ตามรอยพระพุทธบาท

นิทานชาดก (เรื่องที่ 40) ธัมมัทธชชาดก - ชาดกว่าด้วย "พูดอย่างทำอย่าง"
webmaster - 16/11/10 at 09:12

...นิทานชาดกนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ "พระพุทธเจ้า" ขณะที่ยังเป็นพระโพธิสัตว์ พระองค์ได้บำเพ็ญพระบารมีมาในแต่ละชาติ จะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น แล้วได้ตรัสเล่าบุพกรรมเหล่านี้ ซึ่งมีมาในพระไตรปิฎกมากมายหลายเรื่อง

ในตอนนี้ จะขอนำการ์ตูนเรื่องที่ 40 มีชื่อว่า "ธัมมัทธชชาดก" (อ่าน..ธัมมัทธะชะชาดก) เป็นเรื่องของ "กากับนก" โดยพระพุทธองค์เสวยพระชาติเป็น "พระยานก" จึงขออนุโมทนาไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย

.....This story is a fable about "Buddha" While still a Bodhisat. He has to perform the prestige of each nation. Is a true story that occurred.

Then spoke told these deeds. Which in many Tripitaka on. At this will be cartoon chapters No.40 called "Thammatthacha Jataka" The come into the Buddha "Bird Paya"

ธัมมัทธชชาดก : ชาดกว่าด้วย "พูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง"


มูลเหตุที่ตรัสชาดก

.... พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุผู้โกหกรูปหนึ่งแล้ว จึงได้ตรัสเรื่องนี้ ความย่อว่า

ในครั้งนั้นพระศาสดาตรัสว่า ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้ไม่ใช่โกหกเฉพาะในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อนก็โกหกเหมือนกัน แล้วได้ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้:-



เนื้อความของชาดก

....ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดในกำเนิดนก เติบโตแล้วมีฝูงนกห้อมล้อม อาศัยอยู่ที่เกาะกลางมหาสมุทร.

......ครั้งนั้น พ่อค้าชาวกาสิกรัฐกลุ่มหนึ่งพากันแล่นเรือไปยังมหาสมุทร โดยเอากาบอกทิศไปด้วย. เรือแตกท่ามกลางมหาสมุทร. กาบอกทิศนั้นไปถึงเกาะนั้นแล้ว คิดว่า

นกฝูงนี้เป็นฝูงใหญ่ เราควรทำการโกหกแล้วกินไข่และลูกอ่อนของนกฝูงนี้อร่อยๆ.

มันบินร่อนลงแล้ว ยืนขาเดียวอ้าปากอยู่ที่พื้นดินท่ามกลางฝูงนก. มันถูกนกทั้งหลายถามว่า ท่านเป็นใครครับ นาย? ก็บอกว่า ฉันเป็นผู้ประพฤติธรรม.

นก. เหตุไฉน ท่านจึงยืนขาเดียว?
กา. เมื่อฉันเหยียบ ๒ ขา แผ่นดินก็ไม่สามารถจะทนทานได้.

นก. เมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุไฉน ท่านจึงยืนอ้าปาก?
กา. ฉันไม่กินอาหารอื่น กินแต่ลมเท่านั้น.

ก็แล ครั้นมันตอบอย่างนั้นแล้ว จึงเรียกนกเหล่านั้นมาเตือนว่า ฉันจักให้โอวาทเธอทั้งหลาย ขอจงพากันมาฟังโอวาทนั้น แล้วได้กล่าวคาถาที่ ๑ เป็นการให้โอวาทนกเหล่านั้นว่า :-

ดูก่อนญาติทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงพากันประพฤติธรรม เธอทั้งหลายจงพากันประพฤติธรรม ความเจริญจักมีแก่พวกเธอ เพราะว่าผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า.

กานั้นแสดงว่าผู้ประพฤติธรรม ยืน นั่ง เดิน นอน ก็เป็นสุขอย่างยิ่ง เป็นสุขทุกอิริยาบถ.
นกทั้งหลายไม่รู้ว่า กาตัวนี้พูดอย่างนี้ เพื่อจะโกหกกินไข่นก.

เมื่อจะพรรณนาความทุศีลนั้น จึงได้กล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
จำเริญหนอ นกตัวนี้ นกผู้ประพฤติธรรมยืนขาเดียว พร่ำสอนธรรมอย่างเดียว.

