ตามรอยพระพุทธบาท

เล่าเรื่องการเดินทางไปกาญจนบุรี และ ภูหินร่องกล้า (ครั้งที่ 2) 13-28 ตุลาคม 2557
webmaster - 18/4/15 at 18:00

ทริป ๑ เล่าเรื่องการเดินทางไปสุพรรณบุรี - กาญจนบุรี

ระหว่างวันที่ ๑๓ - ๑๔ ตุลาคม 2557


.......เรื่องที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังนี้ นับเป็นเวลาที่ผ่านมานานกว่าจะได้นำมาเล่า ต้องเฝ้ากระทุ้งกำลังใจที่จะต้องมานั่งเอยู่หน้าจอคอมฯ ที่แสนจะเบื่อ แต่ก็นั่นแหละ..งานตามรอยพระพุทธบาทเป็นเรื่องบุญใหญ่ ที่ควรจะให้ผู้อ่านได้รับทราบและอนุโมทนากัน ถึงแม้จะต้องย้อนหลังกันไปหลายปีก็ตามที ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้อยู่เบื้องหลังจะได้ทราบถึงกิจกรรมของพระอาจารย์ชัยวัฒน์ ว่าท่านได้ออกไปปฏิบัติศาสนกิจที่ไหนและอย่างไรบ้าง

ตอนนี้ก็ขอเริ่มเข้าเรื่องกันเลยว่า ทริปการเดินทางครั้งนี้ หลังจากออกพรรษาแล้ว หลวงพี่ท่านได้นัดหมายกับ พระอาจารย์อารี วัดป่าเทพนิมิต อ.นาแก จ.นครพนม เพื่อวางแผนช่วยกันบูรณะที่ รอยพระพุทธบาทหินดาด อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี โดยการเดินทางไปที่สุพรรณบุรีก่อนแล้ว จากนั้นก็กลับวัดในวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗

วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๗ (วัดท่าซุง - สุพรรณบุรี - กาญจนบุรี)

๑.วัดป่าเลไลยก์วรมหาวิหาร ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี

........พวกเราได้เดินทางออกจากวัดท่าซุงไปทางสุพรรณบุรี เวลาประมาณเวลา ๙ โมง คณะตามรอยพระพุทธบาทแวะที่วัดป่าเลไลยก์ฯ เพื่อจะร่วมสร้างพระพุทธรูปใหญ่แกะสลักบนหน้าผา "เขาทำทียม" อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี (เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์ฯ เป็นผู้สร้าง) จากนั้นเข้ากราบนมัสการ "หลวงพ่อโต" ภายในวิหารแห่งนี้ แล้วร่วมกันทำบุญเป็นจำนวนเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท





๒. สถานที่แกะสลัก พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ (หลวงพ่ออู่ทอง) บนหน้าผาเขาทำเทียม พุทธสถานเมืองอู่ทอง อำเภออู่ทอง จ.สุพรรณบุรี

หลังจากนั้นก็มาแวะสถานที่จริง นับเป็นการมาครั้งแรก พร้อมได้นัดหมายไว้กับ พระอาจารย์อารี และหมอขาว (หมอขาวเคยเป็นพยาบาลมาก่อน แต่ได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี ๒๕๕๘) ให้มาพบกันที่นี่ด้วย ท่านก็ดีใจที่ได้เห็นการแกะสลักพระใหญ่ ตอนแรกคิดว่าท่านคงไม่เคยเดินทางมาแถวนี้ โดยเฉพาะแถวเลาขวัญ แต่ปรากฏมาทราบทีหลังว่า ท่านเคยมาพักจำพรรษาที่ วัดหนองกระทุ่ม อ.เลาขวัญ เมื่อหลายปีก่อน





ภาพเมื่อปี ๒๕๕๗ เตรียมปรับแต่งพื้นผิวหน้าผาให้ราบเรียบ แต่ยังไม่ได้แกะสลักองค์พระ





นี่เป็นภาพถ่ายในปี ๒๕๕๙ พระใหญ่ได้แกะสลักใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ต่อมาพวกเราก็ได้ย้อนไปทำบุญกันอีกหลายครั้ง คาดว่าปี ๒๕๖๐ คงจะแล้วเสร็จ


