ตามรอยพระพุทธบาท

ปีใหม่นี้..แนะวิธีการไหว้ "พระธาตุ" แก้โรคร้าย (มะเร็ง)
webmaster - 7/9/11 at 09:11

"อรัญญา นามวงศ์" ป่วยเส้นเลือดในสมองแตก


.....ครอบครัวข่าว ช่อง 3 วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

คณะแพทย์ รพ.จุฬา พร้อมด้วยครอบครัว "ศิระฉายา" แถลงข่าว อาการนางอรัญญา นามวงศ์ หลังถูกหามส่ง รพ.เมื่อวานนี้ ด้วยอาการแขน ขาอ่อนแรง และมีอาการปากเบี้ยว


.....ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อดิศร ภัทราดูรย์ ผอ.รพ.จุฬาฯ พร้อมด้วยคณะแพทย์ และนายเศรษฐา และ นส.พุทธิดา ศิระฉายา ลูกสาว แถลงอาการของนางอัญชลี ศิระฉายา หรืออรัญญา นามวงศ์ ดารานักแสดงชื่อดัง หลังถูกหามส่ง รพ.เมื่อวานที่ผ่านมา (8 ก.ย.)

โดยนายแพทย์อดิศร ภัทราดูรย์ เปิดเผยว่า นางอรัญญามีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อด้านซ้าย เนื่องจากมีเลือดออกในส่วนลึกของสมองด้านขวา และมีก้อนเลือดประมาณ 2 ซม. ขณะนี้ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี มีเพียงแขนและขาข้างซ้ายอ่อนแรง และต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด โดยควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และหากไม่มีเลือดออกเพิ่ม อาการผู้ป่วยจะดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด และจะเริ่มทำการกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ส่วนก้อนเลือดขนาด 2 เซนติเมตร มีโอกาสที่จะละลายได้เอง โดยต้องใช้ระยะเวลา 1-2 สัปดาห์

ส่วนเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังขณะนี้คือเรื่องความดันและความเครียดของคนไข้ และคาดว่าน่าจะออกจากห้องไอซียูได้ในวันพรุ่งนี้ (9 ก.ย.) และมีโอกาสหายเป็นปกติ แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการฟักฟื้น ซึ่งโรคดังกล่าวมักจะเกิดจากผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูงเป็นเวลานาน ๆ และมีการควบคุมที่ไม่ดี ทำให้เส้นเลือดเปราะและแตกได้

ด้านนายเศรษฐา เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นเมื่อวานที่ผ่านมา (7 ก.ย.) ตนเอง พร้อมคุณอรัญญา ผู้จัดละครอีกกว่า 20 คน และผู้บริหารช่อง 3 กำลังนั่งรับประทานอาหาร แต่จู่ ๆ คุณอรัญญาก็ไม่สามารถที่จะหยิบกระดาษทิชชูได้ พร้อมกับเริ่มสังเกตเห็นอาการปากเบี้ยว จึงรีบนำตัวส่ง รพ.ทันที ซึ่งก่อนหน้านี้คุณอรัญญาไม่เคยมีอาการมาก่อน ซึ่งเป็นคนสุขภาพแข็งแรงออกกำลังกายตลอด ส่วนอาการล่าสุดที่เข้าไปเยี่ยมได้มีการพูดคุยได้เป็นปกติ มีเพียงกล้ามเนื้อบางส่วนที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู






แนะวิธีไหว้ "พระธาตุ" แก้โรคร้าย (มะเร็ง เป็นต้น)

(แทนการไหว้พระธาตุประจำปีเกิด)

(โดย..พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต)


......ข่าวที่เกิดขึ้นกับ คุณอรัญญา นามวงศ์ นักแสดงที่มีชื่อเสียงในอดีตนี้ นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงกับเรื่องในกระทู้ที่นำเสนอพอดี ประกอบกับเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 วัดท่าซุงต้องสูญเสียพระเถระไป 1 รูป คือท่านพระครูใบฎีกาสมพงษ์ สมจิตฺโต หลังจากที่เพิ่งจะจัดงานฌาปนกิจศพ หลวงพี่พระใบฎีกาประทีป อตฺถทตฺสี เพียงไม่กี่วันเท่านั้นเอง ด้วยโรคร้ายภายในร่างกายทั้งสองรูป โดยเฉพาะท่านสมพงษ์ป่วยเป็นโรคร้าย คือมะเร็งในสมอง ส่วนหลวงพี่ประทีปเป็นโรคร้ายภายในปอด เป็นต้น

