ตามรอยพระพุทธบาท

เล่าเรื่องการเดินทางไป "ภาคอีสาน" วันที่ 10-17 กุมภาพันธ์ 2557 (ตอนที่ 2 จบ)
webmaster - 29/4/14 at 08:43

<< ย้อน ตอนที่ 1 กรุณา.. คลิกที่นี่

เล่าเรื่องการเดินทางไป "ภาคอีสาน" (ตอนที่ 2 จบ)

วันที่ ๑๐ - ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗



วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ (อุบลราชธานี - ศรีสะเกษ)


๑๐. วัดบูรพาราม หมู่ ๑ ต.โนนโหนน อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

......จากการเล่าเรื่อง ตอนที่ 1 ผู้เขียนได้เล่าเรื่องเดินทางจาก สำนักสงฆ์พระพุทธบาทป่าแสงอรุณ อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี ระหว่างทางได้แวะเที่ยวชมแก่งหินที่ถูกน้ำโขงไหลเซาะเป็นหลุมเป็นบ่อหลายพันแห่งตามธรรมชาติ ภาษาอีสานเรียกกันว่า "แก่งสามพันโบก" หลังจากนั้นก็เดินทางล่องลงมาที่ อ.กัณทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนอีกแล้ว แต่ก็ยังมีสายฝนโปรยปรายลงมาชั่วขณะหนึ่ง เสมือนจะบอกเหตุว่าการเดินทางครั้งนี้จะมีความสำคัญยิ่ง


ระหว่างทางได้เห็นป้ายเชิญชวนสร้างพระพุทธรูป หน้าตัก ๙ เมตร จึงเลี้ยวรถเข้ามาทำบุญ วันนี้เป็นวันโกนใกล้วันมาฆบูชาแล้ว หลวงพี่เลยให้พระที่นี่ช่วยปลงผมให้ด้วย พระที่นี่เล่าว่าก่อนวางศิลาฤกษ์สร้างพระ ๕ วัน เจ้าภาพเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต ทางเจ้าอาวาสก็ต้องเดินหน้าต่อไปจนกว่าจะสำเร็จเป็นองค์พระ ภาพที่เห็นนี้ยังเป็นแค่ขุดหลุมเสาเท่านั้น หลวงพี่และคณะจึงร่วมทำบุญเป็นจำนวน ๕,๐๐๐ บาท


วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ (อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร)


๑๑. ศาลหลักเมืองกัณทรลักษ์ อ.กัณทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ


วันนี้ถือว่าเป็นวันดียิ่ง คือตรงกับวันพระ "มาฆบูชา" และเป็น "วันวาเลนไทน์" ด้วย หลวงพี่ได้นัดพบกันที่นี่กับ "คณะหมูยอ กัณทรลักษ์" มีคุณพงศ์พร และอาจารย์ณรงค์ เป็นต้น พร้อมด้วยคณะตามรอยเล็กๆ คือ คณะดาบบุญรอด - น้องหนิง ระยอง คณะจากกรุงเทพฯ คุณวันทนา, คุณเอมอร และน้องติ๋ว - น้องหมี เป็นต้น


คณะที่เดินทางมาไกลได้ถึงที่พักตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว ในตอนเช้า เมื่อทุกคนมารวมตัวกันที่หน้าศาลหลักเมืองตามที่นัดกันไว้ รวมแล้วประมาณ ๓๐ ท่าน นัดไว้ ๘ โมงเช้า ระหว่างนี้ก็เดินไปกราบ "เสาหลักเมือง" เป็นปฐมฤกษ์ก่อนเดินทางเข้าหาเป้าหมาย


หลังจากทักทายกันด้วยความยินดีแล้ว คุณพงศ์พร และอาจารย์สมจิตร ก็ขับรถนำทางไปที่บ้านภูมิซรอล โดยมีอาจารย์ณรงค์ และชาวบ้านภูมิซรอลให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โดยมีเป้าหมายเข้าไปในป่า เพื่อนำไปที่รอยพระพุทธบาทแห่งใหม่

๑๒. รอยพระพุทธบาท เขาอีโล้น บ.ภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กัณทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ (พบใหม่)



รถนำเข้าทางด้านข้าง "อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร" อาจารย์ณรงค์เป็นคนนำไป ได้แจ้งข้อมูลให้หลวงพี่ไว้นานแล้วเช่นกัน ขับรถเข้าไปช่วงหนึ่งจากถนนใหญ่ แล้วเดินอีกประมาณ ๕๐๐ เมตร