๓. พระพุทธบาทหินดาด บ.พุบอน อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี

หลวงพี่พร้อมคณะเดินทางถึง รอยพระพุทธบาทหินดาด ประมาณบ่ายโมงเศษ โดยได้นัดกับพระอาจารย์อารีย์ และคุณวัฒน์ (คณะดอกบัวเมืองแก้ว) มาที่เลาขวัญ เพื่อปรึกษาเรื่องการจัดงานสร้าง สมเด็จองค์ปฐม (ทันใจ) พร้อมทั้งวิหารอีกด้วย และนัดคุยกับอาจารย์วัฒน์เรื่องการจัดเลี้ยงอาหาร โดยกำหนดงานในวันที่ ๖-๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ จากนั้นได้กราบไหว้รอยพระพุทธบาทหินดาด เพื่ออธิษฐานขอให้งานสำเร็จทุกประการ







วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ (กาญจนบุรี - วัดท่าซุง)

๔. วัดเขาวัง ต.เลาขวัญ อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี

ตอนเช้าได้ทานอาหารเช้าในตลาดสดเลาขวัญแล้ว เวลาประมาณ ๘ โมงเช้า หลวงพี่ได้แวะขึ้นไปกราบพระใหญ่ ที่วัดเขาวัง หน้าตักประมาณ ๑๐ เมตร แต่ไม่พบเจ้าอาวาส พวกเรามีเศษอาหารเหลือจึงเลี้ยงสุนัขเป็นการเอาบุญ สัตว์พวกนี้ผ่านอบายภูมิมาแล้ว หลวงพี่เล่าถึงหลวงพ่อว่า ท่านสั่งให้พระเลี้ยงสุนัขภายในวัด เพราะจิตมันจะจับอยู่ที่พระ ตายแล้วก็ไปสวรรค์ จิตพระก็จับอยู่ที่เมตตา ตายแล้วก็ไม่ไปอบายภูมิเช่นกัน




๕.วัดหนองม่วง ต.หนองโสน อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี

หลวงพี่พาพวกเรามาที่นี่เวลาประมาณ ๑๐ โมง เพื่อพบเจ้าอาวาสวัดหนองม่วง เพื่อนิมนต์ท่านมาร่วมงานหล่อ "สมเด็จองค์ปฐมทันใจ" อีกทั้งจำเป็นต้องขอยืมโต๊ะอาหาร โซฟาไม้ และเครื่องครัวอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะวัดนี้หลวงพี่เคยถวายรูปเหมือน "หลวงปู่ปาน และหลวงพ่อ" มาแล้ว รถปิ๊กอัพที่ไปบรรทุกพระ ปรากฏว่าเจ๊มายินถูกหวยเลขทะเบียนรถคันนี้ด้วย จากนั้นก็เดินทางกลับวัด เพื่อเตรียมตัวขึ้นสู่พิษณุโลกต่อไป



ทริป ๒ เล่าเรื่องการเดินทางไปภูหินร่องกล้า (ครั้งที่ ๒)

ระหว่างวันที่ ๒๓ - ๒๘ ตุลาคม 2557



วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๗ (วัดท่าซุง - พิษณุโลก)

.......ครั้นถึงเวลาพวกเราพร้อมด้วยเครื่องสักการบูชา เดินทางออกจากวัดประมาณตีห้า โดยนัดหมายกับ คุณตู่ - คุณรุ่ง (บ้านอยู่แถว อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก) ระหว่างเส้นทางวังทอง - นครไทย ได้มาพบกันแถวร้านอาหารริมน้ำตกแก่งโสภา คุณตู่ - คุณรุ่ง และคณะ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเพลและเลี้ยงพวกเราทุกคน จากนั้นเดินทางไปทางบ้านทรัพย์ไพรวัลย์

๖. พระพุทธบาทเขาน้อย สำนักสงฆ์เจริญธรรม บ.เขาน้อย ต.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก

พอถึงบ้านทรัพย์ไพรวัลย์ต้องเลี้ยวซ้ายเข้าไปในตลาด แล้วทะลุออกไปผ่านทุ่งนาป่าเขา ซึ่งเป็นทางลูกรังตามธรรมชาติ แต่พอขึ้นเนินเขาใกล้วัด ทางวัดได้ลาดยางให้เป็นอย่างดี สมัยก่อนหลวงพี่เคยนำคณะมาเป็นจำนวนหลายร้อยคน แต่ตอนนั้นยังเป็นศาลาครอบรอยพระพุทธบาทเก่าๆ แต่ปัจจุบันนี้ได้สร้างเป็นมณฑปไปแล้ว

ตอนมาครั้งแรกๆ จะเห็นก้อนหินรอยพระพุทธบาท ๒ ก้อนซ้อนกัน คือหินก้อนล่างเป็นฐาน และหินที่มีรอยพระพุทธบาทวางเทินอยู่บนก้อนหินนี้อีกทีหนึ่ง แต่เวลานี้เปลี่ยนเจ้าอาวาสไปแล้ว ท่านได้เทพื้นคอนกรีตสูงขึ้นทับก้อนหินเป็นฐานไปหมด เหลือเท่าที่มองเห็นแค่หินรอยพระพุทธบาทวางอยู่เสมอพื้นเท่านั้น หลวงพี่ก็เสียดายสภาพเดิมๆ แต่ท่านก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่เพียงร่วมทำบุญกับเจ้าอาวาส ประมาณ ๕,๐๐๐ บาทและถวายหนังสือตามรอย เล่ม ๑ สถานที่แห่งนี้สำคัญมาก ปีต่อมา ๒๕๕๙ หลวงพี่ก็ได้กลับมาสำรวจรอยพระพุทธบาทที่อยู่ในบริเวณนี้อีกหลายรอย


พวกเราเข้ามาถีงประมาณเที่ยงครึ่ง ได้พูดคุยกับชาวบ้านที่มาทำบุญที่นี่


พอถึงเวลาประมาณบ่ายโมงเศษ จึงเดินเข้าไปและขึ้นบันไดนาค ถึงมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท ช่วยกันทำความสะอาดทันที จากนั้นกราบไหว้บูชาและสรงน้ำหอม ปิดทอง บูชาด้วยดอกบัวแก้ว ดอกดาวเรือง บริเวณนี้มีรอย ๒ รอย จึงบูชาพร้อมทั้งสวดคาถาเงินล้านเพิ่มลาภลงไปในกระเป๋าสตางค์ จากนั้นถวายหนังสือ เครื่องไทยทานและปัจจัยกับเจ้าอาวาส









เมื่อเสร็จพิธีแล้วจึงเดินออกมาถ่ายรูปพร้อมกัน



๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ (อุทยานภูหินร่องกล้า)

หลังจากหลวงพี่ฉันเช้าแล้วก็รีบเดินทางทันที โดยนัดพบไว้กับ คุณเสือ (เจ้าหน้าที่นำทาง) ณ อุทยานภูหินร่องกล้า แต่ระหว่างทางได้แวะทำบุญพร้อมเครื่องไทยทาน (ช่วงนี้เป็นช่วงทอดกฐิน) แต่จำชื่อวัดไม่ได้ ทำบุญ ๒,๐๐๐ บาท



๗. สำนักสงฆ์สามแสงธรรม ธรรมอุทยานสามแสงธรรม (ทางขึ้นภูหินร่องกล้า) บ.น้ำขมึน อ.นครไทย จ.พิษณุโลก



เดินทางผ่านมาถีงสถานที่นี้ พบว่ากำลังมีการก่อสร้างพระเจดีย์ (แบบต่อจากชิ้นส่วน ๓ ชิ้น) คือมีส่วนยอดสุดปิดทอง (ส่วนที่ ๑ เป็นรูปหน่อไม้ คือมีความหมายของความเจริญรุ่งเรือง เช่นเดียวกับต้นไผ่ที่ปลิหน่อออกมา) และที่อยู่ส่วนกลางเป็นชั้นๆ (ส่วนที่ ๒) สำหรับฐานพระเจดีย์นั้น (ส่วนที่ ๓) สร้างไว้รองรับแล้ว



