เพราะเหตุใด..จึงมี "บั้งไฟพญานาค" ในวันออกพรรษาทุกปี (ตอนที่ 4)
webmaster - 12/2/08 at 11:00
(Update 15 ก.ย. 51)
ตอนที่ 4
พญานาคที่วัดพระธาตุพนม
.......ในอดีตเมื่อหลายสิบปีก่อน
มีหนังสือเล่มหนึ่งออกมาแพร่หลาย ชื่อว่า พญานาค ๗ องค์ที่ วัดพระธาตุพนม เล่าเรื่องการมาเข้าทรงในร่างสามเณร แล้วสามารถรักษาโรคต่างๆ
ได้ ทั้งที่สมัยนั้นอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม ท่านก็มีความรู้เป็นมหาเปรียญ คือมีทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิ ควรที่จะน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง
จึงอยากจะนำเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังโดยย่อว่า
........สมัยที่ท่านหลวงพ่อเจ้าคุณ พระธรรมราชานุวัตร (แก้ว กนฺโตภาโส ป.ธ. ๖ , น.ธ.เอก ) เป็นเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร
(พ.ศ.๒๔๘๐-๒๕๓๒ ) ท่านได้ประสบกับสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ท่านถึงกับกล่าวว่า
ฉันเป็นคนชอบค้นคว้า และพิสูจน์เรื่องลึกลับต่าง ๆ อยู่เสมอ ไม่ค่อยจะเชื่ออะไรง่าย ๆ แต่เรื่องพญานาคทั้งเจ็ดองค์เข้าทรงที่วัดนี้นะ
เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากอยู่ทีเดียว ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้น เป็นเรื่องของส่วนบุคคล
สำหรับเรื่องพญานาคนี้ เกิดขึ้นภายหลังจากที่ท่านได้ตั้งสำนักวิปัสสนากรรมฐานขึ้นได้ ๑ ปี เหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณตี ๒ เดือน ๑๑ ขึ้น ๕ ค่ำ
พ.ศ. ๒๕๐๐ คืนนั้นฝนตกหนักครึ่งชั่วโมง แล้วตกพรำ ๆ มาอีกกว่า ๒๐ นาที ขณะที่ฝนตกฟ้าร้องดังสนั่นแผ่นดินสะเทือน นายไกฮวด
ชาวธาตุพนมได้ออกมารองน้ำฝนที่หน้าร้านของตน เห็นแสงประหลาดเป็นลำงามโตเท่าลำต้นตาลขนาดใหญ่มีสีต่าง ๆ กันถึงเจ็ดสี
พุ่งแหวกอากาศแข่งกันเป็นลำยาวหลายเส้น จากทางด้านทิศเหนือ มองเห็นได้แต่ไกล จึงได้ร้องเอะอะเรียกภรรยามาดูแสงสีงามประหลาด หน้าสะพรึงกลัวขนหัวลุกนั่น
พอมาถึงหน้าซุ้มประตูแสงนั้นก็หายเข้าไปในองค์พระธาตุพนม โดยที่ไม่ได้ตาฝาดไปเอง
(หมายเหตุ) : เกี่ยวกับพิธีบูชาพญานาคของวัดพระธาตุพนมนั้น แต่เดิมไม่มี เพิ่งจะมีขึ้นครั้งแรกในปี 2501 คือ ปีรุ่งขึ้นหลังจาก
