ถ้าพบข้อผิดพลาดในเว็บไซด์ จะแนะนำและติชม หรือสอบถาม ติดต่อที่ WEBMASTER
 
VISITORS


     







Not logged in [Login ]
Go To Bottom
Printable Version | Subscribe | Add to Favourites  
[*] posted on 24/3/08 at 08:39 Reply With Quote

เพราะเหตุใด..จึงมี "บั้งไฟพญานาค" ในวันออกพรรษาทุกปี (ตอนที่ 13)


(Update 25 ก.ย. 51)

« | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
| 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | »


ตอนที่ 13

รายการ "สารคดีแม่น้ำโขง มหานทีแห่งชีวิต" ตอนที่ 1




สารคดีแม่น้ำโขง มหานทีแห่งชีวิต

ตอนที่ 1 สายธารแห่งสีสัน

ออกอากาศเมื่อ : 2008-05-05



เนื่องจากในขณะที่กำลังประมวลเรื่อง "บั้งไฟพญานาค" ปรากฏว่ามีข่าวพบ "รอยประหลาด" หลายแห่ง จึงได้นำเสนอเพื่อให้ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันที จะเป็นการบังเอิญหรือประจวบเหมาะอะไรเช่นนี้...

ชาวหนองบัวลำภูตื่น "รอยประหลาด" หลังน้ำลด


หนองบัวลำภู 24 ก.ย. 51
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจาก วัดจันทร์ประสิทธิ์ หมู่ 3 ต.หนองบัวใต้ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู พบว่ามีกลุ่มชาวบ้านแห่กันมาดู "รอยประหลาด" บริเวณพื้นคอนกรีตของศาลาเขมิโย ลักษณะเหมือนรอยของสัตว์เลื้อยคลาน ขนาดกว้างประมาณ 2 นิ้ว ยาวประมาณ 2 เมตร มีทั้งรอยเล็กและรอยใหญ่

ซึ่งพระครูประสิทธิธรรมโอภาส เจ้าอาวาสวัด กล่าวว่า ช่วงที่ลำพะเนียงเอ่อท่วมบริเวณวัดมานาน 1 สัปดาห์ และขณะน้ำเริ่มลดลงเกือบเป็นปกติ จึงออกมาเดินสำรวจความเสียหายรอบวัด ปรากฏว่าพบรอยดังกล่าวที่ศาลา และขณะจะไปเรียกให้พระลูกวัดมาทำความสะอาด แต่มีชาวบ้านมาเห็นก่อน ทำให้ข่าวแพร่สะพัดเร็วขึ้น แต่ละวันจะมีคนดูกันจำนวนมาก บางคนนำดอกไม้ธูปเทียนและตู้รับบริจาค เพราะเชื่อว่าเป็นรอยพญานาค ซึ่งเป็นเรื่องที่จะไปห้ามชาวบ้านคิดเช่นนั้นไม่ได้ แม้ยังพิสูจน์ไม่ชัดเจนว่าเป็นรอยอะไร.

(หมายเหตุ : นี่เป็นข่าวจาก สำนักข่าวไทย แต่ นสพ.เดลินิวส์ อ้างว่าพบรอยประหลาดคล้าย "รอยพญานาค" ข้างศาลาการเปรียญ ภายในวัดป่าบ้านสร้างเสี่ยน มีความยาวคล้ายเกล็ดงู มีความยาว 4 เมตร ไม่รู้ว่าวัดเดียวกันหรือไม่ ใครรู้ช่วยบอกด้วยเน้อ)

ที่มา - สำนักข่าวไทย และ นสพ.เดลินิวส์ 25 ก.ย. 51



หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ เล่าถึงพญานาคใน
ถ้ำเชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

".......ภายใน ถ้ำหลวง ที่ถ้ำเชียงดาว มีพญานาคอยู่ถ้ำดังกล่าวนี้ ต้องแยกขึ้นไปทางซ้ายมือ อยู่เหนือถ้ำหลวงเล็กน้อย พื้นถ้ำมีก้อนหินเป็นรูปกงจักรกับดอกบัว มีพญานาคเฝ้าอยู่ภายใต้แผ่นหินนี้
.......เวลามีพระเข้าไปภาวนาอยู่ภายในถ้ำนั้น ท่านแทบกระดุกกระดิกตัวไม่ได้เลย เป็นต้องถูกพญานาคกล่าวโทษทันที่ว่า สมณะอะไร ช่างไม่สำรวม คะนองกายเหมือนเด็กๆ
.......ถ้าเดินไปสะดุดเอาก้อนหินดังกรอกแกรก เขาก็จะกล่าวโทษว่า สมณะอะไร จะเดินจะเหิน ไม่สำรวมระวัง รีบไปรีบมาเหมือนม้าแข่ง ไม่ว่าพระจะทำอะไร ต้องสำรวมทุกอิริยาบถ ถึงอย่างนั้นก็ไม่วายจะถูกตำหนิติเตียน