พวกเราโชคดีที่ได้มีโอกาสทำบุญถวายเครื่องไทยทานกับเจ้าอาวาสและพระที่มาร่วมงาน และทำบุญกับผู้จัดสร้างพระเจดีย์ที่เป็นฆราวาส (ส่วนใหญ่มาจากรุงเทพฯ เป็นอดีตนักศึกษา ตุลา ๑๙ ทราบว่าเป็นคณะเดียวกับที่สร้างพระเจดีย์บนยอดเขา วัดท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงราย)


พวกเราได้นำบายศรีไปบูชาส่วนยอดพระเจดีย์ พร้อมทั้งห่มผ้า สรงน้ำ ปิดทองพระเจดีย์ และร่วมพิธีบวงสรวงกับเขาด้วย พอดีเจอ "พี่เสือ" ที่มาออกร้านเกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่า พี่เสือบอกว่าไม่สามารถจะร่วมเดินทางไปด้วย แต่ก็ให้เบอร์โทรศัพท์คนนำทางที่อยู่ในหมู่บ้านร่มเกล้า ก่อนจะออกเดินทางต่อไป จึงได้ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์กับคณะเจ้าภาพ เป็นจำนวนเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท






ยอดพระเจดีย์ทองสวยงามอร่ามตา พวกเราได้บูชาอย่างใกล้ชิด
ก่อนที่รถแม็กโครจะยกขึ้นไปประกอบข้างบน ตามกำหนดการในช่วงบ่ายของวันนี้


แต่พวกเราก็ไม่สามารถจะรอถึงเวลานั้นได้ จำเป็นต้องร่ำลาผู้ร่วมพิธีทั้งหลาย เพื่อเดินทางต่อไปในอุทยานภูหินร่องกล้า แต่ทว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง หลังจากกลับมาจากสำรวจรอยพระพุทธบาทแล้ว เวลาประมาณ ๑๖.๔๐ น. คณะตามรอยฯ ลงมาจากอุทยานภูหินร่องกล้าแล้วย้อนกลับมาทางเดิม ยังได้ทันพิธียกส่วนยอดสุดขององค์พระเจดีย์ทองคำได้ทันท่วงที



เพราะทางคณะเจ้าภาพบอกว่า ไม่สามารถทำพิธีตามกำหนดการเดิมได้ จึงต้องเลื่อนเวลาออกมาตอนเย็น (เสมือนกับต้องรอคอยคณะของเราเข้าร่วมพิธีด้วยฉะนั้น) โดยได้มีส่วนร่วมอย่างไม่ตั้งใจและไม่รู้จักกันมาก่อน นับว่าเป็นบุญกระทันหันที่ไม่ได้เตรียมการไว้ก่อนนั่นเอง


ในขณะที่ร่วมพิธี หลวงพี่ตีฆ้องหลังจากพระเจดีย์ส่วนยอดสุดขึ้นไปติดตั้งเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับถ่ายรูปร่วมกับพระและผู้ที่มาร่วมงาน เมื่อเสร็จพิธีอันยิ่งใหญ่แบบไม่ทันตั้งตัวแล้ว จากนั้นได้เดินทางไปแวะเยี่ยมคุณเรณูที่อยู่เขาค้อ ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อมานานแล้ว



จากการที่หลวงพี่ได้ไปเห็นการสร้างพระเจดีย์แบบ ๓ ชิ้นส่วนนี้เอง แล้วใช้รถแม็กโครยกขึ้นไปประกอบกัน ทำให้หลวงพี่ได้ไอเดียนี้ไปทำพระเจดีย์ที่รอยพระพุทธบาทหินดาดนั่นเอง ที่เรียกกันว่า "พระมหาธาตุเจดีย์สมเด็จองค์ปฐมทันใจ" ได้สำเร็จสมปรารถนาทุกประการ




๘. รอยพระพุทธบาทใบโพธิ์ ณ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า (เข้าทางบ้านร่มเกล้า) อ.นครไทย จ.พิษณุโลก



สำหรับรอยพระพุทธบาทแห่งนี้อยู่ในป่าลึก ต้องเดินเท้าเข้าไปเท่านั้น แต่ก็มีทางเข้าอีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งมีคุณศราวุธ ราชบุรี พร้อมคณะ เป็นผู้ส่งข่าวให้หลวงพี่ทราบก่อน แต่รอยที่อยู่ใกล้ที่ทำการอุทยานภูหินร่องกล้านั้น หลวงพี่เป็นผู้บอกคุณศราวุธให้ทราบ เมื่อคุณศราวุธเดินทางมากราบไหว้ จึงได้ทราบจากพี่เสือว่า (พี่เสือเป็นเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ มีหน้าที่นำนักท่องเที่ยวเดินป่า) ภายในป่าอีกแห่งหนึ่งก็ยังมีรอยพระพุทธบาท ซึ่งภายในฝ่าพระบาทจะเห็นเป็นรูปใบโพธิ์ปรากฏอยู่


หลังจากที่หลวงพี่ได้เห็นรูปรอยพระพุทธบาทนี้แล้ว แม้กระทั่งคุณแพรวและคุณฤทธิชัย ต่างก็เคยไปกันมาแล้วเล่าว่า รอยพระพุทธบาทสวยอย่างนั้นสวยอย่างนี้ ทำให้หลวงพี่ก็อยากจะเข้าไปกราบไหว้ด้วย ความจริงระยะหลังสังขารท่านก็ไม่ค่อยไหว ขณะนั้นท่านอายุ ๖๐ กว่าแล้ว ติดตามรอยพระพุทธบาทมาตั้งแต่อายุ ๔๐ กว่า แต่หลวงพี่ก็ต้องฝืนทนรอเวลาอยู่นาน ๒ ปี กว่าที่จะได้มีโอกาสเดินทางกันมาในครั้งนี้


หลังจากออกมาจากงานยกยอดพระเจดีย์แล้ว พวกเราก็เดินทางผ่านอุทยานภูหินร่องกล้า เพื่อไปพบคนนำทางตามที่พี่เสือแนะนำที่หมู่บ้านร่มเกล้า พร้อมกับเตรียมบายศรีและเครื่องบูชา ก่อนเข้ารอยพระพุทธบาทฝนตกมาตลอดทางเลยค่ะ


ครั้นเดินทางมาถึงบ้านร่มเกล้าต้องแวะชื้อเสื้อกันฝนก่อน พร้อมกับขอฝากรถไว้ในหมู่บ้าน ทั้งนี้เพื่อที่จะลุยเข้าไปให้ถึงจนได้ เมื่อเจอผู้นำทางที่พี่เสือแนะนำให้แล้ว คณะตามรอยทั้งหมดจึงเปลี่ยนรถที่ผู้นำทางจัดหามาให้ และเตรียมเสบียงสำหรับหลวงพี่ฉันเพลเท่านั้น



เมื่อฝนเริ่มซาลง ทุกคนก็ไม่รอช้าเตรียมตัวขึ้นรถกระบะโฟร์วิลทั้งสองคัน และรีบออกเดินทางจากหมู่บ้านทันที และเมื่อรถวิ่งฝ่าสายฝนมาได้ประมาณ ๕ กิโลเมตร ก็มาถึงทางแยกที่จะเข้าไปกราบรอยพระพุทธบาท ทุกคนลงจากรถแล้วนำสัมภาระติดตัว (แต่ก็ยังลืมผ้าทองจนได้) มัคคุเทศก์อธิบายเส้นทางเดินเข้าไปในป่าประมาณ ๒ กิโลเมตร ต้องเดินข้ามเขาประมาณ ๓ ลูก ใช้เวลาประมาณ ๓๐ ถึง ๔๕ นาที (เชิญชมคลิปวีดีโอด้านล่าง)



เมื่อเดินมาถึงจุดหมายก็เตรียมบายศรีและเครื่องบูชาทันที พร้อมจัดเตรียมสถานที่ ซึ่งเป็นสภาพป่าชื้นเฉอะแฉะไปหมด ช่วงนี้สภาพท้องฟ้าอากาศยังมืดคลื้ม สายฝนหยุดลงไปในตอนนี้ ซึ่งได้เวลาหลวงพี่ฉันเพลพอดี แต่แถวนี้ก็ไม่มีที่พอจะให้หลวงพี่นั่งฉันเพล ต้องลงไปที่ทางน้ำไหลผ่าน แต่ตอนนี้ยังไม่มีน้ำ ซึ่งมีตะใคร่เกาะเต็มไปหมด เนื่องจากมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุม อากาศชื้นตลอดเวลา แสงแดดก็ส่องลงมาไม่ถึง จึงมีที่ว่างนิดหน่อยพอที่จะเตรียมพื้นที่ให้หลวงพี่นั่งฉันได้



หลังจากหลวงพี่ฉันเสร็จแล้ว คุณตู่ไปตัดไม้เพื่อให้หลวงพี่นำมาวัดเสี่ยงอธิษฐานจิต จากนั้นหลวงพี่ก็เดินตามหารอยพระพุทธบาทใบโพธิ์ (รอยที่ ๓) ตามที่คุณศราวุธเคยส่งภาพมาให้ดู ในขณะนั้นเกิดปรากฏการณ์เป็นที่อัศจรรย์ ท้องฟ้าสว่างชั่วขณะหนึ่ง ก้อนเมฆได้เปิดออกให้แสงพระอาทิตย์ส่องลงมาใกล้ๆ ที่หลวงพี่นั่งฉันอยู่ หลวงพี่จึงได้เดินตรงไปที่ลำแสงส่องลงมาที่พื้นหิน แล้วท่านก็เอามือเขี่ยดินที่ทับถมอยู่ พร้อมกับสั่งให้พวกเราเอาน้ำมาล้างดินออก ปรากฏว่าเห็นเป็นรอยพระพุทธบาทจริงๆ ทุกคนต่างก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง ลืมความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าและความหนาวเย็นไปสิ้น หลังจากลำแสงส่องลงมาเพียงชั่วครู่เดียว ท้องฟ้าก็มืดคลึ้มอีกเหมือนเดิมต่อไป



ณ สถานที่แห่งนี้มีรอยพระพุทธบาทที่มีรูปใบโพธิ์อยู่ในรอยพระพุทธบาท ใบโพธิ์นั้นชัดมาก (เห็นเส้นใบอย่างละเอียด เหมือนกับตอนเด็กที่เราตากแห้งไว้ในหนังสือนั่นแหละ) และมีใบโพธิ์ทั้งสามรอย เป็นที่อัศจรรย์ นับตั้งแต่ตามรอยพระพุทธบาทมาก็ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนเลย มีความรู้สึกว่าเหมือนท่านให้รางวัลกับคณะตามรอยพระพุทธบาท พวกเรามีความรู้สึกปลื้มใจมาก พุทโธ อัปปมาโณ คุณของพระพุทธเจ้าหาประมาณไม่ได้จริงๆ



สำหรับรอยที่อยู่ในน้ำนั้น จำเป็นต้องหาวิธีให้เห็นแต่รอยพระบาท จึงต้องกั้นน้ำเอาไว้ หลวงพี่ได้อธิษฐานจิตวัดไม้วาที่นี่ด้วย และผลเป็นที่น่าอัศจรรย์คือขอให้ยาวก็ยาวไปถึงข้อนิ้ว และเมื่อขอให้สั้นก็สั้นถึงข้อนิ้วเช่นกัน จากนั้นก็เริ่มพิธีบวงสรวงสักการบูชา ด้วยการปิดทองรอบๆ รอยพระบาท ดอกไม้โปรย น้ำปรุง น้ำหอม ดอกบัวแก้ว หลังจากเสร็จพิธีแล้วต่างทยอยเดินทางกลับ ส่วนชาวบ้านที่นำทางสารภาพว่าตนเองก็ยังไม่รู้เลยว่าภายในรอยพระพุทธบาทมีรูปใบโพธิ์ ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่ด้วย

(ประมวลภาพ รอยที่ ๑ ที่อยู่ในลำธาร)









(ประมวลภาพ รอยที่ ๒ ที่อยู่อยู่ใกล้กับ รอยที่ ๓)





.......เป็นอันว่า "คณะตามรอยพระพุทธบาท" ก็สมความปรารถนากันทุกคน แม้ว่าบางคนต้องติดภารกิจไม่สามารถร่วมเดินทางได้ แต่เมื่อได้เห็นการประมวลภาพนี้แล้ว ทุกคนก็คงจะประทับใจเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นหลวงพี่ก็พาพวกเราไปทานอาหารกลางวันกัน แล้วเดินทางสู่ "เขาค้อ" เพื่อหาสถานที่พักกันต่อไป

คลิปวีดีโอ (แบบเต็ม)



คลิปวีดีโอ (แบบย่อ)


webmaster - 19/4/15 at 00:15

วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เพชรบูรณ์ - ลพบุรี)

......หลังจากเดินทางเข้าไปในป่าภูหินร่องกล้ากันแล้ว นับว่าได้รับผลสำเร็จและปลอดภัยทุกคน พวกเราได้อำลาประธานหมู่บ้านผู้นำทางแล้ว ตอนนี้ทุกคนต่างก็เหนื่อยล้าพอสมควร จึงเดินทางไปหาที่พักแถวเขาค้อ ซึ่งมีบ้านพัก "ภูสวยรีสอร์ท" อยู่บนเขาค้อให้การรับรองทุกคน เนื่องจากเจ้าของบ้านพักเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงด้วย


ตอนเช้าหลวงพี่ได้รับนิมนต์ไปฉันเช้าที่บ้านคุณเรณู ในตลาดเขาค้อ มีญาติโยมมาร่วมทำบุญและ
ถวายไทยทานกับหลวงพี่หลายคน จากนั้นก็ขอบคุณและอนุโมทนาเจ้าของบ้านเดินทางกลับตามเส้นทางเพชรบูรณ์ - ลพบุรี

๙.วัดคลองนารายณ์ ต.ชัยนารายณ์ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี


.....พวกเราแวะร่วมหล่อพระและสร้างพระเจดีย์กับเจ้าอาวาสวัดนี้ เป็นทางผ่านพอดีนับเป็นบุญใหญ่ และเจอใบโพธิ์ที่แห้งที่นี่ด้วย..แปลกดีค่ะ จากนั้นถวายปัจจัย ๕,๐๐๐ บาท พร้อมเครื่องไทยทาน



วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ (ลพบุรี - สระบุรี)

๑๐. วัดถ้ำรัตนบุปผา ต.มวกเหล็ก อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี

ตามภารกิจที่หลวงพี่เดินทางไปแต่ละครั้ง ท่านจะผนวกภารกิจหลายแห่งมารวมกัน โดยเฉพาะทริปนี้ก็เช่นกัน ท่านมีกิจนิมนต์ที่จะต้องเดินทางมาวัดนี้ เพื่อร่วมงานทอดกฐินประจำปี โดยมี หลวงพ่อสุรพงษ์ เจ้าอาวาส และ คุณสุชัย (ท้ง) ชินบุตรานนท์ เป็นผู้นิมนต์ งานทอดกฐินปีนี้หลวงพี่เป็นผู้กำหนดวันงานให้ เพื่อจัดงานพิธีหล่อพระเกศ (พระพุทธไสยาสน์) และทอดกฐินสามัคคีไปด้วย ซึ่งทางช่อง ๓ เป็นเจ้าภาพ โดยมี คุณประสาร มาลีนนท์ และภรรยา เป็นประธานนำคณะมาเต็มรถบัส (พร้อมทั้งเป็นเจ้าภาพทำถนนลาดยางเข้ามาถึงวัดด้วย)


หลวงพี่ได้นำทองคำที่ญาติโยมถวายมาร่วมหล่อ และร่วมทำบุญทอดกฐินประมาณ ๕,๐๐๐ บาท เวลา ๘.๐๐ น. หลวงพี่นั่งรับแขก และรับทองและปัจจัยสำหรับญาติโยมที่จะทำบุญหล่อพระ งานนี้มีพระอาจารย์หนุน หลวงพี่ประทักษ์ (ตุ๋ย) และ หลวงพี่วิรัช มาร่วมงานด้วย