นายไกฮวด เห็นลำแสงประหลาด (พ.ศ. 2500) และก็มีต่อมาเป็นประจำทุกปีจนปัจจุบันนี้ (พิธีจัดในวันออกพรรษา เรียกว่า วันสัตตนาคา)
ในการจัดพิธีบูชาพญานาคครั้งแรกในปี 2501 นั้น ก็มีผู้ได้เห็นลำแสงประหลาดอีกครั้งหนึ่ง ดังบทสัมภาษณ์ นายสมบูรณ์ ตั้งไพบูลย์ ต่อไปนี้
วันจัดงานครั้งแรก 2501 นั้น ฉันเห็นแถบสีขึ้นมา 7 สี พาดอยู่บนท้องฟ้า เกิดขึ้นตอนกลางคืนก่อนเวลาตีสอง
ฉันไหว้พระไหว้อะไรแล้วก็ออกไปเดินยืดแข้งยืดขาอยู่ในลานพระธาตุ (เดินจงกรม) มีเพื่อนออกมาด้วยคนหนึ่ง เพื่อนบอกว่า ดูโน่นแน่ะบนฟ้า
ฉันเงยหน้าดูเห็นเป็นริ้วๆ 7 สี จะว่ารุ้งกินน้ำก็ไม่ใช่ อะไรจะมีรุ้งตอนกลางคืน ริ้วของสี 7 สี เกิดขึ้นนานพอสมควร
จนพอจะเรียกคนอื่นมาดูด้วยกันได้อีกหลายคน ฉันก็เลยนั่งลงยกมือไหว้ (ที่มา - เว็บ suankhung.com)
ต่อมาอีกสองวัน คือวันขึ้น ๗ ค่ำ เดือนเดียวกัน ท่านพ่อพระธรรมราชานุวัตรได้ให้ สามเณรทรัพย์ นั่งทางในตรวจดูเหตุการณ์ว่า
แสงประหลาดเจ็ดสีเท่าลำต้นตาล ที่นายไกฮวดเห็นเข้ามาในวัดนี้มีความจริงเท็จแค่ไหน สามเณรทรัพย์เจ้าฌานสมาธิอยู่คู่หนึ่ง
ก็เข้าไปพบพญานาคราชทั้งเจ็ดเรียงกันเป็นแถวอยู่บริเวณลานพระธาตุพนม ลำตัวโตใหญ่เท่าลำต้นตาล มีหงอนแดงน่าสะพรึงกลัวสยองพองหัวเหลือที่จะกล่าว
สามเณรทรัพย์ยืนงงงันอยู่ด้วยความประหลาดใจ พลันประเดี๋ยวเดียวพญานาคทั้ง ๗ ได้กลับกลายเป็นมาณพ ๗ ชาย ทรงเครื่องขาวเรียงกันเป็นแถวอยู่ที่เดิม
จะว่าก้มมิใช่ ยืนก็มิใช่ อากัปกิริยาอยู่ระหว่างยืนกับก้ม สามเณรทรัพย์สนเท่ห์ใจงงจนพูดอะไรไม่ออก ทันใดมาณพผู้เป็นหัวหน้าได้ร้องถามว่า
พ่อเณรมีธุระอะไร อย่ากลัวจงบอกมา สามเณรยืนงงอยู่มิได้ตอบว่ากะไร ตั้งใจจะกลับกุฏิ
พญานาคผู้เป็นหัวหน้าได้พูดขึ้นอีกว่า พ่อเณรจะกลับแล้วหรือยัง ขอไปด้วย จะไปสนทนากับท่านเจ้าคุณ พอขาดคำก็เข้าประทับร่างสามเณรทรัพย์
ทันทีด้วยจิตอำนาจที่เหนือกว่า สามเณรทรัพย์พลันหมดความรู้สึกวูบไปทันที สักครู่ก็หันมายกมือไหว้ ท่านพ่อพระธรรมราชานุวัตร พร้อมกับพูดว่า
สวัสดีท่านเจ้าคุณ หม่อมฉันมาสองคืนแล้วมิรู้หรือ ท่านพ่อฯ รู้สึกแปลกใจและสงสัยจึงถามว่า ท่านเป็นใคร ? มาจากไหน ? เสียงประทับทรงตอบว่า
พวกหม่อมฉันเป็นพญานาคราช มาจากสระอโนดาตในเทือกเขาหิมาลัย มีนามตามลำดับเป็นมงคลตามอริยทรัพย์อันประเสริฐ คือ ๑.
พญาสัทโทนาคราชเจ้า เป็นประธาน ๒. พญาศีลวุฒินาโค ๓. พญาหิริวุฒนาโค ๔. พญาโอตตัปปะวุฒนาโค ๕. พญาสัจจะวุฒินาโค ๖. พญาจาคะวุฒนาโค
๗. พญาปัญญาเตชะวุฒนาโค
หม่อมฉันทั้งเจ็ดได้รับบัญชาจากพระอินทราธิราชเจ้าให้มารักษาพระอุรังคธาตุ
พวกเทพยดาที่รักษาองค์พระธาตุอยู่ก่อนนิสัยไม่ดีอาศัยกินสินบนและเครื่องเซ่นสรวงของชาวบ้าน พวกหม่อมฉันไม่ต้องการอามิสสินจ้างรางวัลของเซ่นสรวงใดๆ
ทั้งนั้นขอแต่น้ำบูชาถวายเดียวก็พอใจแล้วจะอยู่รักษาองค์พระธาตุไปจนกว่าจะหมดสิ้นศาสนาพระสมณโคดม
ท่านพ่อฯ ได้ซักถามเรื่องราวต่าง ๆ อีกหลายประการ แต่ยังไม่ปลงใจเชื่อแต่อย่างใด ต่อมาพญานาคก็เข้าประทับทรงสามเณรทรัพย์เรื่อย ๆ เป็นต้นว่า
แสดงธรรมสั่งสอนเมื่อทางวัดมีเรื่องเดือดร้อนก็บอกได้ล่วงหน้าอย่างแม่นยำ และแนะแนวทางแก้ไข ท่านพ่อฯ
เริ่มเอาใจใส่อยากจะพิสูจน์เห็นแจ้งจึงได้ให้พระวิปัสสนาธุระในวัดนั่งทางในตรวจสอบด้วย ตาญาณ ในขณะที่พญานาคเข้าประทับทรงร่างของสามเณรทรัพย์
ครั้นแล้วก็ได้พบมาณพรูปงามแต่งองค์ทรงเครื่องคล้ายเจ้าฟ้ามหากษัตรย์ จำนวน ๗ องค์ ปรากฏร่างทิพย์มีรัศมีกายสีสันสวยงามต่าง ๆ กันเช่น สีน้ำเงิน
สีเขียวนิล สีเขียวอ่อน สีเหลือง สีชมพู สีแสด และสีขาว องค์ที่กำลังเข้าประทับทรงสามเณรทรัพย์เป็นสง่าหาได้แทรกซ้อนอยู่ในร่างคนทรงแต่อย่างใดไม่
พระวิปัสสนาธุระรู้สึกประหลาดใจ ได้ไต่ถามทักทายทางในโดยไม่ผ่านทางร่างของสามเณรทรัพย์ ท่านทั้งเจ็ดองค์เป็นใคร ? มาจากไหน ? มีนามว่าอะไร ?
ร่างทิพย์ที่มีกายสีน้ำเงินตอบไพเราะเปี่ยมเมตตาว่า หม่อมฉันมีนามว่าพญาสัทโทนาคราชเจ้า เป็นหัวหน้า หรือประธานหมู่คณะ
องค์ถัดไปที่มีสีเขียวนิลคือ พญาศีลวุฒินาโค องค์สีเขียวอ่อนคือ พญาหิริวุฒินาโค องค์สีเหลืองคือ พญาโอตตัปปะวุฒินาโค องค์สีชมพูคือ
พญาพาหุสัจจะวุฒินาโค องค์สีแสดคือ พญาจาคะวุฒินาโค องค์สีขาวคือ พญาปัญญาเตชะวุฒินาโค มาจากสระอโนดาตในเทือกเขาหิมาลัย
พระอินทราธิราชเจ้า บนสวรรค์ทรงมีบัญชาให้มาเฝ้ารักษาองค์พระธาตุพนม
พระวิปัสสนาธุระจึงเข้ามากระซิบที่หูท่านพ่อฯ แล้วบอกว่าลองสอบถามสามเณรทรัพย์ดัง ๆ เพื่อให้ได้ยินกันทั่ว ๆ
ในหมู่ผู้เข้าสังเกตการณ์ในวันนั้นจำนวนมากว่า ท่านเป็นใคร? มาจากไหน ? มีนามว่าอะไร ?
ปรากฏว่าสามเณรทรัพย์ที่ถูกประทับทรงตอบได้ถูกต้องตรงกันกับที่พระวิปัสสนาจารย์ได้ไต่ถามทุกประการ เป็นที่น่าพอใจของท่านพ่อฯ มาก
และเริ่มจะเชื่อมาบ้างแล้ว จึงได้สอบถามต่อไปอีกว่า
พระองค์เป็นพญานาคราชเจ้ามาปรากฏในที่นี้ เหตุไฉนจึงแปลงร่างเป็นเทพบุตรมา จะให้เชื่อได้อย่างไรว่าเป็นพญานาคราชจริง
ร่างสามเณรที่ประทับทรงหัวเราะน้อย ๆ ก่อนตอบว่า
ที่ไม่ปรากฏกายเป็นพญานาคมาก็เปรียบเสมือนคนเราได้เห็นผ้าขาดย่อมจะไม่สวยงามตา อันว่าสภาพร่างกายของพญานาคนั้น
ย่อมจะเป็นที่น่าสะพรึงกลัวไม่งามตาสำหรับมนุษย์มิใช่หรือท่านเจ้าคุณ ท่านพ่อฯ พอใจในคำตอบอันคมคายนี้ แล้วได้ถามต่อไปว่า
พระองค์เฝ้ารักษาองค์พระธาตุพนมนี้ เฝ้าอย่างไร?
พญานาคราชตอบว่า หม่อมฉันพญาสัทโทนาคราชเจ้า รักษาองค์พระธาตุพนมด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พญาศีลวุฒินาโคและพญาหิริวุฒินาโค
รักษาด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ พญาโอตตัปปะวุฒินาโคและพญาพาหุสัจจะวุฒินาโครักษาด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้
พญาจาคะวุฒินาโคและพญาปัญญาเตชะวุฒินาโครักษาด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
พระองค์ทรงอยู่กินหลับนอนอย่างไร ท่านพ่อถามต่ออีก
พวกหม่อมฉันมีทิพยวิมานอยู่ใต้องค์พระธาตุนี้เอง จะเรียกว่าอยู่ใต้บาดาลก็ได้ เป็นทิพยวิมานที่สวยงามมาก มีสระน้ำ มีสวนดอกไม้ มีภูเขาเงิน
ภูเขาทอง ว่าง ๆ นิมนต์ท่านเจ้าคุณลงไปชะโงกมองดูก็ได้ ผู้มีสมาธิทางสมถวิปัสสนาได้สมาธิแก่กล้าดับพละได้แม้เพียงห้านาที
ก็สามารถจะเห็นพวกหม่อมฉันได้ทางฌาณ ท่านเจ้าคุณก็ดับพละได้มิใช่หรือ ? ร่างทรงสามเณรตอบ
ท่านพ่อถามต่อไปอีกว่า พระองค์จะให้หม่อมฉันเข้าใจว่า ที่พระธาตุพนมนี้เป็นสวรรค์ชั้นฟ้าชั้นจาตุมหาราชิกากระนั้นหรือ
ถูกต้องแล้ว เมื่อสร้างองค์พระธาตุพนมเสร็จพญาทั้ง ๕ นคร ผู้สร้างได้กลับบ้านกลับเมือง และพระมหากัสสปะเถระเจ้าพร้อมด้วยพระอรหันต์ทั้งห้าร้อยองค์
ได้เสด็จกลับชมพูทวีปด้วยอธิษฐานจิตวิญญาณแล้ว พระอินทราธิราชเจ้า
ได้ทรงแต่งตั้งให้เทวดามีชื่อเป็นหัวหน้าพากันอยู่ปกปักรักษาองค์พระธาตุพนมพร้อมบริวารจำนวนสี่พันหกพระองค์ และมเหศักดิ์หลักเมืองอีกสามพระองค์
เมื่อที่ไหนมีเทพยดามาสิงสถิตอยู่ ที่นั่นจะต้องมีสวรรค์วิมานสำหรับให้เทพยดาอยู่เป็นธรรมดา
เมื่อพวกหม่อมฉันมาถึงที่นี่เพื่อรับหน้าที่แทน ได้ขับเทพยาดาเหล่านั้นไปหมดแล้ว
สภาวะทิพย์หรือปราสาทวิมานสวรรค์ชั้นฟ้าของพวกเทพยดาก็สลายไปโดยอัตโนมัติ คือ ว่าสภาวะทิพย์ของเทพยดาทั้งหลายย่อมเกิดขึ้นด้วยบุพฤทธิ์
ไม่ใช่มีขึ้นอยู่ก่อนแล้ว อย่างพวกหม่อมฉันนี้ พอมาถึงที่นี่สภาวะทิพย์ด้วยบุพฤทธิ์ก็เนรมิตทิพย์วิมานใต้บาดาลอยู่ภายใต้องค์พระธาตุพนมให้เลยทีเดียว
พญาสัทโทนาคราชเจ้า ทรงให้อรรถาธิบายผ่านร่างทรง ท่านพ่อฯ พอใจมากจึงถามต่อไปอีกว่า
........พระองค์เป็นพญานาคราชเจ้าอยู่ในบาดาลหรือใต้ดินนี้หายใจได้อย่างไร?
........ทารกในครรภ์มารดาหายใจได้ ตัวด้วงในไม้หายใจได้ ไส้เดือนในดินหายใจได้อย่างไร หม่อมฉันก็หายใจได้อย่างนั้นดุจเดียวกัน ร่างทรงตอบ
.........ท่านพ่อถามต่อไปว่า สามเณรทรัพย์ผู้นี้มีศีลบริสุทธิ์ มีฌานสมาธิแก่กล้า ขณะเข้าฌานตรวจสอบในวันแรก ได้พบพระองค์ที่ลานพระธาตุนั้น
เหตุไฉนพระองค์จึงเข้าประทับทรงร่างสามเณรผู้กำลังอยู่ในฌานได้ หม่อมฉันสงสัย
.........ผู้มีฌานแก่กล้า มีศีลบริสุทธิ์อย่างสามเณรน้อยรูปนี้ วิญญาณผีปิศาจเข้าสิงเข้าทรงไม่ได้หรอก แต่สำหรับวิญญาณชั้นสูงคือ เทพพรหมแล้วละก็
สามารถจะเข้าประทับทรงได้ด้วยสาเหตุสองประการ คือ หนึ่งเข้าเพราะมีกรรมเก่าพัวพันมาก่อนในอดีตชาติ สองเข้าเพื่อเจตนาจะมาสร้างกุศลผลบุญ
ทำความดีไว้ในโลกมนุษย์
หม่อมฉันเข้าประทับทรงสามเณรน้อยรูปนี้ก็ด้วยเหตุประการหลัง คือ ต้องการติดต่อกับท่านเจ้าคุณ เพื่อแจ้งประสงค์ให้ทราบว่า พวกหม่อมฉันทั้ง ๗ นี้
นอกจากจะมีหน้าที่รักษาองค์พระธาตุพนมแล้ว ยังมีจิตเมตตาใคร่ที่จะช่วยบำบัดทุกข์ทั้งกายและทางใจให้แก่มนุษย์ทุกเพศทุกวัยไม่เลือกชาติไม่เลือกศาสนา
ร่างทรงกล่าว
พระองค์จะให้หม่อมฉันช่วยอะไรบ้าง ท่านพ่อฯ ถาม
ท่านเจ้าคุณจะต้องเป็นประธานในการประทับทรงทุกครั้งไป ผู้ที่จะเป็นร่างทรงคือสามเณรหรือแม่ชีผู้มีศีลบริสุทธิ์เท่านั้น ฆราวาสไม่เอา
ประชาชนที่จะมาบำบัดทุกข์ทั้งกายและใจนี้จะต้องทำบัญชีรายชื่อไว้เป็นหลักฐาน เหมือนทะเบียนประวัติคนไข้ตามโรงพยาบาล
แล้วจากนั้นนำคนมีทุกข์ที่ได้ลงชื่อเสียงเรียงนามแล้วมาให้หม่อมฉันตรวจสอบอาการดูว่า เขาเจ็บไข้ได้ป่วยอะไรกันแน่ ถ้าเป็นโรคภัยไข้เจ็บทางกาย
ก็จะได้สั่งยาให้กิน เช่นยาไทย ยาจิต ยาฝรั่ง หรือสมุนไพรที่มีอยู่ตามเรือกสวนไร่นา
แต่ถ้าเป็นประเภทโรคจิตฟั่นเฟือน มึนซึมกระทือ เป็นบ้าใบ้ เสียจริต มึนงงหลงใหล หวาดกลัวร้องไห้ หัวเราะ ใจคอหงุดหงิด จิตไม่เที่ยง
ฝันร้ายนอนสะดุ้งคิดมาก ปวดหัวมัวตานาน ๆ ต้องคุณผี คุณคนทำ ผีเข้าเจ้าสิง เป็นโรคลมต่าง ๆ ไข้หนาว ๆ ร้อน ๆ เจ็บท้อง เจ็บหน้าอก ง่อยเปลี้ยเสียขา
ตามืดบอด ปวดหลังปวดเอว สัตว์พิษกัดต่อย อะไรเหล่านี้ จะต้องรักษากันด้วยน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์และจิตอำนาจเทวฤทธิ์ พญานาคราช กล่าว