พญานาคนี้มีอัธยาศัยชอบพอกับ พระมหาบุญ ถ้าพระมหาบุญเข้าไปอยู่ในถ้ำนั้น ไม่ว่าท่านจะทำอะไร เช่น ทำเสียงกระแอมกระไอ เดินเสียงดัง ทำก้อนหินหล่น เธอก็เฉย ไม่แสดงกิริยาอะไรต่อต้าน เพราะมีจริตเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ไม่มีพระองค์ใด เข้าไปอยู่ในถ้ำนั้นได้นาน เพราะในถ้ำมีช่องให้อากาศเช้าไปทางเดียว คือทางปากถ้ำ เมื่อพระเข้าไปอยู่ข้างในแล้วปิดประตู อากาศภายนอกแทบเข้าไปไม่ได้เลย ทำให้อึดอัด หายใจไม่สะดวก ยกเว้น หลวงปู่มั่น องค์เดียว ที่ท่านเข้าไปอยู่ในถ้ำนั้นได้นานเป็นวันๆ

หลวงปู่มั่น เคยเทศน์แนะนำพญานาค แต่เธอไม่ยอมรับคำแนะนำ เพราะยังอาลัยอัตภาพปัจจุบันของตนอยู่ ในที่สุดท่านเห็นว่า เข้าไปทำความรำคาญให้แก่เธอ จึงไม่เข้าไปในถ้ำนั้นอีกเลย ที่ถ้ำพญานาคนี้ หลวงปู่แหวน เข้าไปอยู่ ๑ วัน หลวงปู่ตื้อ เข้าไปอยู่ ๓ วัน แต่ละองค์ที่เข้าไปอยู่ ต่างถูกพญานาคตำหนิกล่าวโทษเอาทั้งสิ้น พระท่านอยู่ไม่ได้เพราะส่งจิตออกไปดูทีไร เห็น พญานาคคอยจ้องหาเรื่องตำหนิพระอยู่ตลอดเวลา

เมื่อพระต่างองค์ต่างเห็นว่า ถ้าเข้าไปแล้วจะทำให้พญานาคสร้างบาปหนักเข้าไปอีก จึงได้ช่วยเหลือเธอโดยการไม่เข้าไปรบกวนในที่อยู่ของเธออีกต่อไป

หลวงปู่แหวน ท่านท่องเที่ยวธุดงค์อยู่ตามป่าเขาลำเนาไพรอยู่นานกว่า ๕๐ ปี ประชาชนทั่ว ไปจึงไม่รู้จักท่าน เพิ่งจะมาได้ข่าวคราวและรู้จักหลวงปู่ ก็ประมาณปลายปี ๒๕๑๖ เมื่อหนังสือพิมพ์นำประวัติและเรื่องราวอภินิหารต่างๆ ของหลวงปู่มาเผยแพร่

ในหนังสือ พระธาตุปาฎิหาริย์ ของนิตยสารโลกทิพย์ ได้นำลงเรื่องคำบอกเล่าของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี เกี่ยวกับเรื่องราวของหลวงปู่แหวน ตอนที่ท่านเริ่มดัง

" หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าว่า มีทหารอากาศ ขับเครื่องบินเหาะข้ามวัดดอยแม่ปั๋งไป นักบิน คนนั้นตกใจจนหูตาเหลือก เพราะพบหลวงปู่ผู้เฒ่านั่งอยู่บนก้อนเมฆขวางทางบินอยู่ ต้องรีบบังคับเครื่องหลบ ตาลีตาเหลือก ขาบินกลับก็พบหลวงปู่องค์เดิมอยู่บนก้อนเมฆอีก

เมื่อนำเครื่องบินร่อนลงสนามแล้ว นักบินนายนั้นได้ไปกราบนมัสการ เจ้าคณะเชียงใหม่ เรียนถามว่า ที่เชียงใหม่มีพระ องค์ไหนดีบ้าง ที่มีปาฎิหาริย์พิเศษ เจ้าคณะจังหวัดบอกว่า เห็นมีอยู่องค์หนึ่ง คือ หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง หรือดอยสีม่วง (ปั๋ง ภาษาเหนือแปลว่า สีม่วง) แม่ปั๋ง เพื่อที่จะพิสูจน์ดูให้เห็นกับตา เมื่อไปถึงวัดก็พบว่า มีผู้คนมากมายจากสารทิศต่างๆ มารอพบหลวงปู่แหวน เต็มวัดไปหมด

ปกติหลวงปู่แหวน ไม่ยอมออกมาพบปะผู้ใดง่ายๆ แม้แต่งานฉลองอายุครบรอบของท่าน ที่คณะศิษย์ยานุศิษย์ตลอดจนผู้ที่เคารพเลื่อมใส จากทั่วทุกสารทิศ หลั่งไหลไปจัดงานขึ้น ผู้คนแน่นวัด มืดฟ้ามัวดิน รถราจอดเต็มดอยไปหมด หลวงปู่แหวนก็ไม่ยอมออกมาจากห้องให้สรงน้ำ หรือให้กราบสักการะ แจกของชำร่วย อย่างงานวันเกิดของพระเถระอื่นๆ

หลวงปู่แหวนยังคงเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง และหนีคนอย่างอุปนิสัยแต่เดิมของท่าน ท่านจะออกมาจากห้องเป็นปกติ ก็เฉพาะเวลาฉันจังหันเช้า และเจริญพระพุทธมนต์ค่ำเท่านั้น

ทหารอากาศนายคนนี้ไปตอนเช้า พอได้เวลาหลวงปู่แหวน อออกจากห้องมาฉันอาหารเช้า ก็จ้องมองด้วยความตะลึง จำได้ทันทีว่า พระผู้เฒ่าองค์นี้จริงๆ ที่เขาพบบนก้อนเมฆขณะขับ เครื่องบินผ่านดอยแม่ปั๋งไป

เขาจึงแหวกผู้คนเช้าไปกราบนมัสการแทบเท้าหลวงปู่แหวน ด้วยความเคารพเลื่อมใส อย่างสูงสุด น้ำตาไหล ปลาบปลื้มใจ ตื้นตันใจ ที่ตนได้มีบุญได้พบเห็นตัวจริงของหลวงปู่แหวน"

นี่แหละครับ เป็นเหตุการณ์หนึ่ง ที่ทำให้ผู้คนทั่วทุกสารทิศ หลั่งไหลมากราบหลวงปู่แหวน แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง ทำให้ท่านเป็นพระดังแห่งยุค

ที่มา - เว็บ eamulet.com



พญาอตุลนาคราชโพธิสัตว์


".......ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์ (พระโคดมพระพุทธเจ้า) ทรงกระทำอภินิหารในสำนักพระพุทธเจ้า 24 พระองค์ อันมีท่าน พระทีปังกรพุทธเจ้า มาถึง 4 อสงไขยกัปป์ แสนกัปป์ (1 อสงไขยกับป์ ไม่อาจรู้ได้ แต่ก็มีผู้ทรงคุณวุฒิคำนวนไว้ว่าประมาณ 1344 ล้านปีมนุษย์)

.........และมีคำพยากรณ์ในสำนักพระพุทธเจ้า 24 พระองค์ จะบังเกิดเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตจึงทรงบำเพ็ญบารมีอยู่ในธรรม ที่ทำความเป็นพระพุทธเจ้า 10 ประการ (พุทธการกธรรม) ตลอดมา สรุปโดยย่อดังนี้

.........พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลายเกิดเป็น พญานาค นามว่า อตุละ มีฤทธานุภาพมาก มีหมู่นาคทั้งหลายเป็นบริวาร ได้ทราบว่าพระบรมศาสดาอุบัติขึ้น ปรารถนาจักกระทำการสักการะ จึงให้สร้างโรงพิธีด้วยแก้ว ๗ ประการ นิมนต์พระภิกษุสงฆ์ มี พระวิปัสสีพุทธเจ้า เป็นประธาน ถวายทิพยสมบัติเป็นมหาทานอันควรแก่ศรัทธาตลอด ๗ วัน