นกทั้งหลายเชื่อฟังกาทุศีลนั้นแล้วบอกว่า นายครับ ได้ทราบว่า ท่านไม่หาเหยื่ออย่างอื่นกินลมเท่านั้น ถ้ากระนั้นขอให้ท่านคอยดูไข่และลูกอ่อนของพวกฉันด้วย แล้วไปหาเหยื่อกัน.

กาลามกตัวนั้น เวลานกเหล่านั้นไปแล้ว ก็จิกกินไข่และลูกอ่อนของนกเหล่านั้น เต็มท้องแต่เวลานกเหล่านั้นกลับมา ก็สงบเสงี่ยมยืนขาเดียวอ้าปากอยู่

นกทั้งหลายมาแล้วไม่เห็นลูกน้อยของตน ร้องดังลั่นว่า ใครหนอกินลูกเรา ไม่ทำแม้ความสงสัยในกาตัวนั้น เพราะคิดว่ากาตัวนี้ประพฤติธรรม.

อยู่มาวันหนึ่ง พระมหาสัตว์คิดว่า เมื่อก่อนที่นี่ไม่มีอันตรายอะไร จำเดิมแต่กาตัวนี้มาแล้วอันตรายจึงเกิด เราควรซุ่มจับกาตัวนี้.

พระมหาสัตว์นั้นทำเหมือนไปหาเหยื่อกับนกทั้งหลาย แต่ก็กลับมาเกาะอยู่ในที่กำบัง. ฝ่ายกาเข้าใจว่า นกทั้งหลายไปแล้ว ไม่มีความสงสัยลุกไปหากินไข่นกและลูกอ่อน แล้วกลับมายืนขาเดียวอ้าปากอยู่.

พระยานก เมื่อนกทั้งหลายมาแล้ว จึงเรียกให้ฝูงนกทั้งหมดมาประชุมกันเตือนฝูงนกว่า วันนี้ฉันซุ่มจับอันตรายของลูกสูเจ้าทั้งหลาย ได้เห็นกาลามกตัวนี้กินลูกสูเจ้าอยู่

มาเถิดสูเจ้าทั้งหลายพวกเราจงจับมันไว้ แล้วให้ล้อมกานั้นไว้สั่งว่า ถ้าหากมันจะหนีไปไซร้ สูเจ้าทั้งหลายจงพากันจับมันไว้. แล้วได้กล่าวคาถาที่เหลือว่า :-

กาตัวนั้นไม่มีศีล สูเจ้าทั้งหลายจงรู้ไว้เถิด เพราะไม่รู้จึงพากันสรรเสริญมัน มันกินทั้งไข่ทั้งลูกอ่อน แล้วพูดว่า ธรรมๆ.
มันพูดอย่างหนึ่งด้วยวาจา แต่ทำอย่างหนึ่งด้วยกาย พูดแต่ปาก แต่ไม่ทำด้วยกาย ไม่ตั้งอยู่ในธรรมนั้น.

มันเป็นผู้อ่อนหวานทางวาจา แต่เป็นผู้มีใจร้ายกาจ คือปากปราศรัยหัวใจเชือดคอ มันเป็นผู้ยกธรรมขึ้นเป็นธงชัย ซ่อนตัวไว้ เหมือนงูเห่าหม้อ ซ่อนตัวอาศัยอยู่ในรูฉะนั้น กาตัวนี้ถูกสมมติว่าเป็นสัตว์ดี ในบ้านและนิคมทั้งหลาย คนโง่รู้ได้ยาก

สูเจ้าทั้งหลายจงใช้จะงอยปาก ปีกและเท้า จิกตีกาตัวนี้ สูเจ้าทั้งหลายจงให้กาชั่วช้าตัวนี้พินาศ กาตัวนี้ไม่ควรอยู่ร่วม.


ก็แล หัวหน้านกครั้นพูดอย่างนี้แล้ว ตนเองก็โดดขึ้นใช้จะงอยปากจิกหัวของกานั้น. นกที่เหลือก็พากันใช้จะงอยปากบ้าง เล็บบ้าง แข้งบ้าง ปีกบ้างจิกตี มันก็ถึงความสิ้นชีวิต ณ ที่นั้นนั่นเอง.

.......พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
กาโกหกในครั้งนั้น ได้มาเป็น ภิกษุผู้โกหก ในบัดนี้
ส่วนพระยานกได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.



ที่มา - 84000.org