เจ้าของสวนยางรอพบอยู่ ได้มีการตัดหญ้าทางเดินไว้ให้เดินง่ายขึ้น รถร่วมขบวนประมาณ ๘ คัน จากนั้นได้ทำความสะอาดรอยพระพุทธบาท แล้วสรงน้ำหอม โปรยดอกไม้ เปิดเทปบวงสรวง ปิดทอง และกล่าวคำอธิษฐานพร้อมกันอีกด้วย






๑๓. รอยพระพุทธบาท ผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กัณทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ



อย่างที่บอกแล้วว่า วันนี้ตรงกับวันมาฆบูชา และวันวาเลนไทน์พอดีโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนที่จะไปไหว้รอยพระพุทธบาทพอดีได้เวลาฉันเพล ญาติโยมชาวบ้าน "คณะหมูยอ" ได้เตรียมอาหารแบบพื้นบ้านมาถวายกันเยอะมาก



เมื่อถวายพระเสร็จแล้วทุกคนก็พร้อมใจกันเป็นลูกศิษย์ นั่งล้อมวงทานข้าวเหนียวไก่ย่างกับข้าวพี้นบ้านกันอย่างเอร็ดอร่อย หลังจากทานเสร็จก็เดินชมผามออีแดง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเขาพระวิหาร



จากนั้นเดินไปกราบรอยพระพุทธบาทที่อยู่ติดกับค่ายทหาร และเดินขึ้นไปส่งกล้องดูเขาพระวิหาร (ได้แต่มอง เพราะเขายังไม่ให้ข้ามไปชม) นั่งผ่อนคลายเสร็จใครที่ยังไม่เคยกราบรอยพระพุทธบาทก็กราบกันตามอัธยาศัย วันนี้คนขึ้นไปเที่ยวกันเยอะมาก เสร็จแล้วก็เตรียมเดินทางไปที่อื่นต่อไป



๑๔. รอยพระพุทธบาทและรอยพระหัตถ์ วัดภูสามสวรรค์ บ.เสาธงชัย ต.เสาธงขัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ (เข้าทางด้านหน้า "โรงเรียนบ้านเสาธงชัย" แล้วเลี้ยวขวาออกทางข้างโรงเรียน)



หลวงพี่พาคณะที่ยังไม่เคยไปกราบ ทั้งรอยพระบาทและพระหัตถ์ มีศาลาครอบทั้งสองแห่ง ทหารมาพัฒนาเจริญขึ้นเยอะมาก กราบรอยพระบาทและรอยพระหัตถ์ สรงน้ำปิดทอง และสวดคาถาเงินล้าน ได้ร่วมทำบุญกับเจ้าอาวาส ๒,๐๐๐ บาท










๑๕. รอยพระพุทธบาท ผลาญดอนเตีย บ.โดนเอาร์ ต.รุง อ.กัณทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ



พวกเราเคยมาที่นี่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว ซึ่งเป็นรอยพระพุทธบาทที่สวยงามตามธรรมชาติ แต่อยู่ในเขตแนวชายแดนมีทหารรักษาเขตแดนอยู่ สมัยก่อนนั้นหลวงพี่ให้งบกับอาจารย์ณรงค์ไว้ เพื่อทำหลังคาครอบไว้แบบง่ายๆ เพื่อรักษารอยพระพุทธบาทไว้ แต่ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ทหารไม่เห็นด้วย ต่อมาจึงได้นำงบนี้ไปสร้างแทนที่ "สำนักสงฆ์ป่าแสงอรุณ" อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลฯ


แต่ตอนนี้เมื่อมาถึงปรากฏว่ามีคนมาสร้างครอบไว้แล้ว แต่เป็นแบบศาลาเล็กๆ เตี้ยๆ จะต้องมุดเข้าไปช่วยกันทำความสะอาด และผูกผ้าสไบทองแล้วบูชากันตามอัธยาศัย สวดอิติปืโสและคาถาเงินล้านด้วย


ระหว่างนี้มีชาวบ้านเดินไปด้านตรงข้ามถนน แล้วเจอรอยพระพุทธบาทอีกสองรอย ประทับซ้อนกันเป็นรูปหัวใจ และมีรอยกลมๆ อีกหนึ่งรอย หลวงพี่พร้อมคณะจึงเข้าไปสรงน้ำหอมและโปรยดอกไม้