ตามที่มีการป่วยเฉพาะส่วนอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายของคนเรา จึงทำให้ผู้เขียนนึกถึงพระมหาธาตุเจดีย์ต่างๆ ที่เคยได้ไปกราบไหว้บูชามาแล้ว ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ "อวัยวะ" ส่วนต่างของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีความสำคัญและเก่าแก่มานาน ชาวไทยส่วนใหญ่มีความเลื่อมใสมาแต่โบราณ ต่างก็เดินทางไปกราบไหว้บูชากันอยู่เสมอ แต่ถ้าถามว่าพระธาตุองค์นี้บรรจุอะไรไว้ภายใน ต้องขออภัยท่านที่ทราบอยู่แล้วนะ แต่ส่วนใหญ่เท่าที่สอบถาม ตอบว่าไม่ทราบว่าพระธาตุองค์นี้บรรจุอะไรไว้ภายใน

ด้วยเหตุนี้เอง ผู้เขียนจึงมีความคิดว่าถ้าหากจะแนะนำให้ไปกราบไหว้บูชา หรือตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีพระธาตุ หรือความสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายขององค์พระธาตุ ขอท่านช่วยให้การป่วยไข้ไม่สบายหายไปหมดสิ้น จึงขอยกตัวอย่างดังต่อไปนี้

1. โรคเกี่ยวกับสมอง เช่น หลอดเลือดสมองตีบ เป็นต้น
- ควรไปไหว้ พระธาตุจอมทอง เมืองเชียงรุ้ง สิบสองปันนา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนมันสมอง)
- ควรไปไหว้ พระธาตุจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนท้ายทอยขวา)
- ควรไปไหว้ พระธาตุดอยน้อย อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนท้ายทอยซ้าย)
- ควรไปไหว้ พระธาตุหริภุญชัย อ.เมือง จ.ลำพูน (บรรจุพระบรมธาตุส่วนกระหม่อมขวา)
- ควรไปไหว้ พระธาตุแหลมลี่ อ.ลอง จ.แพร่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนกระหม่อม)

2. โรคเกี่ยวกับหน้าผาก
- ควรไปไหว้ พระธาตุจอมยอง เมืองยอง พม่า (บรรจุพระบรมธาตุส่วนหน้าผาก)
- ควรไปไหว้ พระธาตุดอยเกิ้ง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนหน้าผากซ้าย)

3. โรคเกี่ยวกับดวงตา
- ควรไปไหว้ พระธาตุดอยหยวก อ.ปง จ.พะเยา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนขอบตาขวา)

4. โรคเกี่ยวกับจมูก
- ควรไปไหว้ พระธาตุแจ่โห้ว อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนปลายจมูก)
- ควรไปไหว้ พระธาตุจอมจ้อ อ.เทิง จ.เชียงราย (บรรจุพระบรมธาตุส่วนดั้งจมูก)

5. โรคเกี่ยวกับหู
- ควรไปไหว้ พระธาตุวัดป่าแดงบุนนาค อ.เมือง จ.พะเยา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนกกหูซ้าย-กกหูขวา)

6. โรคเกี่ยวกับปาก
- ควรไปไหว้ พระธาตุสบแวน อ.เชียงคำ จ.พะเยา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนริมฝีปาก)

7. โรคเกี่ยวกับฟัน
- ควรไปไหว้ พระธาตุแสนไห อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนพระทนต์ (ฟัน)
- ควรไปไหว้ พระธาตุภูซาง อ.เชียงคำ จ.พะเยา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนพระทันตธาตุ)
- ควรไปไหว้ พระธาตุบุ ต.เวียงคุก อ.เมือง จ.หนองคาย (บรรจุพระบรมธาตุส่วนพระเขี้ยวฝาง)