สาธุ..เป็นพระมหากรุณาของพระองค์ยิ่งล้นพ้น ที่ทรงมีจิตคิดเมตตาต่อมนุษย์ผู้มีทุกข์ทั้งหลายในโลกนี้
หม่อมฉันพร้อมแล้วที่จะปฏิบัติตามประสงค์ทุกประการ
ท่านพ่อฯ กล่าวด้วยบังเกิดความเชื่อมั่นแน่แล้วว่าวิญญาณที่ประทับทรงร่างสามเณรทรัพย์นี้ คือ พญานาคราชเจ้าผู้มีอิทธิฤทธิ์บารมีในทางสัมมาทิฎฐิ
เป็นเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ รับบัญชาการจากพระอินทราธิราช
พระองค์ต้องการจะให้มีเครื่องเซ่นสรวงบูชาอะไรบ้างหรือเปล่า
เครื่องเซ่นสรวงบูชาไม่เอา ขายหน้าชาวต่างชาติต่างศาสนาเขา ทำให้พระพุทธศาสนามัวหมอง หม่อมฉันขอน้ำเปล่าสักถ้วยหนึ่งก็พอแล้ว
ด้วยว่าน้ำนี้เป็นสภาวะของพวกนาคราช คือ ต้องอาศัยน้ำเป็นสื่อปัจจัยถ้าใครผู้ใดมีจิตรำลึกถึงต้องการจะติดต่อด้วยกับหม่อมฉันก็ขอให้ตั้งถ้วยน้ำขึ้น
แล้วลอยด้วยดอกมะลิหอม จุดธูปเจ็ดดอก กล่าวอัญเชิญก็จะสามารถส่งกระแสจิตติดต่อกันได้ทันที พญาสัทโทนาคราชเจ้ากล่าว
นี้คือค้นเหตุความเป็นมาแรกเริ่มเดิมที่จะจัดให้มีการประทับร่างทรงพญานาคทั้ง ๗ องค์ขึ้นที่วัดพระธาตุพนม ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นต้นมา
ท่านพ่อพระธรรมราชานุวัตรได้กล่าวอยู่เสมอว่า พระมหาเจดีย์พระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์ เก่าแก่อายุกว่า ๒๕๐๐ ปี
องค์นี้เป็นที่รวมชีวิตจิตใจของชาวภาคอีสานและพี่น้องฝั่งลาวทั่วประเทศ
เวลามีงานเทศกาลประจำปี จะมีพุทธศาสนิกชนทั้งสองฟากฝั่งแม่น้ำโขงมานมัสการเป็นแสน ๆ มีจำนวนไม่น้อยที่มาขอน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ของพญานาคทั้ง ๗ ไปกิน
ไปทารักษาโรคภัยไข้เจ็บจนหายเป็นปกติดีเป็นที่เรื่องลือในเรื่องความมหัศจรรย์ บ้างก็มาขอหยูกยา บ้างก็มาขออาบน้ำมนต์
บ้างก็มาขอบูชาพระเครื่องที่พญานาคทั้ง ๗ ปลุกเสก
ให้เอาน้ำใสสะอาดใส่ เอาผ้าขาวสะอาดหุ้มปากให้แน่นแล้วยกเข้าไปตั้งไว้ติดโคนฐานองค์พระธาตุพนมภายในกำแพงแก้ว เก็บไว้ในที่นั้นอย่างน้อยหนึ่งคืน
เพื่อให้ท่านเสกคาถาเทวฤทธิ์ วันรุ่งขึ้นก็เอาออกมาใส่หม้อน้ำมนต์ที่อยู่ในกุฏิของท่าน เมื่อใครเป็นอะไรให้มาขอก็ให้ไป
สำหรับไหพระธาตุนี้ เมื่อคราวพระธาตุพนมพังทลายปี ๒๕๑๘ ไหน้ำมนต์พระธาตุตั้งอยู่ในบริเวณกำแพงแก้วชั้นที่ ๒ ห่างจากองค์พระธาตุพนมประมาณ ๓ เมตร
อยู่ในท่ามกลางอิฐซึ่งพังลงมาทับถมอยู่รอบ ๆ ไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย ยังคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์เช่นเดิม
นอกจากการเสกน้ำมนต์รักษาคนไข้แล้ว พญานาคราชเจ้าที่ประทับทรงสามเณรยังรักษาคนที่ป่วยเป็นนิ่วให้ด้วยโดยการใช้พลังเทวอำนาจสูบนิ่วออกมาให้เห็นกับตา
คนป่วยเป็นพันรายหายจากการทรมานจากโรคนิ่วโดยวิธีนี้
วิธีการรักษาก็คือ ขั้นแรกจะต้องทำพิธีอัญเชิญพญานาคราชเจ้าทั้ง ๗ องค์มาชุมนุมเสียก่อน
ต่อจากนั้นสามเณรก็จะเข้าสมาธิจิตติดต่อเข้าเฝ้าพญานาคราชเจ้าทั้งเจ็ด ตอนนี้เองพญานาคราชองค์ใดองค์หนึ่งจะเข้าประทับทรงร่างสามเณร ท่านพ่อฯ
ซึ่งเป็นประธานในการประทับทรงนี้ จะให้คนไข้ที่เป็นนิ่วเข้ามานั่งหน้าแท่นพุทธบูชาห่างจากสามเณรประมาณ ๑ วา
โดยมีพระผู้เชี่ยวชาญวิปัสสนาธุระอีกรูปหนึ่งนั่งอยู่ห่าง ๆ หลับตาทำสมาธิคอยตรวจสอบเหตุการณ์
เมื่อพญานาคเข้าประทับทรงสามเณรแล้ว พญานาคจะบอกให้คนไข้นั่งตามสบาย เพื่อให้ท่านตรวจหาก้อนนิ่วในท้อง และโรคภัยอื่น ๆ ที่อาจมีแอบแฝงอยู่
ใช้เวลาตรวจสอบประมาณ ๑ นาที ก็สามารถจะบอกได้ว่า ในท้องมีนิ่วกี่ก้อน จากนั้นก็ให้คนไข้อ้าปากขึ้น
สักครู่เดียวพญานาคราชเจ้าจะดูดเอาก้อนนิ่วในท้องออกมา แล้วพ่นออกจากปาก (ปากของสามเณร
โดยก้อนนิ่วนี้จะมาเข้าปากสามเณรที่ถูกประทับทรงก่อนแล้วจึงพ่นออกมาอีกที)
พระผู้เชียวชาญวิปัสสนาธุระหลับตาทำสมาธิ จิตคอยตรวจสอบเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลาบอกว่า ขณะที่คนไข้เป็นนิ่วอ้าปากอยู่นั้น
มองเห็นกายทิพย์ของมนุษย์ร่างหนึ่งมีขนาดโตเท่านิ้วก้อยมีรัศมีสุกปลั่ง เหมือนประกายดาวบนฟ้าได้ลอยพุ่งออกจากร่างสามเณร เลื่อนไหลเข้าไปในปากคนไข้
แล้วก็กลับออกมาเข้าร่างสามเณรอย่างเดิม จากนั้นก็เห็นสามเณรพ่นก้อนนิ่วออกจากปาก
ต่อมาพญานาคราชเจ้าได้เข้าประทับทรงทำการักษาโรคใช้ชาวบ้านอย่างพิสดารมหัศจรรย์ นั่น คือ รักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือ
"ลูคีเมีย" ด้วยการสูบเลือดให้ออกจากร่างคนไข้ พ่นออกมาทางร่างประทับทรง ลงกระโถนแล้วเต็มเลือดบริสุทธิ์ให้ด้วยสภาวะทิพย์
ปรากฏว่ารักษาคนไข้ที่เป็นโรคมะเร็งของเม็ดเลือดขาวด้วยวิธีนี้ หายเป็นปกติมีอายุยืนยาวต่อไปหลายรายเป็นที่เลื่องลือ
พญานาคราชเจ้าที่เข้าประทับทรงสามเณรเพื่อรักษาโรคนั้น นอกจากรักษาโดยการสูบนิ่วออกจากคนไข้แล้ว ยังสามารถรักษาคนที่ถูกผีกระทำ
คนมีวิชาอาคมกระทำอีกด้วย เช่น สูบตะปูขนาด ๓ นิ้ว ๓ ดอก ออกจากคนไข้รายหนึ่ง อีกรายหนึ่งได้สูบเอากระดูกผียาวประมาณคืบศอกออก
บางรายก็สูบเอาเส้นผมผีตายท้องกลมบ้าง ก้อนกรวดบ้าง ด้วยมัตตาสังข์ คางคกตายซาก เศษกระดูก ของมีคมและอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่าง
ซึ่งสิ่งของเหล่านี้ท่านพ่อฯ ได้เก็บไว้ให้คนที่รักษาเป็นบางส่วน ที่เก็บไว้ก็มีไม่ได้มาก เช่น เนื้อควายสด ๆ เปลวหมูดิบ ๆ หนังควาย คุณไสยสด ๆ
ประเภทนี้เมื่อสูบออกจากท้องจะมีขนาดเท่าหัวแม่มือเท่านั้น แต่สักประเดี๋ยวก็จะเกิดอาการสั่นกระดุกกระดิกคล้ายสิ่งมีชีวิตและขยายตัวโตขึ้น ๆ
เอาไปชั่งดูปรากฏว่าน้ำหนัก ๓-๔ กิโลกรัมก็มี ต้องให้ศิษย์วัดเอาไปฝังในป่าช้า
ท่านพ่อฯ บอกว่าพวกคุณไสยนี้เป็นวิชาลึกลับร้ายกาจของพวกเขมรและอิสลาม พญานาคราชเจ้าท่านบอกว่าตรวจเห็นได้ง่ายกว่าอย่างอื่น
เพราะเป็นวัตถุที่มีอยู่ในโลก แต่ถ้าเป็นวิญญาณผีร้ายประเภทต่าง ๆ เข้าสิงในร่างแล้ว จะมองเห็นเป็นจุดดำ ๆ หลบซ่อนอยู่ในร่างกายคนไข้ที่โน่นที่นี่
ต้องสำทับสั่งให้ปรากฏร่างมั นถึงจะแสดงตัวเป็นรูปร่างให้เห็น
พญานาคจะสั่งให้มันออกจากร่างคนไข้ ผีบางตัวก็ยอมโดยดีด้วยความกลัว แต่ผีบางตัวดุร้ายมีฤทธิ์ไม่ยอมออกง่าย ๆ
ผีประเภทนี้พญานาคราชเจ้าท่านเพียงแต่คอยยืนกำกับสั่งการให้ร่างทรงปราบเองโดยบอกคาถาปราบให้บ้าง ซึ่งคนไข้เหล่านี้เมื่อวิญญาณผีออกจากร่างไป
ก็จะหายเป็นปกติ
การรักษาคนไข้ของพญานาคราชเจ้า ด้วยการเข้าประทับทรงนี้ส่วนมากหายขาดจากโรงภัยได้อย่างมหัศจรรย์ แต่ก็มีหลายรายเหมือนกันที่ไม่รอด
เพราะถึงคราวที่ต้องตายไปตามวิบากกรรมของตน รายไหนจะไม่รอด พญานาคราชเจ้าจะตรัสผ่านทางร่างประทับทรงว่า
คนไข้รายนี้อาการหนักนะท่านเจ้าคุณ ถ้าท่านบอกอย่างนี้ก็แปลว่าแย่ ไม่มีทางรักษาได้นอกจากจะผ่อนหนักเป็นเบา เช่นกำหนดคงจะตายภายในสามวันหรือเจ็ดวัน
แต่พ่อแม่หรือลูกหลานอยู่ไกลยังมาไม่ถึงอยากเห็นหน้าอยากจะสั่งเสียอะไรเหล่านี้ พญานาคราชเจ้าก็พอจะช่วยต่ออายุให้ได้บ้างตามสมควรแก่กรณี ฯ
ที่มา - เว็บ thatphanom.com