<< กลับสู่สารบัญ


webmaster - 29/4/14 at 09:57

วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๗ (วัดภูพลานสูง อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี)


๑๖. รอยพระพุทธบาท ภูพลานสูง วัดภูพลานสูง บ.หลักเมือง ต.นาจะหลวย อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี



เช้าวันนี้ต้องออกเดินทางกันแต่เช้า หลังจากทานอาหารเช้ากันแล้ว หลวงพี่ได้นัดหมายไว้กับอาจารย์ณรงค์ ว่าจะไปไหว้พระบรมธาตุและรอยพระพุทธบาทกันต่อไป โดยเฉพาะหลวงพี่ต้องการสงเคราะห์คนรุ่นใหม่ที่ติดตามกับอยู่ในขณะนี้ ว่าในเมืองไทยของเรายังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกมากมาย


สถานที่นี้ก็เช่นกัน หลวงพี่เคยมาหลายปีแล้ว ตอนที่รอยพระพุทธบาทปรากฏใหม่ๆ สวยงามมาก ปัจจุบันกำลังสร้างมณฑปครอบ รวมทั้งบริเวณโดยรอบ มีบ่อน้ำทิพย์อยู่ข้างๆ ช่วงนี้หลวงพี่เห็นฉัตรตั้งอยู่ พวกเราจึงโชคดีไปด้วยที่ได้มีโอกาสปิดทอง สรงน้ำหอม ก่อนที่ฉัตรจะถูกยกขึ้นบนยอดพระมณฑป



ความจริงพระมณฑปนี้สร้างหลายปีแล้ว แต่ทางวัดเห็นว่ายังไม่สูงพอ จึงได้เสริมยอดให้สูงขึ้นไปอีก พวกเราจึงโชคดีที่ยังมีโอกาสร่วมสร้างอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เคยมาทำบุญร่วมสร้างกันครั้งแรกไปแล้ว ครั้งนี้ได้ร่วมทำบุญกันทั้งพวกเราและ "คณะหมูยอ" จากกัณทรลักษ์ เป็นเงิน ๑๒,๐๐๐ บาท



จากนั้นจึงได้สรงน้ำปิดทองกันตามอัธยาศัย สวดอิติปิโสและคาถาเงินล้าน บูชากันเต็มที่ หลวงพี่บอกโชคดีที่ได้มาครั้งแรก ยังได้เห็นรอยพระพุทธบาทแบบใกล้ชิด ซึ่งตอนนี้ทางวัดได้ทำฝาครอบกระจกกั้นเอาไว้ ทำให้มองเห็นไม่ชัดนัก




ส่วนบ่อน้ำทิพย์ก็เช่นกันได้ถูกสร้างครอบเอาไว้ จึงมองไม่เห็นเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ เสร็จแล้วถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วย หลวงพี่ต้องกลับมาฉันเพล เสร็จแล้วขึ้นกราบพระบรมสารีริกธาตุที่อยู่บนศาลากันต่อไป


บนศาลาแห่งนี้ได้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุลงมาสรงน้ำเมื่อวันมาฆบูชา เสียดายพวกเรามาช้าไปวันหนึ่ง แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะเคยมาไหว้กันแล้ว ซึ่งเป็นส่วนที่เสด็จมาเองทั้งสิ้น เช่น พระบรมธาตุส่วนข้อพระหัตถ์ขวา, และพระสรีรังคาร เป็นต้น



๑๗. รอยพระพุทธบาท ภูสิงห์ ต.โคกตาล อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ


รอยพระพุทธบาทแห่งนี้เป็น "รอยเบื้องซ้าย" การกลับมาที่แห่งนี้จากที่เคยไปครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๘ ตอนนี้เป็นปี พ.ศ. ๒๕๕๗ นับได้ ๒๐ ปีพอดี มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีหลายอย่าง ได้มีการสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทอย่างสวยงาม สมพระเกียรติ จึงเปิดเทปหลวงพ่อบวงสรวงอีกครั้ง พร้อมกับร่วมกันทำบุญอย่างยิ่งใหญ่ รวมเงินได้ ๒๕,๐๐๐ บาท



ขณะที่เข้าไปจะเห็นคณะกรรมการกำลังเก็บสถานที่ เมื่อถามว่าทำอะไรกัน จึงได้ทราบทางวัดได้จัดงานประจำปี และวันนี้เป็นวันสุดท้าย แหม..พวกเราทำไมโชคดีอะไรเช่นนี้ ได้พบหลายแห่งแล้ว ที่เขากำลังจะเลิกงานพอดี ถือประเพณีว่า..มาสาย..ดีกว่าไม่มา..ใช่ไหมคะ?