แล้วได้ถวายตั่งทองคำประดับด้วยรัตนะทั้งปวง รุ่งเรืองด้วยประกายโชติช่วงแห่งแสงแก้วมณี แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว บำเพ็ญเพียรยิ่งขึ้นเพื่อให้บารมี ๑๐ บริบูรณ์ เมื่อสิ้นอายุไปบังเกิดในเทวโลก

สมัยพุทธกาล
พระพุทธเจ้าทรงปราบพญานาค

และมีเรื่องเล่าไว้ในพระไตรปิฎก (มหาวรรค) ว่า ครั้งหนึ่งพระพุทธองค์เสด็จไปโปรดชฎิล 3 พี่น้อง ที่ตำบลอุรุเวลา ทั้งใจดีและดุร้าย คือ อุรุเวลากัสสป, นทีกัสสป และ คยากัสสป ซึ่งชฎิลทั้ง 3 นี้ มิได้รู้จักพระพุทธองค์ ไม่ได้นับถือพระพุทธองค์ แต่พวกเขานับถือบูชาพญานาคมาช้านาน

พญานาคที่ชฎิล 3 พี่น้องนับถือบูชาก็ไม่รู้จักและนับถือพระพุทธองค์เช่นกัน พุทธองค์ทรงขอเข้าพำนักในโรงบูชาไฟของพวกตนมีพญานาคดุร้ายอาศัยอยู่ พระพุทธองค์หาได้หวั่นเกรงไม่

พญานาคเห็นพระพุทธองค์เข้ามาก็ไม่พอใจ จนในที่สุดแสดงฤทธิ์สู้กัน แต่ก็พ่ายแพ้ต่อพระพุทธองค์ ถึงกับถูกพระพุทธองค์จับพญานาคนั้นขดไว้ในบาตร และทรงแสดงแก่ชฎิลทั้ง 3 ว่า
“ดูกร..กัสสป นี่พญานาคของท่าน เราครอบงำเดชของมันด้วยเดชของเราแล้ว”
หลังจากนั้น ทรงแสดงปาฏิหาริย์หลายอย่างจนคลายทิฐิมานะของชฎิลทั้ง 3 ได้ และสุดท้ายชฎิล 3 พี่น้อง ได้ขอบวชพร้อมทั้งบริวารหลายร้อยคน

เรื่องพญานาคเกเรที่ปรากฏในพระไตรปิฎกเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าพญานาคนั้นมีอยู่แล้ว และเป็นพญานาคที่ไม่รู้จักพุทธศาสนาอีกด้วย พญานาคทั้งปวงจะเลื่อมใสศรัทธา และกลายเป็นผู้พิทักษ์พระศาสนานั้นไม่ง่ายเลย เดชานุภาพ คุณานุภาพของพระพุทธองค์มีเป็นล้นพ้น เมื่อพญานาคหันหน้าสู่พุทธศาสนาแล้ว พญานาคก็อยู่คู่กับพุทธศาสนาตลอดมา และยังเป็นผู้เลื่อมใสในภารกิจพิทักษ์พระศาสนาที่ไม่เคยคลอนแคลนศรัทธา.

ที่มา - เว็บ plapak.net

((( โปรดติดตามตอน หลวงปู่มั่นกับพญานาค )))

« | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
| 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | »



webmaster
Super Administrator
*********
Posts: 2041
Registered: 8/1/08
Member Is Offline
View User's Profile View All Posts By User U2U Member

Go To Top
 

"เว็บตามรอยพระพุทธบาท" ได้รับลิขสิทธิ์จาก พระอาจาย์ชัยวัฒน์ อชิโต เพื่อเผยแพร่รูปภาพและข้อมูล
จาก "หนังสือตามรอยพระพุทธบาท" จึงขอสงวนลิขสิทธิ์ตาม
พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.๒๕๓๗ และพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐
ห้ามคัดลอกข้อมูล, ภาพ, เสียง ออกไปเผยแพร่ หรือนำไปโพสในเว็บใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตเสียก่อน

เว็บไซต์นี้แสดงผลได้ดีกับโปรแกรม Internet Explorer, Window Media V.9, Flash Player ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 768 pixels ความเร็วอินเตอร์เน็ต 1 Mbps. ขึ้นไป

ถ้าพบข้อผิดพลาดใดๆ หากจะแนะนำ หรือติชม และสอบถาม ติดต่อ "ทีมงานเว็บตามรอยพระพุทธบาท"
เริ่มเปิดเว็บไซด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

Copyright @ 2008 tamroiphrabuddhabat.com All rights reserved