยมกันมากในปัจจุบัน.