ตามรอยพระพุทธบาท

เดินทางไป "ลพบุรี-นครสวรรค์-เพชรบูรณ์" วันที่ 21-22 ตุลาคม 2552
praew - 5/1/10 at 16:03

วันที่ 21 ตุลาคม 2552

1. รอยพระพุทธบาท ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมศิษย์พระราชพรหมยาน (สาขาโคกสมบูรณ์)
ต.ท่าดินดำ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี (ลำดับที่ 598)




เนื่องจากมีกำหนดการจะไปงานทอดกฐิน ณ สำนักสงฆ์ธรรมยาน (หลวงพี่ปลัดวิรัช) อ.หนองไผ่
จ.เพชรบูรณ์ จึงได้เดินทางออกจากวัดพร้อมทั้งวางแผนที่จะสำรวจรอยพระพุทธบาทไปด้วย
โดยได้รับข้อมูลก่อนนี้ว่า มีรอยพระพุทธบาทอยู่ในวัดเขาตำบล แถว อ.ลำนารายณ์ จ.ลพบุรี พวกเรา
จึงได้เดินทางไปพร้อมกับหลวงพี่ชัยวัฒน์ โดยรถได้วิ่งเข้าไปในวัด แล้วเลี้ยวผ่านพระอุโบสถแห่งนี้


หลังจากได้เดินขึ้นบันไดสำรวจไปตามไหล่เขา แล้วก็ไม่พบรอยพระพุทธบาทแต่ประการใด
อีกทั้งในตอนเช้าไม่เห็นพระภิกษุอยู่ในวัดแห่งนี้เลย จึงกลับออกมาแล้วเดินทางต่อไป



พอดีพี่สำราญได้ติดต่อประสานงานกับ "คณะพี่น้อย" ซึ่งได้ไปสร้างสำนักปฏิบัติธรรมอยู่ที่ ต.ท่าดินดำ
อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี โดยตั้งชื่อว่า "ศูนย์ปฏิบัติธรรมศิษย์พระราชพรหมยาน (สาขาโคกสมบูรณ์)"


หลังจากได้รับคำบอกเล่าจากเจ้าบ้านว่า ได้เริ่มก่อตั้งเป็นสถานที่แห่งนี้ เพื่อเป็นสำนักปฏิบัติธรรมสาย
วัดท่าซุง พร้อมทั้งได้ไปช่วยเลี้ยงน้ำที่ "สำนักปฏิบัติธรรมโคราช" และเวลาที่วัดท่าซุงมีงานอยู่เสมอ


ต่อจากนั้นได้นำเข้าไปด้านหลังสำนัก โดยเดินผ่านแปลงผักสวนครัวและห้องน้ำที่กำลังสร้างอยู่
จะมองเห็นสระน้ำกว้างใหญ่แต่ไกล มีโขดหินอยู่ในสระมากมาย และมีก้อนหินก้อนหนึ่งที่น่าสนใจ


ซึ่งเป็นก้อนหินที่มีลักษณะเป็นหลุมคล้ายรอยเท้า ซึ่งเจ้าของสำนักเล่าว่า เดิมรถแบ็กโครไม่สามารถ
ที่จะนำหินก้อนนี้ขึ้นมาได้ จึงได้เข้าไปตรวจดูแล้วล้างก้อนหินให้สะอาด จึงพบรอยเท้าดังกล่าวนี้


ถึงแม้รอยจะไม่ชัดเจนนัก แต่หลวงพี่ได้อธิษฐานวัดไม้ว่า ปรากฏว่าน่าจะเชื่อว่าเป็นรอยพระพุทธบาทด้านซ้าย


เพราะตามที่ได้ฟังข้อมูลจากเจ้าของบ้านแล้ว มีข้อมูลคล้ายกับรอยพระพุทธบาทที่ผ่านๆ มาแล้ว


หลวงพี่จึงได้มอบผ้าสีทองผูกกับไม้ไผ่ เพื่อปักไว้ถวายเป็นพุทธบูชา ต่อจากนั้นจึงได้ทำพิธีบวงสรวงกัน


แม้ว่ารอยจะลางเลือน เพราะจางหายไปกับธรรมชาติบ้าง แต่พวกเราก็กราบไหว้คุณของพระพุทธเจ้า
แล้วบอกเจ้าของสำนักฯ ว่าสถานที่นี้ได้นับลำดับรอยพระพุทธบาทเป็นลำดับที่ 598 ของชมพูทวีป


พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้กับคณะเจ้าของสำนักฯ ที่กำลังก่อสร้างเพื่อเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมอีกแห่งหนึ่งในเขตนี้
โดยหลวงพี่ชัยวัฒน์ได้มอบเงินส่วนตัวของท่าน เพื่อร่วมงานก่อสร้างทุกอย่างในสำนักแห่งนี้เป็นเงิน 1.500 บาท


หลังจากเดินสำรวจรอบบริเวณนี้ และเจ้าของสำนักฯ ได้จัดถวายอาหารเพลพร้อมทั้งถวาย
งานนวดหลวงพี่ชัยวัฒน์แล้ว จึงได้ลาทุกคนที่ต้อนรับด้วยน้ำใจไมตรี แล้วออกเดินทางต่อไป




2. วัดอัมพวันวนาราม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี
- ร่วมทำบุญสร้างพระใหญ่ หน้าตักกว้าง 19 เมตร สูง 32 เมตร จำนวนเงิน 2,500 บาท



ในขณะที่รถวิ่งไปตามถนน เพื่อจะไปสำรวจรอยพระพุทธบาทอีกแห่งหนึ่ง ตามที่ได้มีข้อมูลไว้แล้ว
หลวงพี่ได้มองเห็นโครงสร้างองค์พระใหญ่ จึงได้บอกให้รถเลี้ยวเข้าไปในวัดอัมพวันวนารามทันที


อีกทั้งทางวัดได้เขียนป้ายบอกเชิญชวนไว้ชัดเจน พวกเราจึงได้เข้าไปร่วมทำบุญกับท่านเจ้าอาวาส
เพื่อร่วมสร้างพระใหญ่ หน้าตัก 19 เมตร เป็นเงิน 2,500 บาท พร้อมกับเข้าไปร่วมเทปูนกับเขาด้วย




3. รอยพระพุทธบาท ณ สำนักสงฆ์ลำห้วยใหญ่ (เขื่อนลำห้วยใหญ่)
อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี (ลำดับที่ 597)



......ขณะที่รถไปถึงสำนักสงฆ์แห่งนี้ ปรากฏว่าเจ้าของสำนักไม่อยู่ พบแต่เจ้าหน้าที่ที่กำลังสร้างคูระบายน้ำอยู่ จึงได้สอบถามทางเรื่องรอยพระพุทธบาท แต่ก็ไม่มีข้อมูลอะไรมากนัก ผู้บันทึกจึงขอนำเรื่องที่เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์และทางโทรทัศน์มาให้ทราบไว้ดังนี้

วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เวลา 12:07:15 น.
พบรอยพระพุทธบาทเขาทับสีเทียน ชาวบ้านแห่กราบไหว้


ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งเมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 12 มิถุนายน ว่า พระภิกษุซึ่งพักอาศัยอยู่ที่ที่พักสงฆ์เชิงเขาทับสีเทียน ได้พบรอยพระพุทธบาทแห่งใหม่บนเขาทับสีเทียน (เขาแร่) ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่วังแขม หมู่ 12 ต.สระโบสถ์ อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี

เมื่อเดินทางไปถึงพบว่า บริเวณลานที่พักสงฆ์ดังกล่าวมีรถยนต์เก๋ง และรถยนต์กระบะของประชาชนที่ทราบข่าว เดินทางมาดูรอยพระพุทธบาทที่พบกันเป็นจำนวนมาก โดยรอยพระพุทธบาทที่พบอยู่ระหว่างลานหินช่วงกลางภูเขา เดินจากด้านหลังที่พักสงฆ์ขึ้นภูเขาไปประมาณ 100 เมตร มีประชาชนนำธูปเทียนจุดกราบไหว้พร้อมนำแผ่นทองคำเปลวไปปิดทับรอยพระพุทธบาทกันอย่างเนื่องแน่น โดยรอยพระพุทธบาทที่พบเป็นรอยพระบาทข้างขวา วัดความยาวจากส้นเท้าถึงปลายนิ้วโป้งขวา 170 ซม. วัดความกว้างได้ 60 ซม.ลึกประมาณ 5 ซม. สภาพสมบูรณ์เป็นอย่างมาก มองเห็นด้วยตาเปล่าชัดเจน

พระณรงค์ เสาร์วิชิต อายุ 73 ปี ซึ่งเป็นพระที่นำไปพบรอยพระพุทธบาทกล่าวว่า เดินทางมาอยู่ที่พักสงฆ์ดังกล่าวได้ประมาณ 1 เดือนเศษ เนื่องจากป่วยไม่สบายด้วยโรคหอบและโรคปอด หายใจไม่ค่อยออก จึงเดินทางรักษาด้วยการกินยาสมุนไพรกับพระลำพอง ฐิตคุโณ ซึ่งมาอยู่ที่พักสงฆ์ก่อนหน้า หลังกินยาสมุนไพรของพระลำพองแล้ว อาการดีขึ้นหายใจสะดวก จึงเดินขึ้นมาบนเขาเพื่อท่องหนังสือพระและนอนพัก เนื่องจากมีอากาศที่เย็นสบาย

พระณรงค์เล่าให้ฟังต่อว่า วันที่ 5 มิถุนายน เดินขึ้นมาท่องหนังสือและนอนพักผ่อนตามปกติ และเกิดปวดปัสสาวะ จึงยืนฉี่บนภูเขาโดยไม่ทราบว่าบริเวณดังกล่าวมีรอยพระพุทธบาท เนื่องจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีก้อนหินและใบไม้ปิดทับเอาไว้ หลังปัสสาวะเสร็จก็ท่องหนังสือและนอนพักผ่อนต่อ จนกระทั่งถึงเวลาเย็นรู้สึกตัวว่าไม่สบาย อาเจียน และอาการหนักขึ้นเรื่อยๆจนไม่รู้สึกตัว พระลำพองที่อยู่ด้วยกันจึงพาส่งโรงพยาบาลสระโบสถ์ให้แพทย์รักษา

ด้านพระลำพองกล่าวว่า เมื่อนำตัวพระณรงค์ไปถึงโรงพยาบาล พระณรงค์มีอาการเพ้อไม่รู้สึกตัวพร้อมส่งเสียงร้องโวยวายดังลั่นโรงพยาบาลคล้ายกับอาการผีเข้า พยาบาลต้องจับมัดมือและเท้าเอาไว้กับเตียง จากนั้นก็ให้ยากินพร้อมกับให้น้ำเกลือ แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ตนเห็นดังนั้นจึงไปหาหมอร่างทรง เนื่องจากคิดว่าพระณรงค์คงจะถูกของอะไรสักอย่างแน่นอน

หลังร่างทรงนั่งทางในแล้วได้บอกว่า พระณรงค์ไปปัสสาวะรดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตนจึงกลับมาที่พักสงฆ์พร้อมจัดเครื่องเซ่นพร้อมหัวหมู ไปขอขมาตรงจุดที่พระณรงค์ปัสสาวะ และทำความสะอาดด้วยการปัดกวาดบริเวณดังกล่าว และได้พบรอยพระพุทธบาทปรากฏอยู่บนลานหินดังกล่าว ส่วนอาการป่วยของพระณรงค์ก็หายกลับคืนสู่สภาพปกติในเวลาที่รวดเร็ว

ขณะที่นางนภาพร วงศ์เลิศอารักษ์ นายกเทศมนตรีตำบลสระโบสถ์ อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งว่าพบรอยพระพุทธบาทที่บนเขาแห่งนี้ ก็รีบเดินทางมาดูทันที ยอมรับว่ารอยพระพุทธบาทที่พบ มีสภาพที่สมบูรณ์และสวยงามเป็นอย่างมาก และในเบื้องต้นนี้จะทำเรื่องแจ้งให้นายอำเภอสระโบสถ์ให้ทราบ พร้อมกับจะแจ้งให้กรมศิลปากรมาตรวจสอบด้วยว่า รอยพระพุทธบาทที่พบมีความเป็นมาอย่างไร

นางนภาพร กล่าวต่อว่า เบื้องต้นจะให้เจ้าหน้าที่ อปพร.เทศบาลตำบลสระโบสถ์มาเฝ้าบริเวณที่พบรอยพระพุทธบาทเอาไว้ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบดูแลของเทศบาลตำบลสระโบสถ์ จากนั้นจะนำเชือกมากั้นห้ามประชาชนไปเหยียบย้ำใกล้บริเวณที่พบรอยพระพุทธบาท คงให้จุดธูปเทียนไหว้สักการะได้ในระยะที่มองเห็นเท่านั้น

หลังจากที่เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรมาตรวจสอบแล้ว จะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น คงต้องพูดคุยกันซึ่งคาดว่าคงจะมีหลายหน่วยงานต่ออีกที ซึ่งการพบรอยพระพุทธบาทครั้งนี้ นับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีของประชาชนชาวอำเภอสระโบสถ์เป็นอย่างมาก และจากการพูดคุยกับพระลำพองทราบว่า ร่างทรงได้บอกว่าให้เรียกรอยพระพุทธบาทที่พบบนเขาทับสีเทียนว่า “รอยพระพุทธบาทสระโบสถ์” เนื่องจากพบในพื้นที่อำเภอสระโบสถ์นั่นเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวต่อว่า หลังข่าวพบรอยพระพุทธบาทที่บนภูเขาทับสีเทียนแพร่กระจายออกไป ได้มีประชาชนทั้งในอำเภอสระโบสถ์ และอำเภอใกล้เคียงที่ทราบข่าว เดินทางมาดูพร้อมกราบไหว้รอยพระพุทธบาทที่พบ กันทั้งเวลากลางวันและกลางคืน โดยนางนภาพร วงศ์เลิศอารักษ์ นายกเทศมนตรีตำบลสระโบสถ์ กล่าวว่า จะตั้งเต้นท์พร้อมจัดเตรียมน้ำไว้ให้ประชาชนที่เดินทางมากราบไหว้รอยพระพุทธบาทได้พัก และดื่มกินข้างล่างบริเวณที่พักสงฆ์ ส่วนบริเวณรอยพระพุทธบาทที่พบคงให้กราบไหว้เพียงอย่างเดียวไปก่อน เพราะไม่อยากให้เกิดความเสียหายตามมา ส่วนจะให้เข้าไปดูใกล้ๆ ได้เมื่อไรนั้น คงต้องรอผลการประชุมอย่างเป็นทางการต่อไป

จากเจ้าหน้าที่อ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่วังแขม คนหนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิงว่า ตนมีอาการปวดตามขาและเอว หลังทราบข่าวว่าพบรอยพระพุทธบาทที่เขาทับสีเทียน จึงเดินทางมาชมพร้อมจุดธูปเทียนกราบไหว้ จากนั้นใช้มือไปลูบที่รอยพระพุทธบาทพร้อมอธิษฐานขอให้อาการปวดขาและปวดเอวหาย จากนั้นก็ใช้มือมาลูบที่ขาและเอว รุ่งเช้าอาการปวดขาและปวดเอวก็หายไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างมาก

นางนภาพร วงศ์เลิศอารักษ์ นายกเทศมนตรีตำบลสระโบสถ์ อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งว่าพบรอยพระพุทธบาทบนเขาทับสีเทียน หน้าอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่วังแขม หมู่ 12 ต.สระโบสถ์ ซึ่งตรวจสอบแล้วมีสภาพที่สมบูรณ์และสวยงามมาก เบื้องต้นนี้จะแจ้งให้นายอำเภอทราบ และให้กรมศิลปากรมาตรวจสอบ

นอกจากนี้จะให้อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนของเทศบาลมาเฝ้าบริเวณที่พบรอยพระพุทธบาท เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ของเทศบาล โดยห้ามประชาชนเข้าไปเหยียบย่ำใกล้บริเวณรอยพระพุทธบาท ให้สักการะในระยะที่มองเห็นเท่านั้น "หลังจากกรมศิลปากรมาตรวจสอบแล้วคงต้องพูดคุยกันหลายหน่วยงานว่าจะทำอย่างไรต่อไป อย่างไรก็ตามการพบรอยพระพุทธบาทนับเป็นนิมิตหมายที่ดีของชาวสระโบสถ์"


ที่มา - มติชนออนไลน์





พระพุทธบาทดังกล่าว ถูกพบในป่าบนภูเขาทับพุเทียน ปากทางเข้าอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่วังแขม หมู่ที่ 12 ต.สระโบสถ์ อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี ห่างจากที่พักสงฆ์ประมาณ 100 เมตร เป็นรอยพระพุทธบาทข้างขวา หันไปทางทิศใต้ วัดความยาวจากส้นเท้าถึงปลายนิ้วโป้งได้ 170 เซ็นติเมตร ความกว้าง 60 เซ็นติเมตร ลึก 5 เซ็นติเมตร ซึ่งอยู่ในสภาพสมบูรณ์ มองด้วยตาเปล่าได้อย่างชัดเจน

พระณรงค์ เสาร์วิชิต กล่าวว่า ไปพบรอยพระพุทธบาทโดยบังเอิญ ขณะขึ้นไปรักษาอาการอาพาธบนภูเขาใกล้ที่พักสงฆ์ แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น กระทั่งต้องใช้วิธีทางไสยศาสตร์ จึงรู้ว่าไปปัสสาวะใส่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเมื่อจัดเครื่องเซ่นไหว้ขอขมา และทำความสะอาดในบริเวณดังกล่าว จึงพบรอยพรพพุทธบาท ชาวบ้านที่ทราบข่าว ต่างไปจุดธูปเทียน และปิดทองบูชากันจำนวนมาก ขณะที่เทศบาลตำบลสระโบสถ์ ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร เข้าไปตรวจสอบแล้ว


ที่มา - www.ch7.com

บันทึกรอยพระพุทธบาทที่เพิ่งค้นพบใหม่ล่าสุดในประเทศไทย


วันที่ 13 มิถุนายน 2552 ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมน้องชายที่จังหวัดลพบุรี หลังจากเขาได้ไปแต่งงานมีภรรยาและทำงานที่นั่นคืออำเภอสระโบสถ์ ระหว่างทานอาหารกลางวัน น้องชายผมบอกว่าเดี๋ยวจะพาไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาท ที่เพิ่งค้นพบใหม่ล่าสุดในประเทศไทย โดยค้นพบโดยพระธุดงค์รูปหนึ่ง ซึ่งน้องผมบอกว่าเพิ่งค้นพบได้เพียงแค่ 4 วันเท่านั้นจนถึงวันนี้ (ขอย้ำ 4 วันเท่านั้นจริงๆโดยคำยืนยันจากชาวบ้านละแวกนั้นๆ)

เมื่อผมเดินทางไปถึง สิ่งแรกที่ผมพบเห็นคือชาวบ้านในละแวกนั้นๆประมาณไม่น่าเกิน 50 คนเห็นจะได้จับกลุ่มคุยกันบริเวณตีนเขาทางขึ้นโดยดูจากการแต่งตัวก็รู้ว่าเป็นชาวบ้านละแวกนั้นจริงๆ หลังจากนั้นผมก็ได้เดินขึ้นไปยังรอยพระพุทธบาท โดยระยะทางจากตีนเขาถึงรอยพระพุทธบาทประมาณไม่เกิน 100 เมตรเท่านั้นเอง ซึ่งพอผมได้เห็นรอยพระพุทธบาทครั้งแรก ผมมีความรู้สึกดีใจมากที่ได้พบเห็นและได้สักการะบูชา พร้อมทั้งขอพรเพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว

โดยผมมีภาพถ่ายจากมือถือมาให้พี่ๆน้องๆได้ดู ว่าเป็นยังไงให้ทุกคนได้ชมกัน มีโอกาสก็อย่าลืมไปสักการะกันนะครับเส้นทางไปเส้น อ.ชัยบาดาล-เพชรบูรณ์ โดยก่อนถึงชัยบาดาลประมาณ 40 km ให้สังเกตุทางเข้าสนามกอล์ฟนารายณ์ฮิลล์ทางด้านซ้ายมือ เพราะไปทางเดียวกันแต่ทางเข้าเล็กมากดูดีๆโดยทางเข้าจะมีวัดให้สังเกตุให้ดี และไปอีกประมาณ 20 km ก็ให้ถามชาวบ้านก็แล้วกันจะอยู่ใกล้เขื่อนอะไรจำไม่ได้แล้ว ขอให้โชคดีนะครับ.


ผู้โพส : dea 30/10/09 - huaybondin.net




หลังจากท่านผู้อ่านได้ทราบรายละเอียดไปแล้ ถึงแม้ว่าจะนำข้อมูลมาลงช้าไป เนื่องจากกว่าหลวงพี่จะนำ
คณะเดินไปร่วมสำรวจได้ ต้องรอเวลาอยู่นานทีเดียว จนกว่าจะมีโอกาสหรือจังหวะในการเดินทาง ถึงจะนำ
ข้อมูลมาให้ทราบโดยละเอียด จึงได้เริ่มเดินสำรวจกันทันที หลังจากต้องนั่งรถสืบหาสถานที่นี้กันอยู่นาน


จุดแรกได้เดินเข้าไปกราบไหว้รอยพระพุทธที่ก่ออิฐล้อมรอบไว้ก่อน ภายในจะมองเห็นรอยพระพุทธบาท
ได้อย่างชัดเจน หลวงพี่ได้เข้าไปกราบไหว้แล้วท่านได้วิเคราะห์ว่า น่าจะเป็นการตกแต่งภายหลังด้วย


เพื่อให้รอยนิ้วเท้าชัดเจนขึ้น แต่จะเป็นการแต่งในสมัยใดไม่อาจทราบได้


เพราะตามที่ท่านได้เดินสำรวจรอบๆ บริเวณนี้ ปรากฏว่าพบรอยพระพุทธบาทอยู่หลายแห่ง
มีทั้งเบื้องซ้ายและเบื้องขวา เล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ซึ่งจะไม่ชัดเจนเหมือนกับรอยที่แต่งเติม




หลังจากได้เดินสำรวจไปทั่วแล้ว จึงได้ย้อนกลับมาห่มผ้าสีทองรอบรอยพระพุทธบาทแห่งนี้


พร้อมทั้งทำพิธีกราบไหว้บูชารวมทั้งหมด ณ สถานที่แห่งนี้ พร้อมกับฝากเงินร่วมทำบุญ 1,200 บาท


อีกทั้งได้มอบหนังสือตามรอยพระพุทธบาท เล่ม 1 - 4 ไว้ พร้อมทั้งโทรศัพท์บอกท่านไว้ก่อน
โดยฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ที่สร้างคูระบายน้ำ ที่ตั้งที่พักอยู่บริเวณข้างสำนักสงฆ์แห่งนี้นั่นเอง.


webmaster - 14/4/10 at 21:21

วันที่ 22 ตุลาคม 2552 (นครสวรรค์ - เพชรบูรณ์)

4. หมู่บ้านระลึกชาติ ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์



สาเหตุที่จะต้องไปหมู่บ้านตะคร้อแห่งนี้ เป็นเพราะว่ามีคนระลึกชาติได้ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้มีรายการทีวี "วู๊ดดี้" ได้นำออกมาสัมภาษณ์ หลวงพี่ชัยวัฒน์จึงได้วางแผนเดินทางไปที่นี่ด้วย แต่พอรถเข้าไปถึงหมู่บ้าน ก็ยังไม่รู้จะสืบถามหาหรือเริ่มต้นที่ไหนดี เพราะมีรายชื่อคนระลึกชาติได้นับสิบราย ขณะขับรถเข้าหมู่บ้านมองเห็น "ที่ทำการ อบต.ตะคร้อ" อยู่ทางขวามือ จึงได้แวะเข้าไปถามทันที ชาวบ้านที่ยืนอยู่แถวนั้นแนะนำให้ไปที่บ้านของ คุณธีระพันธ์ วงษ์คำภา ซึ่งอยู่ใกล้กับ อบต. จึงได้ไปที่บ้านแล้วได้พบคุณธีระพันธ์พอดี


ในขณะนั้น คุณธีระพันธ์ได้ไปตามคุณยายและแฟนสาวเข้ามาสนทนาด้วย หลวงพี่ได้ซักถามเรื่องการระลึกชาติต่างๆ คุณธีระพันธ์ก็ได้เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่พวกเราจะเข้าไป ในตอนเช้ามืดประมาณตีห้า ซึ่งแต่ละวันต้องลุกขึ้นไปใส่บาตรกับคุณยาย แต่เช้าวันนั้นได้ยินเสียงบอกว่า วันนี้ไม่ต้องออกไปใส่บาตรนะ ประเดี๋ยวก็จะได้ทำบุญแล้วละ


พร้อมกันนี้คุณธีระพันธ์ได้เล่าต่อไปอีกว่า ก่อนหน้านี้ประมาณสักเดือนกว่าๆ ได้ฝันเห็นพระสงฆ์องค์หนึ่ง ตนเองก็ได้พยายามสืบหาตามวัดต่างๆ แต่ก็ไม่พบพระมีลักษณะตามที่ฝัน จนกระทั่งได้พบหลวงพี่ชัยวัฒน์ ปรากฏว่ามีรูปร่างเหมือนกับความฝัน รู้สึกว่าคุณธีระพันธ์จะดีใจมากที่ได้พบหลวงพี่

โดยมีแฟนสาวเป็นพยานว่า คุณธีระพันธ์ได้เล่าความฝันนี้ให้ทราบไว้ก่อนนี้แล้วจริง จากนั้นคุณธีระพันธ์ได้ชักชวนพวกเราคุณไปข้างบนบ้าน โดยเฉพาะที่หน้าหิ้งพระ นอกจากจะมีพระพุทธรูปแล้ว ก็ยังมีรูปปั้น "ท่านแม่และท่านพี่" ไว้บูชาอีกด้วย ซึ่งคุณธีระพันธ์ได้เล่าว่า ท่านทั้งสองเป็นแม่และพี่ในชาติอดีต ในเวลานี้ท่านก็ได้ติดตามช่วยเหลืออยู่ด้วย


พร้อมกันนี้คุณธีระพันธ์ก็ได้ถลกเสื้อขึ้น พร้อมกับชี้ไปที่รอยแผลเป็นข้างสะเอว บอกว่าเป็นแผลที่มีมาแต่กำเนิด แต่จำได้ว่าชาติก่อนเคยถูกแทง แผลเป็นจึงได้ติดตัวมาถึงชาตินี้ด้วย ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดได้ค่ะ คลิกที่นี่


หลังจากนั้น คุณธีระพันธ์ก็ได้นำออกไปนอกถนนใหญ่ พร้อมกับชี้มือไปที่ต้นโพธิ์ใหญ่ พร้อมกับเล่าว่า ชาติก่อนได้เคยฝังพระพุทธรูปทองคำไว้ใต้ต้นโพธิ์แห่งนี้ ซึ่งรายการ "วู๊ดดี้" ได้เคยนำคนมาทำพิธีเพื่อจะขุดทรัพย์สมบัติตรงบริเวณนี้ แต่ขณะที่ทำพิธีปรากฏว่ามีลมพายุพัดมา จึงหยุดทำพิธีไปโดยปริยาย บริเวณนี้ไม่มีใครอยู่ได้ แม้จะสร้างบ้านไว้ก็ต้องทิ้งร้างไป


"วู้ดดี้" (ใส่เสื้อสีดำใส่แว่น) บุกพิสูจน์ขุดหากระดูกในอดีตชาติที่ นายธีระพันธ์ วงศ์คำภา จำได้ว่าอยู่บริเวณต้นตะแบกเก่าที่มีต้นโพธิ์กาฝากขึ้นคร่อมอยู่ (ภาพจาก : sites.google.com/site/reincarnationthailand.com) ดูรูปเพิ่มเติมได้อีก คลิกที่นี่


ต่อจากนั้นพวกเราจึงกลับเข้ามาในหมู่บ้านอีก ตามภาพได้แวะไปหาพี่ผู้หญิงคนที่ยืนอยู่นี้ เพราะคุณธีระพันธ์ (คนใส่เสื้อสีขาว) เล่าให้ฟังว่า วันที่รายการวู๊ดดี้มาทำพิธีนั้น ผู้หญิงคนนี้ได้ไปร่วมพิธีด้วย แล้วเห็นกุมารทองอยู่บนต้นโพธิ์ บอกว่าจะขอมาเกิดด้วย แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่ยอม เพราะมีลูกตั้ง 3 คนแล้ว อึกทั้งยังเป็นหนี้อีกหลายแสน หลวงพี่จึงแนะนำว่า ถ้าเขาอยากมาเกิดจริง ก็ขอให้ช่วยให้ปลดหนี้ได้หมดก็แล้วกัน กลับมาแล้วก็ยังไม่รู้ว่าเขาตัดสินใจอย่างไร


ต่อจากนั้นคุณธีระพันธ์ก็ได้นำไปที่วัดคลองมะม่วงเตี้ย ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากหมู่บ้าน เพราะมีคนที่ระลึกชาติได้อีกรายหนึ่งชื่อว่า คุณสุรางคนา (ส้ม) วันที ชาติก่อนได้เคยเกิดเป็น "ฟ้าแตง" ได้ล่องเรือมากับพ่อแม่ทั้งครอบครัว แต่เรือได้มาจมอยู่บริเวณนี้ทุกคนตายหมด ตามภาพจะเห็นว่าในปัจจุบันนี้ กระแสน้ำได้เปลี่ยนทิศทางไปแล้ว จึงเหลือแค่เท่าที่เห็นนี้ พร้อมกับมีการสร้างศาลเพียงตาชื่อว่า "ศาลเจ้าแม่จันทร์เทวี" ไว้ด้วย

ก่อนจะกลับหลวงพี่ได้ถวายเงินให้ "หลวงพ่อโพธิ์" เจ้าอาวาส จำนวนเงิน 5,000 บาท เพื่อฟื้นฟูสถานที่นี้ให้กลับคืนมาอีก เพราะแต่เดิมเจ้าอาวาสองค์ก่อนพร้อมกับชาวบ้าน 3-4 คน ได้โค่นต้นมะม่วงเตี้ย แล้วภายหลังเกิดล้มตายกันไปทุกคน ชาวบ้านต่างโจษจันกันไปต่างๆ นานา ถ้าต้องการอ่านรายละเอียดต่อไป คลิกที่นี่


เมื่อได้ฟังเรื่องเล่าพอเข้าใจแล้ว จึงได้เดินทางย้อนกลับเข้ามาที่หมู่บ้านตะคร้ออีก โดยคุณธีระพันธ์นำไปฉันเพลที่บ้านแฟนสาว หลังจากนั้นได้เดินทางไปบ้านที่ระลึกชาติได้อีกรายหนึ่ง แต่ยังเป็นเด็กผู้หญิงเล็กๆ อยู่ อายุ 4 ขวบ ชื่อ เด็กหญิงญาณินท์ ศิริมงคล ชื่อเล่น "หมูหวาน"


ความจริงบ้านที่ไปหานี้ ไม่ใช่บ้านพ่อแม่ของหมูหวาน แต่เมื่อได้ไปถามหาแล้ว พ่อแม่หมูหวานบอกว่า ตอนนี้น้องหมูหวานอยู่ที่บ้านชาติก่อน ซึ่งมีชื่อว่า ยายเพียร แย้มประดับ พวกเราจึงต้องตามไปอีกนั่นเอง ตามภาพจะเห็นว่า ขณะที่ไปถึงน้องหมูนหวานกำลังนั่งอยู่ใกล้ผู้หญิงคนใส่เสื้อดำ ซึ่งเป็นลูกสาวยายเพียรชาติก่อนนั่นเอง ฟังแล้วก็คงจะงงนะคะ ในตอนนี้พ่อของหมูหวาน (ผู้ชายคนอ้วนๆ) ได้ตามมานั่งสนทนาด้วย พร้อมกับรายละเอียดให้ฟัง


ต่อจากนั้นก็ได้เดินทางไปสืบหาผู้ที่ระลึกชาติอีกหลายราย เช่นตามภาพนี้ ผู้ชายใส่เสื้อสีแดง ชื่อ วัชระ ใจเร็วปัจจุบันอายุ 18 ปี ซึ่งพวกเราได้ติดตามไปที่บ้านแม่ชาติก่อนด้วย ซึ่งมีอายุมากแล้ว อ่านรายละเอียดได้ในขณะที่สัมภาษณ์ยังเด็กอยู่ คลิกที่นี่


จากนั้นคุณธีระพันธ์ได้นำไปที่บ้านคนระลึกชาติอีกรายหนึ่ง ชื่อ พลวัฒน์ จุลโพธิ์ แต่ไม่พบเจ้าตัว พบแต่คุณพ่อเป็นซึ่งเป็นสมาชิก อบต. ได้เล่ารายละเอียดให้ฟัง ซึ่งหาอ่านรายละเอียดต่อได้ คลิกที่นี่


รายสุดท้ายในวันนี้ พวกเราได้ติดตามคุณธีระพันธ์ไปที่บ้านพ่อแม่ของ บัญชา ใจเร็ว ซึ่งได้ตายไปเนื่องจากถูกฟ้าผ่าในขณะที่นำวัวไปเลี้ยง ในขณะอายุได้ 29 ปี ต่อมาได้เกิดใหม่เป็นเด็กผู้ชาย ซึ่งผู้เขียนลืมชื่อไปแล้ว แต่ได้นำรูปถ่ายมาให้ชม จะเห็นว่าหน้าผากของเด็กมีปานแดง ซึ่งตรงกับตำแหน่งที่ญาติชาติก่อนได้ป้ายปูนแดงเอาไว้ รายละเอียดยังมีอีกมากแต่คุณธวัชชัยยังไม่ได้บันทึกเป็นทางการ เพราะเด็กเพิ่งจะเริ่มพูดได้


พวกเราจึงขอยุติการเล่าไว้เพียงแค่นี้ ก่อนจะลากลับหลวงพี่ชัยวัฒน์ก็ได้มอบหนังสือตามรอยพระพุทธบาท 1 ชุด และพระปางประทับรอยพระพุทธบาท 2 องค์ ให้แก่คุณธีระพันธ์ วงษ์คำภา พร้อมกับอนุโมทนาบุญกุศลที่ได้นำไปพบกับผู้ที่ระลึกชาติหลายราย อีกทั้งได้ร่วมถวายเพลหลวงพี่อีกด้วย ตรงตาม "เสียงกระซิบที่บอกในตอนเช้ามืดว่า "วันนี้ไม่ต้องไปใส่บาตร" แล้วคุณธีระพันธ์ก็ได้ทำบุญกับหลวงพี่ อีกทั้งได้พบพระสงฆ์ตรงตามที่ตนเองฝันไว้นานแล้วทุกประการ.



วันที่ 23ตุลาคม 2552

5. พระเจดีย์ศรีเพชรบูรณ์ วัดน้ำวิ่งวราราม ต.บ้านโภชน์ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์



รุ่งเช้าวันที่ 23 พวกเราได้ออกเดินทางออกจากที่พักแต่เช้า เพื่อไปร่วมงานทอดกฐินที่วัดหลวงพี่วิรัช



ในขณะนั้นรถได้วิ่งผ่านวัดน้ำวิ่งฯ เห็นป้ายสร้าง "พระเจดีย์ศรีเพชรบูรณ์" โดยบังเอิญพอดี



จึงได้เข้าไปร่วมทำบุญกับหลวงพ่อเจ้าอาวาส เป็นเงิน 3,500 บาท สร้างขึ้นเพื่อบรรจุ "พระทันตธาตุ" ของพระพุทธเจ้า หลังจากนั้นก็ได้ไปทอดกฐินที่ สำนักสงฆ์ธรรมยาน ร่วมทำบุญ 5,000 บาท, ถวายผ้าไตร 1 ชุด, พร้อมผ้าห่มองค์พระ 1 ผืน, ย่าม , ถุงเท้า เป็นต้น รวมทำบุญทั้งหมดทุกแห่ง เป็นเงิน 18,700 บาท จึงขอเชิญชวนผู้อ่านทุกท่านร่วมอนุโมทนาด้วยกันนะค่ะ.


webmaster - 19/4/10 at 05:08

บันทึกการเดินทางไป "หมู่บ้านตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์"
ครั้งที่ 2

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2552

หลังจากที่ได้เดินทางไปที่ "หมู่บ้านระลึกชาติ" เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2552 แล้วต่อมาหลวงพี่ชัยวัฒน์ก็ได้นัดกับคุณธีระพันธ์ วงษ์คำภา อีกเป็นครั้งที่ 2 แต่หลวงพี่ได้ถือโอกาสแวะที่นครสวรรค์ก่อน เพื่อสัมภาษณ์ คุณสุรางคนา (ส้ม) วันที (ตามรูปภาพนั่งตรงกลาง) ทั้งๆ ที่คุณส้มไม่อยากจะเปิดเผยตัวนัก เพราะเกรงคนที่ไม่เชื่อถือจะดูหมิ่น


แต่หลวงพี่ก็พยายามสืบหาจนได้ สร้างความแปลกใจให้แก่คุณส้มเป็นอย่างยิ่ง ในความอุตสาหะของพวกเรา จากนั้นก็ได้เดินทางต่อไปที่หมู่บ้านตะคร้อ เพราะยังค้างเรื่องเด็กที่เพิ่งเริ่มจะจำชาติก่อนของตนเองได้


ตามภาพแรกที่เห็น หลวงพี่ได้เดินทางไปสนทนาที่หน้าบ้านแฟนสาวของคุณธีระพันธ์ วงษ์คำภา ก่อน โดยมีคุณแม่ของคุณธีระพันธ์มานั่งเล่าให้ฟังด้วย จากนั้นก็ไปที่บ้านของเด็กระลึกชาติรายล่าสุดที่มีตำหนิเป็น "ปานแดง" ที่หน้าผาก ซึ่งเด็กก็ยังพูดไม่ค่อยได้ เพียงแต่เริ่มพูดถึงบ้านเก่าของตนเองในชาติก่อน ซึ่งเดิมอยู่ไม่ไกลจากบ้านที่เกิดมาในชาตินี้


เมื่อไปถึงบ้านใหม่ชาตินี้แล้วได้พยายามที่จะซักถามเด็ก หรือนำสิ่งของต่างๆ ที่หลงเหลือแต่ชาติก่อน ซึ่งเด็กจะห่วงเล่นมากกว่า เพียงแต่การบอกเล่าของพ่อชาติก่อนที่เล่าว่า เคยไปพบเด็กคนนี้แล้ว เด็กได้จำพ่อและแม่ของตนเอง พร้อมกับได้เรียกชื่ออย่างถูกต้อง อีกทั้งเด็กได้เรียกชื่อผู้หญิงคนหนึ่งที่ "บัญชา" เคยชอบ ทั้งๆ ที่บัญชาก็มีภรรยาอยู่แล้ว นับเป็นที่แปลกใจเป็นอย่างมาก


บางครั้งเด็กก็จะชี้ไปที่บ้านเก่าได้ถูก (ที่บ้านใหม่นี้เด็กจะไม่รู้เรื่องเลย) อีกทั้งเมื่อถูกถามว่าชาติก่อนก่อนที่จะถูกฟ้าผ่า จำได้ไหมว่าเอาวัวไปเลี้ยงกี่ตัว เด็กก็ยกมือขึ้นห้านิ้ว หมายถึงวัว 5 ตัว ซึ่งพ่อชาติก่อนก็ยืนยันว่าถูกต้อง โดยเฉพาะตาที่นำเด็กคนนี้ไปด้วยได้เล่าให้ฟังว่า หากวันไหนมีฝนตกฟ้าผ่า หลานของตนเองจะมีอาการตกใจร้องไห้ คงมีความหวาดกลัวฟ้าผ่าติดมาจากชาติก่อนนั่นเอง

>

แต่ปัจจุบันนี้ พ่อแม่ชาติก่อนได้ย้ายบ้านไปอยู่ห่างไกลจากเดิมประมาณ 2 ก.ม. ซึ่งหลวงพี่ได้ขออนุญาตนำเด็กไปพบพ่อแม่ในชาติก่อน พอไปถึงก็ขอให้พ่อชาติก่อนนำรูปภาพของ บัญชา ใจเร็ว ซึ่งได้เสียชีวิตไปเพราะถูกฟ้าผ่า เด็กก็ได้เดินเข้าไปดูตามภาพที่เห็นนี้ โดยมีแม่ชาติก่อนนอนป่วยเป็นอัมพาตอยู่บนเตียงมานานด้วยความเสียใจ จนเส้นโลหิตฝอยในสมองแตก นับตั้งแต่ลูกชายคือ นายบัญชา ใจเร็ว เสียชีวิต



วันที่ 6 พฤศจิกายน 2552


เมื่อวานนี้ได้ใช้เวลาในการประสานระหว่างเด็กที่เริ่มระลึกชาติได้แล้ว วันรุ่งขึ้นพวกเราก็ต้องย้อนกลับไปที่บ้านคุณธีระพันธ์ วงษ์คำภา อีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากคุณธีระพันธ์เพิ่งจะออกเวรจากด่านชั่งน้ำหนักที่ท่าตะโก


ทั้งนี้ได้นัดแนะกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย มีคุณแม่ของคุณธีระพันธ์เป็นต้น แล้วคุณธีระพันธ์ได้นำไปที่ใต้ต้นโพธิ์อีกครั้งหนึ่ง เพื่อนำไปชี้จุดที่ชาติก่อนเคยฝังทรัพย์สมบัติไว้ อีกทั้ง "รายการวู๊ดดี้" ก็ได้เคยมาทำพิธีไปแล้ว



หลังจากได้เซ่นสรวงดวงวิญญาณทั้งหลายแล้ว ปรากฏว่ามีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น คือมีวิญญาณของ "ท่านแม่" (แม่ชาติก่อนของคุณธีระพันธ์) ได้เข้ามาสิงร่างพี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ติดตามไปด้วย พร้อมกับบอกจะมอบทรัพย์สมบัติชาติก่อนให้ ในเรื่องนี้จะของดเล่ารายละเอียดนะคะ

เดินทางต่อไปที่ วัดคลองมะม่วงเตี้ย บ้านตะคร้อ


หลังจากนั้นพวกเราก็ได้เดินทางไปที่ วัดคลองมะม่วงเตี้ย ซึ่งอยู่นอกหมู่บ้าน โดยมีชาวบ้านแถวนั้นนั่งรออยู่เป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งได้พบกับคุณส้มและคุณพ่อตามที่ได้นัดแนะเอาไว้แล้ว จากนั้นได้เดินไปที่หลังวัด ซึ่งต้นมะม่วงเตี้ยเดิมได้ล้มตายไปแล้ว


โดยมีพระที่วัดคอยต้อนรับ พร้อมกันนี้มีพระหนุ่มรูปหนึ่งที่เพิ่งบวชได้เล่าว่า เมื่อวานนี้มีชาวบ้านคนหนึ่งถูกวิญญาณนักรบเข้าสิงร่างพร้อมกับเล่าว่า วิญญาณนักรบในอดีตผู้นี้ได้แนะนำวิธีการย้ายศาล และการปรับพื้นที่บริเวณนี้


ในระหว่างนี้กำลังนั่งร่วมประชุมปรึกษาหารือกัน แต่คุณพ่อของคุณส้ม คือ นายพิพัฒน์ วันที อดีตครูใหญ่โรงเรียนบ้านตะคร้อฯ ได้มีความเห็นที่แตกต่างออกไป แต่ก็ยินดีที่จะบูรณะ "ศาลเจ้าแม่จันทร์เทวี" ใหม่


ต่อจากนั้นหลวงพี่ชัยวัฒน์ได้ทำพิธีบวงสรวง เพื่อเป็นการบอกกล่าวในการปรับพื้นที่และการซ่อมศาลใหม่ โดยมีพวกเราช่วยกันผูกผ้าสีทองที่หน้าศาลด้วย


เดิมบริเวณนี้เคยเป็นแม่น้ำก่อน แต่ได้ตื้นเขินจนเหลือแค่ร่องน้ำเท่านั้น อีกทั้งตั้นมะม่วงเตี้ยเดิมตายไปแล้ว หลวงพี่ชัยวัฒน์ก็ได้แนะนำให้ปลูกต้นมะม่วงขึ้นมาใหม่อีกด้วย


หลังจากนั้น หลวงพี่ได้กลับเข้ามาฉันเพลที่ศาลา โดยมีหลวงพ่อโพธิ์และพระภายในวัดร่วมฉันภัตตาหารด้วย ในตอนนี้ชาวบ้านหลายคนได้ร่วมวงสนทนาถึงเหตุการณ์สมัยก่อนด้วย


พร้อมกันนี้หลวงพี่ชัยวัฒน์ได้รวบรวมเงิน ซึ่งชาวบ้านทั้งหลายได้ร่วมทำบุญด้วย เพื่อถวายในการถมดิน รวมเป็นเงิน 7,000 บาท


ก่อนจะลาจากกัน พวกเราได้ถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก โดยมีคุณธีระพันธ์และคุณสุรางคณา (ส้ม) นั่งอยู่ตรงกลางร่วมถ่ายรูปกับชาวบ้านวัดคลองมะม่วงเตี้ยด้วย


จากนั้นหลวงพี่ได้กราบลาหลวงพ่อโพธิ์และชาวบ้านที่นำอาหารมาถวาย แล้วได้ออกเดินทางไปหล่อพระที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจะอ่านรายละเอียดได้ในโอกาสต่อไป.


webmaster - 23/4/10 at 10:33

(Update 23-04-53)