8. โรคเกี่ยวกับแก้ม
- ควรไปไหว้ พระธาตุม่อนทรายนอน อ.งาว จ.ลำปาง (บรรจุพระบรมธาตุส่วนแก้ม)

9. โรคเกี่ยวกับคาง
- ควรไปไหว้ พระธาตุวัดเจดีย์หลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนคางซ้าย)
- ควรไปไหว้ พระธาตุม่วงคำ อ.เมือง จ.ลำปาง (บรรจุพระบรมธาตุส่วนคางซ้าย)
- ควรไปไหว้ พระธาตุวัดเจดีย์เหลี่ยม อ.สารภี จ.เชียงใหม่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนคางขวา)

10. โรคเกี่ยวกับคอ
- ควรไปไหว้ พระธาตุลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง (บรรจุพระบรมธาตุส่วนลำคอหน้า-หลัง)
- ควรไปไหว้ มหิยังคะณะเจดีย์ เมืองมหิยังเกน่า ศรีลังกา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนคอ)
- ควรไปไหว้ พระธาตุเชียงทิม เมืองสิงห์ สปป.ลาว (บรรจุพระบรมธาตุส่วนคอ, เอ็นบ่า)

11. โรคเกี่ยวกับไหล่ขวา
- ควรไปไหว้ พระธาตุภูตั๊บ อ.ลอง จ.แพร่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนไหล่ขวา)

12. โรคเกี่ยวกับไหล่ซ้าย
- ควรไปไหว้ พระธาตุขวยปู อ.วังชิ้น จ.แพร่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนไหล่ซ้าย)

13. โรคเกี่ยวกับไหปลาร้าขวา
- ควรไปไหว้ พระธาตุถูปาราม เมืองอนุราธปุระ ศรีลังกา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนไหปลาร้าขวา)

13. โรคเกี่ยวกับไหปลาร้าซ้าย
- ควรไปไหว้ พระธาตุดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย (บรรจุพระบรมธาตุส่วนไหปลาร้าซ้าย)

14. โรคเกี่ยวกับทรวงอก - หัวใจ
- ควรไปไหว้ พระธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม (บรรจุพระบรมธาตุส่วนหน้าอก)
- ควรไปไหว้ พระธาตุวัดพระแก้วดอนเต้า อ.เมือง จ.ลำปาง (บรรจุพระบรมธาตุส่วนหัวใจ)

15. โรคเกี่ยวกับช่วงท้อง
- ควรไหว้ พระธาตุบังพวน อ.เมือง จ.หนองคาย (บรรจุพระบรมธาตุส่วนหัวเหน่า)

16. โรคเกี่ยวกับกระดูกซี่โครง
- ควรไหว้ พระธาตุวัดทุ่งตูม อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนซี่โครงซ้าย)
- ควรไหว้ พระธาตุจอมปิง อ.เกาะคา จ.ลำปาง (บรรจุพระบรมธาตุส่วนซี่โครงซ้าย)

17. โรคเกี่ยวกับตับ
- ควรไหว้ พระธาตุสันดอน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง (บรรจุพระบรมธาตุส่วนตับ)

18. โรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง
- ควรไปไหว้ พระธาตุอิงรัง แขวงสุวรรณเขต สปป.ลาว (บรรจุพระบรมธาตุส่วนแขนขวา)

19. โรคเกี่ยวกับสะโพก - ก้นกบ
- ควรไปไหว้ พระธาตุปุ้มปุ๊ก แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว (บรรจุพระบรมธาตุส่วนก้นกบ)

20. โรคเกี่ยวกับแขนขวา
- ควรไปไหว้ พระธาตุจอมกิตติ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย (บรรจุพระบรมธาตุส่วนแขนขวา)

21. โรคเกี่ยวกับแขนซ้าย
- ควรไปไหว้ พระธาตุจอมทอง อ.เมือง จ.พะเยา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนแขนซ้าย)

22. โรคเกี่ยวกับข้อศอกขวา
- ควรไปไหว้ พระธาตุแก่งสร้อย อ.สามเงา จ.ตาก (บรรจุพระบรมธาตุส่วนข้อศอกขวา)