จากนั้น สรงน้ำหอมพร้อมปิดทองและโปรยดอกไม้กันตามอัธยาศัย สวดอิติปิโสและคาถาเงินล้านด้วย หลวงพี่ได้มอบหนังสือตามรอยพระพุทธบาท ๑ ชุด และหนังสือ "ตามรอยเล่มเล็ก" อีก ๑ เล่มแก่ท่านเจ้าอาวาส


ทางวัดได้มอบเหรียญหลวงพ่อคูณที่ด้านหลังมีรูปรอยพระพุทธบาทเอาไว้ คนละ ๑ องค์ คณะกรรมการที่มาต้อนรับมี นายถวิล แพงมาก และ นายปกาศิต รัตนพันธ์ รองนายก อบต.




.

(ศาลาครอบรอยพระพุทธบาทสมัย ปี 2538 และภาพรอยพระพุทธบาทที่เพิ่งพบใหม่ๆ คลิก..อ่านประวัติที่นี่)


๑๘. รอยพระพุทธบาท พนมดงรัก วัดผลาญตาปาด บ.คูสิแจ ต.ดงรัก อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ (เข้าทางบ้านผู้ใหญ่ หมู่ ๔)



รอยพระพุทธบาทนี้ เดิมชื่อ "พนมดงรัก" เคยมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ตอนนี้ถามชาวบ้านแถวนี้ก็ไม่มีใครรู้จัก เนื่องจากชื่อวัดเปลี่ยนไปจากเดิม ชื่อใหม่ว่า "วัดผลาญตาปาด" จึงใช้เวลาหายากขึ้น จนกระทั่งเห็นบ้านหลังหนึ่งจึงเข้าไปถาม ปรากฏว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ ๔ คราวนี้ได้เรื่องเลย...


ผู้ใหญ่บ้านนั่งอยู่บนเก้าอี้อยู่ในบ้าน พร้อมกับชี้มือไปบอกว่าให้เลี้ยวเข้าทางนี้เลย แต่กว่าจะเจอก็ถามทางมาตลอด เล่นเอาเกือบค่ำ แต่ก็ได้กราบรอยพระพุทธบาทสมใจ ซึ่งเป็นรอยเบื้องขวา ที่นี่กลับไม่ค่อยเจริญเท่าใดนัก อาจเป็นเพราะความไม่เข้าใจของผู้อยู่อาศัย หลวงพี่ได้ชี้แจงทำความเข้าใจตามสมควร จากนั้นได้สรงน้ำหอม โปรยดอกไม้ และปิดทอง พร้อมกับสวดอิติปิโสและคาถาเงินล้าน ตามสูตรของคณะตามรอยฯ แล้วร่วมทำบุญ ๓,๐๐๐ บาท จากนั้นก็เดินทางต่อไป

<< กลับสู่สารบัญ


webmaster - 29/4/14 at 10:40

วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๗ (ศรีสะเกษ - สุรินทร์ - สระแก้ว)


ช่วงที่ออกมาจากวัดผลาญตาปาด ผ่านวัดไพรพัฒนาที่มีชื่อเสียงจากพระสงฆ์องค์สำคัญ คือ หลวงปู่สรวง ตามที่มีคนตั้งสมัญญาให้ท่านว่า "หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน" จากสังขารที่ไม่เน่าเปื่อย พวกเราได้แต่อธิษฐานกราบท่านกันอยู่ในรถ เพราะตอนนี้บรรยากาศเริ่มมืดค่ำแล้ว จะต้องเดินทางไปหาที่พักกันต่อไป โดยได้สอบถามชาวบ้านแล้ว


ตอนเช้าวันนี้หลังจากที่พักผ่อนกันแล้ว ก่อนจะเดินทางสู่จุดหมายต่อไปได้แวะเข้าไปเที่ยวชายแดนด้านเขมร ทางช่องผ่านแดนทางด้านศรีสะเกษ เรียกกันว่า "ช่องสะงำ" ต้องจอดรถเอาไว้แล้วเดินเท้าเข้าไป มองเห็นนักท่องเที่ยวไทยจอดรถไว้เต็มไปหมด แล้วขนกระเป๋าขึ้นรถเพื่อไปเที่ยวเขมรกัน บอกว่าเข้าทางชายแดนนี้ จะเดินทางไป "เสียมราฐ" ระยะทางประมาณ ๑๖๐ ก.ม.เท่านั้น


๑๙. พระพุทธชยันตีไพรีพินาศศาสดาจารย์ วัดป่าไทรทอง ต.บ้านไทร อ.ปราสาท จ.สุรินทร์


หลังจากพวกเราได้เดินชมตลาดการค้าระหว่างชายแดนไทย - กัมพูชา พอสมควรแล้วก็เดินทางต่อไปทางอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ขณะที่รถวิ่งจะถึงวัดแห่งหนึ่ง หลวงพี่มองเห็นพระพุทธรูปยืนใหญ่กำลังก่อสร้างอยู่ จึงบอกให้เลี้ยวรถเข้าไปทันที



ทางวัดกำลังสร้างเป็นพระพุทธรูปยืน (ปางห้ามญาติ) ความสูงรวมฐาน ๒๔ เมตร เฉพาะองค์พระสูง ๑๘ เมตร ชื่อว่า "พระพุทธชยันตีไพรีพินาศศาสดาจารย์" นับว่าเป็นจังหวะพอดีที่ได้สร้างพระยืนองค์ใหญ่



นับว่าเป็นการบังเอิญ และหาได้ยาก ถือว่าเป็นบุญของคณะตามรอยพระพุทธบาท เพราะปกติการเดินทางไม่ค่อยได้เจอการสร้างพระยืน ส่วนใหญ่จะได้สร้างแต่พระนั่งและพระนอนตลอดมา



เมื่อเข้าไปเห็นพระสงฆ์กำลังฉันเพลกันอยู่ พวกเราเลยรวบรวมปัจจัยทำบุญ รวมกันได้ถึง ๑๕,๐๐๐ บาท ขณะนั้นมียอดพระเศียรวางอยู่ไว้บูชา คณะกรรมการได้มาต้อนรับบอกว่าได้จัดงานเทศน์มหาชาติ วันนี้เป็นวันสุดท้ายพอดี



หลวงพี่จึงได้มีโอกาสปิดทอง สรงน้ำหอม พร้อมดอกไม้เป็นพุทธบูชา ก่อนที่ทางวัดจะอัญเชิญขึ้นไปประดิษฐานบนพระเศียรของพระยืนต่อไป หลังจากนั้นทางเจ้าภาพได้นิมนต์หลวงพี่ให้ฉันเพล และเลี้ยงอาหารคณะติดตามทั้งหมดด้วย




๒๐. วัดบ้านตาลวก ต.ดังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์



การที่หลวงพี่เดินทางมาวัดนี้ เพราะเจ้าอาวาสท่านมาฉันอยู่ที่วัดป่าไทรทอง ท่านเลยนิมนต์หลวงพี่มาที่วัดของท่านด้วย ขณะนี้ท่านกำลังก่อสร้างวิหารอยู่ ซึ่งด้านบนเป็นที่ประดิษฐานพระนั่งปางมารวิชัยหน้าตัก ๑๐ เมตร เป็นการสร้างวิหารทานอีกหนึ่งแห่ง หลวงพี่พร้อมคณะจึงได้ร่วมทำบุญ เป็นจำนวนเงิน ๖,๐๐๐ บาท




วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ (สระแก้ว - อุทัยธานี)


๒๑. รอยพระพุทธบาท บ้านทุ่งหินโคน ต.สระขวัญ อ.เมือง จ.สระแก้ว



การเดินทางมาครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ ๒ โดยหลังจากมาครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๗ เพื่อมาดูการสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท ซึ่งได้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วปานเนรมิต ดำเนินการโดย "คณะตาพระยา" มีคุณสุชัย - คุณหรรษา เป็นต้น



หลังจากนั้นหลวงพี่ได้มอบหมายให้ "คณะคุณอู่วารี" ได้นำพระพุทธรูปพร้อมฐานพระมาวางในตำแหน่งที่เหมาะสม และทำบายศรีชุดใหญ่ เตรียมพร้อมรอหลวงพี่เพื่อที่จะทำพิธีบวงสรวง และพอหลวงพี่ไปถึงคณะก็พร้อมกันบวงสรวง เวลา ๙.๕๘ น.