เวลา ๘.๓๐ น. หลวงพี่และคณะสงฆ์นำทองคำไปใส่ที่เบ้าหลอม และกลับมานั่งที่ปะรำพิธี





เวลา ๙.๐๐ น. คณะช่อง ๓ ซึ่งเป็นเจ้าภาพกฐินเดินทางถึงบริเวณวัด มีขบวนแห่พานพุ่มกฐินขึ้นบนศาลา



เวลา ๙.๓๙ น.ได้ฤกษ์บวงสรวง หลวงพี่, หลวงพ่อสุรพงษ์, หลวงพี่วิรัช, และพระอาจารย์หนุน ประจำโต๊ะบวงสรวง เปิดเทปหลวงพ่อบวงสรวงเสร็จแล้ว ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ที่ปะรำพิธีและผู้ที่มาร่วมงานด้วย






เวลา ๑๐.๒๐ น. เริ่มทำพิธีเททอง (เทในส่วนที่เป็นพระบาท)




เวลา ๑๒.๐๐ น. เริ่มพิธีทอดกฐินที่ศาลา โดยมีคณะเจ้าหน้าที่ ช่อง ๓ เป็นเจ้าภาพ



เวลา ๑๔.๐๐ น. ท่านเจ้าคุณพระภาวนากิจวิมล เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ท่านเดินทางกลับมาจากศูนย์ปฏิบัติธรรมวัดท่าซุง จังหวัดนครราชสีมา เริ่มทำพิธีบวงสรวง และเป็นประธานหล่อพระเกศของพระพุทธรูปปางไสยาสน์ เมื่อเสร็จพิธีแล้วก็เดินทางกลับทันที หลวงพี่วิรัช และ หลวงพี่ชัยวัฒน์ ก็ลาเจ้าอาวาสวัดถ้ำรัตนบุปผากลับเช่นกัน












วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ (สระบุรี - กาญจนบุรี)

๑๑. วัดพระปรางค์มุนี ต.ม่วงหมู่ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี

ในระหว่างเดินทางที่จะไป อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ขณะที่รถวิ่งผ่านวัดพระปรางค์มุนี พวกเราโชคดีอีกแล้ว มองเห็นนั่งร้านกำลังสร้างพระนอนใหญ่ที่วัดแห่งนี้ จึงเลี้ยวรถเข้าไปร่วมทำบุญทันที ๕,๐๐๐ บาท




วันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ (กาญจนบุรี - วัดท่าซุง)

๑๒. รอยพระพุทธบาทหินดาด บ้านพุบอน อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี


หลวงพี่ย้อนกลับมาดูการก่อสร้างวิหารสมเด็จองค์ปฐมทันใจ ปรากฏว่า "นายช่างสัมพันธ์" ซึ่งเป็นน้องชายของพระอาจารย์อารี พร้อมกับคนงานอีก ๓ - ๔ คน และพระภิกษุอีก ๔ รูป ช่วยกันยกพื้นขึ้นโครงเหล็กหลังคาแล้ว นับจากวันที่ ๑๓ ต.ค. ถึงวันนี้ การก่อสร้างเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก ทั้งที่บริเวณนี้เป็นลานหินที่มีดินทับถมอยู่ไม่มาก ช่างไม่สามารถจะขุดดินลงไปตั้งเสาตอม่อได้ จึงจำเป็นต้องนำวงบ่อซีเมนต์มาเทปูนหล่อตั้งเป็นเสาวิหารแทน


.......นับเป็นเรื่องแปลกมากที่ "ช่างสัมพันธ์" ได้เล่าให้ฟังว่า ก่อนจะมาที่นี่ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่ได้นอนฝันเห็นบริเวณนี้ทุกคืน เห็นภาพถนนและวิหารมีรั้วกั้นด้วย หลวงพี่จึงบอกว่าถ้างั้นอาตมาไม่ต้องออกแบบ ขอให้ช่างทำตามภาพที่ฝันเห็นก็แล้วกัน เป็นอันว่า สรุปการเดินทาง ๒ ทริป ตั้งแต่วันที่ ๑๓ - ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ รวมเงินทำบุญ จำนวนเงิน ๔๗,๐๐๐ บาท ขอผู้อ่านทุกท่านร่วมอนุโมทนาด้วยกัน..สวัสดีค่ะ


webmaster - 5/11/16 at 08:30

.