23. โรคเกี่ยวกับข้อศอกซ้าย
- ควรไปไหว้ พระธาตุช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนข้อศอกซ้าย)

24. โรคเกี่ยวกับข้อมือขวา
- ควรไปไหว้ พระธาตุภูขวาง อ.เมือง จ.พะเยา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนข้อมือขวา)

25. โรคเกี่ยวกับข้อมือซ้าย
- ควรไปไหว้ พระธาตุแช่แห้ง อ.เมือง จ.น่าน (บรรจุพระบรมธาตุส่วนข้อมือซ้าย)

26. โรคเกี่ยวกับฝ่ามือ
- ควรไปไหว้ พระธาตุจอมท้าว เมืองพะยาก พม่า (บรรจุพระบรมธาตุส่วนฝ่ามือขวา)
- ควรไปไหว้ พระธาตุจอมทอง เมืองพะยาก พม่า (บรรจุพระบรมธาตุส่วนฝ่ามือซ้าย)
- ควรไปไหว้ พระธาตุวัดทุ่งธาตุ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย (บรรจุพระบรมธาตุส่วนฝ่ามือซ้าย)

27. โรคเกี่ยวกับนิ้วมือ
- ควรไปไหว้ พระธาตุดอยทอง อ.เมือง จ.เชียงราย (บรรจุพระบรมธาตุส่วนนิ้วทั้งสิบ)
- ควรไปไหว้ พระธาตุจอมแจ้ง อ.เมือง จ.แพร่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนหัวแม่ซ้าย)
- ควรไปไหว้ พระธาตุม่อยพญาแช่ อ.เมือง จ.ลำปาง (บรรจุพระบรมธาตุส่วนเล็บ)
- ควรไปไหว้ พระธาตุดอยน้อย อ.เมือง จ.พะเยา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนนิ้วก้อย)

28. โรคเกี่ยวกับขาและเท้า
- ควรไหว้ พระธาตุขิงแกง อ.จุน จ.พะเยา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนพระบาทขวา)
- ควรไหว้ พระธาตุดอยกู่แก้ว อ.แม่จัน จ.เชียงราย (บรรจุพระบรมธาตุส่วนตาตุ่มขวา)
- ควรไหว้ พระธาตุปูแจ อ.ร้องกวาง จ.แพร่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนตาตุ่ม)
- ควรไหว้ พระธาตุเมืองลาหนองคาย (จมอยู่ในแม่น้ำโขง) อ.เมือง จ.หนองคาย (บรรจุพระบรมธาตุส่วนพระบาทขวา)


คำแนะนำการเตรียมเครื่องบูชา และวิธีการบน

ถ้าป่วยหนักให้ทำพิธีที่บ้าน เลือกพระธาตุเอาเอง (ตามที่สามารถจะเดินทางไปแก้บนได้ด้วยตนเอง) ถ้ายังเป็นไม่มาก ควรเดินทางไปด้วยตนเอง จะทำให้การอธิษฐานตั้งมั่น จะได้ผลเร็วขึ้น อีกทั้งบารมีขององค์พระบรมธาตุส่วนนั้นที่อยู่ภายใน และเทพเทวาที่รักษาอยู่ ณ ที่นั้น จะช่วยเหลือได้ทันท่วงที (ทั้งนี้ ต้องอธิษฐานแถมท้ายด้วยว่า "ถ้าไม่เกินวิสัย หรือเกินกฎของกรรม" เพราะถ้าถึงอายุขัยหรือถึงเวลาตายจริงก็ไม่มีใครช่วยได้)

1. เครื่องบูชาพระธาตุทั้ง 5 คือ
- ธูป 5 ดอก
- เทียน 5 เล่ม
- ดอกไม้ 5 สี
- เงิน 5 บาท
- ทองคำเปลว 5 แผ่น

2. การแก้บน 5 ประการ คือ (เลือกข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้น)
- บนถวายสังฆทาน 1 ชุด (พระพุทธรูป 5 นิ้ว, ผ้าจีวร, ยารักษาโรค)
- บนตัวเองบวชชีพราหมณ์ 5 วัน
- เป็นเจ้าภาพบวชเณร 1 รูป หรือเป็นเจ้าภาพบวชพระ 1 รูป
- ถวายปัจจัยบูรณะพระธาตุตามอัธยาศัย
- ห่มผ้ารอบองค์พระธาตุ, ปิดทองคำเปลว 5 แผ่น