คุณสุชัยได้รวบรวมเงินที่ทำบุญไว้ในวันนี้ ยอดรวมทั้งหมด ๒๑,๒๐๐ บาท และคณะคุณอู่วารี ได้เป็นเจ้าภาพถวายพระพุทธรูปมูลค่า ๖,๐๐๐ บาท และหลวงพี่ร่วมบุญค่าบายศรีอีก ๔,๐๐๐ บาท รวมยอดเงินในวันนี้ทั้งหมด ๓๑,๒๐๐ บาท ขออนุโมทนาด้วยค่ะ



หลังจากกลับมาจากงานฉลองกันแล้ว ปรากฏว่ามีคนไปกราบไหว้กันมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ถูกหวยรวยกันเกือบทั้งหมู่บ้าน บางรายก็ไปแก้บนด้วยการแสดงดนตรี รถราแทบจะไม่มีที่จอด แม่ค้าก็มาขายของกัน เรียกว่าคึกคักกันเป็นกรณีพิเศษ



โดยเฉพาะในวันที่ใกล้หวยออก ทางเจ้าของที่ดินจึงได้สร้างศาลาขยายหลังคาออกมาอีก สร้างห้องน้ำเพิ่มเติม และถมดินทำถนนเข้ามาให้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งมีภาพประกอบที่ คุณ surasak soisakul ส่งมาทางอีเมล์ ดังนี้



(ศาลเจ้าพ่อพรานบุญ สร้างไว้นานแล้ว)












บ่อน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ต่อท่อนำมาใช้ได้ ไม่แห้งแม้แต่หน้าแล้ง



ชาวบ้านมาขายของกันเหมือนมีงานวัดกัน



ขอเข้าไปดูหน่อยว่าได้เลขอะไรกันบ้าง..




๒๒. วัดเขาเทพนิมิตรมงคล บ.มิตรสัมพันธ์ ต.วังน้ำเย็น อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว



เนื่องจากมีผู้แจ้งมาว่าพบรอยพระพุทธบาทคล้ายๆ กับที่นี้ หลวงพี่จึงบอกให้ช่วยนำทางไป ปรากฏว่าเมื่อเข้าไปดูแล้ว รอยพระบาทไม่ชัดเจนเท่าใดนัก แต่ท่านเจ้าอาวาสบอกว่าเคยมีดวงไฟลอยลงตรงบริเวณนี้ ซึ่งทางวัดได้สร้างเป็นพระนาคปรกเอาไว้ หลวงพี่และคณะจึงได้ร่วมทำบุญทุกอย่างกับเจ้าอาวาส ทั้งหมด ๕,๐๐๐ บาท จากนั้นจึงแยกย้ายกันเดินทางกลับ




สรุปการเดินทางตั้งแต่ วันที่ ๑๐ - ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

๑. ร่วมสร้างวิหารทาน ๑ แห่ง สร้างฐานพระหน้าตัก ๙ เมตร ๑ แห่ง
๒. กราบพระบรมธาตุเจดีย์ ๑ แห่ง ไหว้ศาลหลักเมือง ๑ แห่ง
๓. ร่วมสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๔๐ เมตร, ๒๓ เมตร, ๕ เมตร และพระพุทธรูปยืนสูง ๒๔ เมตร (รวมฐาน) รวมทั้งหมด ๔ แห่ง
๔. ร่วมสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท หรือเรียกว่าสร้าง "พระคัณธกุฏี" ของพระพุทธเจ้า รวม ๔ แห่ง
๕. กราบรอยพระพุทธบาท ๙ แห่ง (ใน ๙ แห่งนี้เป็นพบใหม่ ๔ แห่ง และที่มีรอยไม่ชัดเจนอีก ๑ แห่ง)
๖. รวมเงินทำบุญทั้งหมด เป็นจำนวนเงิน ๑๑๕,๕๐๐ บาท

จึงขอเชิญร่วมอนุโมทนาด้วยกัน...สวัสดีค่ะ


<< ย้อน ตอนที่ 1 กรุณา.. คลิกที่นี่


<< กลับสู่สารบัญ


webmaster - 2/5/14 at 07:05

.