3. เมื่อเตรียมเครื่องบูชาเสร็จแล้ว ให้กราบไหว้บูชาพระแล้วอธิษฐานว่า

....."โรคร้ายภายในร่างกายของข้าพเจ้า ถ้าหากไม่เกินวิสัยกฎแห่งกรรม จะรู้ก็ดี ไม่รู้อยู่ก็ดี จะรักษาหายก็ดี หรือรักษาไม่หายก็ดี ขอให้บารมีพระธาตุ..(ออกชื่อพระธาตุ) และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ขอให้กำจัดโรคร้ายนี้ให้หายไปสิ้นโดยฉับพลันนั้นเทอญ และถ้าหายเป็นปกติดีแล้ว ข้าพเจ้าขอแก้บนด้วย...(เลือกข้อใดข้อหนึ่ง)......."



"การไหว้พระธาตุ..แก้โรคร้าย" แทน "การไหว้พระธาตุ..ประจำปีเกิด"


.......ผู้เขียนขอย้ำให้ผู้ที่บน จะบนที่บ้านหรือเดินทางไปบนด้วยตนเองก็ตาม เมื่อหายแล้วอย่าได้ผิดสัจจะ ควรเดินทางไปแก้บนตามที่อธิษฐานไว้ ผลดีจะเกิดขึ้นกับท่านอย่างแน่นอน เพราะพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองที่แนะนำมานี้ มีเทพยดาอารักษ์ปกปักรักษาแต่ละพระธาตุ ถ้าไม่เกินวิสัยและกอร์ปกับเรามีความศรัทธาแล้ว การอธิษฐานน่าจะมีผลดี

เพราะสมัยนี้คนเป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หายกันเยอะ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับอาหารการกิน มีสารมะเร็งเป็นส่วนใหญ่ บางคนกว่าจะรู้อาการก็หนักแล้วถึงขั้น 3 ขั้น 4 ยากที่แพทย์แผนปัจจุบันจะรักษาได้ แต่ถ้าเรายังไม่ถึงอายุขัย หรือมีกรรมดีแต่ปางก่อนมาช่วยหนุน เราอาจจะได้พบหมอดีหรือยาดีก็เป็นได้

แต่การกราบไหว้บูชาขอให้บารมีพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองช่วยนี้ ผู้เขียนก็ไม่รับรองว่าช่วยได้ 100 เปอร์เซนต์ ทั้งนี้แล้วแต่กฎแห่งกรรมของผู้ป่วยนั้นด้วย แต่คนเราเมื่อมีสภาพเช่นนี้ บางทีการหาที่พึ่งทางใจ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ตามความเชื่อของคนไทย อาจจะยังพอที่จะเยียวยาให้หนักเป็นเบา หรือจากเบาเป็นหายไปได้

กรณีที่คุณอภิญญา นามวงศ์ ป่วยทางด้านสมองนี้ หรือท่านผู้อ่านเวปตามรอยฯ นี้ หากมีอาการเหมือนกัน ถ้ามีความเชื่อเรื่องบุญความดีอย่างนี้ หากไม่เกินวิสัย เราก็บนบานขอให้พระธาตุที่บรรจุส่วนสมองของพระพุทธเจ้า หรือผู้อ่านท่านอื่นที่ป่วยในส่วนอื่นๆ ก็สามารถจะตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระธาตุที่บรรจุแต่ละส่วนของพระพุทธเจ้าช่วย

ทั้งนี้ "การไหว้พระธาตุ..แก้โรคร้าย" นี้ น่าจะได้เสริมบุญในส่วนการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งจะแตกต่างกับ "การไหว้พระธาตุ..ประจำปีเกิด" นั่นเป็นการเสริมสิริมงคลกับตนเอง แต่มิได้อธิษฐานให้ท่านช่วยรักษาโรคโดยตรง ซึ่งได้เรียบเรียงไว้นับตั้งแต่ส่วนศีรษะ ตา หู จมูก ปาก คอ ไหล่ อก ท้อง ลงมาถึงเท้า

บัดนี้ สถานที่เหล่านี้ที่ได้แนะนำมานี้ ผู้เขียนก็ได้ไปทำพิธีบวงสรวงมาแล้วทุกแห่ง และนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จะได้อธิษฐานซ้ำอีกครั้ง เพื่อขอให้ท่านช่วยเรื่อง "โรคร้าย" เป็นการเฉพาะ เพื่อเป็นผลดีแก่ผู้ที่ตั้งจิตอธิษฐานไว้ อีกทั้งหลังจากหายดีและแก้บนแล้ว ควรจะอุทิศบุญกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร และเทพไท้เทวาผู้อารักขาอีกด้วย จึงขอให้ทุกท่านที่มั่นใจเรื่องราวเหล่านี้ ลองทำตามที่แนะนำ หากมีผลดีประการใด กรุณาแจ้งให้ทราบด้วย ขอเจริญพร.


พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต


webmaster - 9/9/11 at 09:39

กรมการแพทย์ เปิดสายด่วนโรคเลือดสมอง


ข่าว..ช่อง 7

.......จากสถานการณ์โรคเลือดสมอง หรือโรคอัมพฤหษ์ หรืออัมพาต ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญสาธารณสุข กรมการแพทย์ ในฐานะที่เป็นกรมวิชาการของกระทรวงสาธารณสุข ได้เล็งเห็นความสำคัญและมีการเตรียมความพร้อมทุกด้านทั้งในด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เฉพาะทางและบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

เพื่อโอกาสรอดและลดความพิการและการเสียชีวิตของผู้ป่วย โดยการพัฒนาระบบการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดตีบหรือ อุดตันอย่างเฉียบพลัน ของสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ ได้เปิดสายด่วนเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคดังกล่าว เป็นการเฉพาะ เรียก "สโตรค ฟาส์ต แทร็ค" โดยการให้ยาละลายลิ่มเลือดแก่ผู้ป่วยหลังเกิดอาการภายใน 3 ชั่วโมง หรือ การรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ เพื่อให้สมองที่ขาดเลือด มีเลือดกลับมาเลี้ยงให้เร็วที่สุด จะทำให้สมองส่วนที่ขาดเลือด มีขนาดเล็กที่สุด ส่งผลทำให้ความพิการที่จะเกิดขึ้นมีน้อยที่สุด


สอบถามข้อมูล: สายด่วนอัตโนมัติ 0-2345-7007



ข่าว..ไทยรัฐออนไลน์

.......ร่องรอยของความแก่ชราที่ปรากฏออกมาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมือสั่น หลังโกง และเดินกระย่องกระแย่ง อาจจะมีสาเหตุมาจากหลอดเลือดเล็กจิ๋วในสมองหลายเส้นตีบตัน ซึ่งเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถจะตรวจรู้ได้

วารสารวิชาการ “สมาคมแพทย์โรคหัวใจอเมริกัน” เปิดเผยว่า นักวิจัยได้รายงานผลการตรวจศพผู้สูงอายุต่างๆ พบว่ามีเนื้อตาย หรือรอยฟกช้ำเล็ก ที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นอยู่ตามสมองมากถึงร้อยละ 30 ศพเหล่านี้ต่างมีหลอดเลือดสมองผิดปกติเกิดขึ้นมากถึง 2 ใน 3 แสดงว่าหลอดเลือดตีบตันเหล่านี้ มีส่วนเกี่ยวพันกับอาการของความแก่ชราต่างๆ ที่ปรากฏขึ้น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์อารอน แอส. บุคแมน ศูนย์แพทย์มหาวิทยาลัยรัชหัวหน้านักวิจัยกล่าวว่า นับว่าน่าประหลาดใจมาก ที่เราไม่อาจใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตรวจวินิจฉัยหลอดเลือดเล็กๆ ในสมองให้รู้ก่อนได้ เราอาจจำเป็นต้องหาเครื่องมือเพิ่มขึ้น.




"หลอดเลือดสมองตีบ" รอดได้ต้องรีบหาหมอ



ภาพข่าว..คมชัดลึก

.......ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม้จะมีผู้โชคร้ายจำนวนมากต้องทุกข์ทรมานและเสียชีวิตจากการเป็นโรคอัมพาต อัมพฤกษ์ หรือ "โรคหลอดเลือดสมองตีบตันหรืออุดตัน" ซึ่งก็มีสาเหตุหลักๆ มาจากโรคความดันสูงและเบาหวาน แต่ปัจจุบันกลับพบว่าหากผู้ป่วยหรือญาติคนไข้รู้ตัวแล้วรีบไปพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้องภายใน 3 ชั่วโมง มีโอกาสรอดได้

นพ.จิระพัฒน์ อุกะโชค หัวหน้าศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลพญาไท 3 โรคหลอดเลือดสมองตีบตันหรืออุดตัน คือโรคที่ทำให้เลือดไปเลี้ยงเนื้อสมองน้อยลง จนเนื้อสมองส่วนนั้นขาดเลือด ขาดออกซิเจน และสารอาหารต่างๆ ส่งผลให้เนื้อสมองส่วนนั้นทำงานไม่ได้ และถ้าเป็นมากหรือนาน เนื้อสมองส่วนนั้นก็จะตายไปในที่สุด ทำให้เกิดอาการต่างๆ ขึ้นอยู่กับว่าเนื้อสมองส่วนใดขาดเลือดไปเลี้ยง ก็จะแสดงอาการของเนื้อสมองส่วนนั้น

อาการที่พบบ่อยก็คือ แขนขาหรือใบหน้าด้านใดด้านหนึ่งชา อ่อนแรงลงหรือขยับไม่ได้เลย เดินเซ เห็นภาพซ้อน พูดไม่ชัด กินสำลัก พูดไม่ได้หรือพูดไม่เป็นภาษา ฟังคนอื่นพูดไม่เข้าใจ อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใดหรือรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่นาที หรือบางคนเกิดขึ้นขณะนอนหลับ เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีอาการเหล่านี้แล้ว อาการอื่นๆ ที่อาจพบร่วมด้วยได้แก่ ปวดหัว เวียนหัว และอาเจียน สำหรับในรายที่เป็นมากอาจมีอาการซึมลงด้วย

"ดังนั้นญาติหรือคนใกล้ชิดพบว่าผู้ป่วยมีอาการต่างๆ เหล่านี้ให้รีบมาพบแพทย์ภายใน 3 ชั่วโมง เนื่องจากเนื้อสมองเป็นเนื้อเยื่อที่ไม่สามารถทนการขาดเลือดและออกซิเจนได้นาน ถ้าไม่มีเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์สมองจะทนได้เพียงประมาณ 5 นาทีเท่านั้นก็จะตายไป ถ้ามีเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงบ้าง แต่ไม่เพียงพอเซลล์สมองก็อาจจะทนได้ประมาณ 3 ชั่วโมงแล้วก็จะตาย จึงไม่ควรนิ่งนอนใจ เพื่อการรักษาและให้ยาที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นการลดอัตราการเกิดโรคอัมพฤต อัมพาต หรือเสียชีวิตได้ดีที่สุด" หัวหน้าศูนย์สมองและระบบประสาท กล่าวย้ำ

ทั้งนี้ นพ.ได้กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันยังไม่มียาหรือวิธีรักษาใดที่จะทำให้เนื้อสมองส่วนนั้นฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาได้ ดังนั้น การให้ยาเพื่อละลายลิ่มเลือดหรือสิ่งที่อุดตันหลอดเลือดสมอง เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงเนื้อสมองได้อีกก็จะไม่มีประโยชน์ เพราะช้าเกินไป เนื้อสมองตายไปแล้ว และอาจมีผลเสีย เพราะเนื้อสมองส่วนที่ตายไปอาจทนเลือดที่ไหลเข้าไปเลี้ยงใหม่ไม่ได้อาจเกิดเลือดตกในเนื้อสมองส่วนที่ตายนั้น ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้


webmaster - 22/12/16 at 10:06

.


webmaster - 22/12/18 at 15:52

.