ตามรอยพระพุทธบาท

เพราะเหตุใด..จึงมี "บั้งไฟพญานาค" ในวันออกพรรษาทุกปี (ตอนที่ 15)
webmaster - 3/4/08 at 05:20

(Update 27 ก.ย. 51)

« | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
| 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | »


ตอนที่ 15

รายการ "สารคดีแม่น้ำโขง มหานทีแห่งชีวิต" ตอนที่ 3




สารคดีแม่น้ำโขง มหานทีแห่งชีวิต

ตอนที่ 3 ชีวิตบนสายน้ำ

ออกอากาศเมื่อ : 2008-05-19



หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี บุกเมืองพญานาค
โดย สิทธา เชตวัน
หนังสือโลกทิพย์ ฉบับที่ 11 ปีที่ 2 เดือนมีนาคม 2526


พญานาคมีจริงหรือ ?

"........คนไทยเราชาวพุทธ พอเกิดมาเดินได้เข้าไปตามวัดวาอารามย่อมจะเคยได้พบเห็นรูปร่างพญานาค ประดิษฐานอยู่ตามราวบันไดทางขึ้นสู่โบสถ์ วิหาร กุฏิศาลา มณฑป พญานาคทำด้วยไม้ก็มี ปั้นด้วยปูนทาสี มีหงอนแดง อ้าปากแลบลิ้นแดงฉานน่าสะดุ้งกลัวก็มี

.........รูปพญานาคที่ประดับอยู่ตามหน้าจั่วกุฏิศาลาโบสถ์วิหารนั้น เรียกว่า "นาคสะดุ้ง" เป็นศิลปกรรมเอกลักษณ์ที่พบเห็นได้ทุกแห่ง คติความเชื่อถือของชาวพุทธ มีความเชื่อว่า พญานาคมีจริง มีบ้านเมืองอยู่ใต้พื้นพิภพเรียกว่า "เมืองบาดาล"

พญานาคเป็นพวกกายทิพย์ครึ่งหนึ่งเป็นสัตว์เดรัจฉานอีกครึ่งหนึ่งเป็นเทพยดา มีมหิทธิฤทธิ์ศักดานุภาพยิ่งนัก สามารถเนรมิตบิดเบือนร่างกาย ให้เป็นมนุษย์ชายและหญิงก็ได้ เนรมิตเป็นพญางูใหญ่ลำตัวโตขนาดไหนก็ได้ คติทางพุทธศาสนาถือว่าพญานาคเป็นเทพยดาเฝ้าพิทักษ์วัดวาอารามและปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ในพระศาสนาทั่วไป

ข้าพเจ้าสนใจเรื่องพญานาคมานานแล้ว ได้พยายามศึกษาค้นคว้า หาทางพิสูจน์อยู่เสมอมา แต่เป็นเรื่องเร้นลับอยู่เหนือธรรมชาติของ ตา หู จมูก กายของปุถุชนจะสัมผัสให้เห็นได้โดยยากเพราะเป็นสภาวะทิพย์วิสัย

แต่ถึงอย่างไร ข้าพเจ้าก็มิท้อถอย ได้พากเพียรศึกษาค้นคว้ารวบรวมเรื่องพญานาคอยู่เรื่อยมา เรื่องที่รวบรวมได้มา จึงอยู่ในลักษณะเล่าสู่ท่านผู้อ่านฟังซึ่งยังไม่มีการพิสูจน์ลงไปให้แน่ชัดว่าเป็นจริงเช่นสองบวกสองเป็นสี่ อย่างไรก็ตามเรื่องราวที่รวบรวมได้มา ล้วนมาจากผู้ทรงศีล มีธรรมวินัย หากท่านเหล่านั้น นำเรื่องพญานาคมาโกหกเป็นความเท็จ ต้องเป็นบาปหนักแน่ ๆ ขอให้ข้าพเจ้าและท่านผู้อ่านมีความเชื่อว่า ท่านผู้ทรงศีลจะไม่เสกสรรปั้นแต่งเรื่องขึ้นมาหลอกลวงพวกเราให้งมงาย

มีพระธุดงค์ผู้เฒ่าองค์หนึ่งอายุเกือบร้อยปีแล้ว มีฌานตบะแก่กล้าอยู่แต่ในป่าในถ้ำมา 40 กว่าปีแล้ว ไม่เคยเข้าหมู่บ้านหรือเข้าอยู่ที่วัดใดวัดหนึ่งเลย เวลานี้ท่านลี้ภัยออกจากลาวแดงมาอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งริมฝั่งโขงฝั่งไทย ท่านชื่อ หลวงปู่คำคะนิง อายุ 86ปี

เรื่องถ้ำเรื่องป่าเขาแดนลี้ลับอันตรายต้องยกให้หลวงปู่คำคะนิง ท่านผ่านถ้ำผ่านภูเขามานับร้อยนับพันแห่งในอินโดจีนและฝั่งโขงทั้งสองฟาก ผจญเสือ ผจญช้าง กระทิงป่า มหิงสา หมียักษ์และงูร้ายอสรพิษนานาชนิด มาแล้วอย่างโชกโชน ตลอดจนภูตวิญญาณร้ายกาจสารพัดภูตผีปีศาจคะนองไพร และที่น่าสนใจที่สุด

“หลวงปู่คำคะนิงเคยเข้าไปในถ้ำใต้แม่น้ำโขง เดินสามวันสามคืนไม่หยุดยั้ง พบเมืองบาดาลนาคพิภพของพญานาค มหัศจรรย์ที่สุด”

เรื่องนี้จึงทำให้อยากไปพบหลวงปู่คำคะนิง เพื่อสอบถามเรื่องเมืองพญานาคใต้แม่น้ำโขง ถ้าสามารถเป็นไปได้ อยากจะให้หลวงปู่คำคำคะนิงพาเข้าถ้ำที่ว่านี้ ไปดูชมเมืองนาคพิภพให้เป็นบุญตา

ก่อนที่จะกล่าวถึงเรื่องการไปนมัสการ "หลวงปู่คำคะนิง" ที่ถ้ำคูหาสวรรค์(อ.โขงเจียม จ.อุบลฯ) ริมฝั่งโขง ตอนใกล้ปากแม่น้ำมูลไหลตกลงสู่แม่น้ำโขง ข้าพเจ้าขอกล่าวถึงเรื่องพญานาคที่รวบรวมไว้ แทรกเข้าขัดจังหวะสักเล็กน้อย เพื่อเป็นการประกอบเรื่องให้มีน้ำหนักขึ้น

รัตนสูตร

พระบาลีพระสูตรต่าง ๆ ของพุทธศาสนามีกล่าวถึง "พญานาค" อยู่บ่อย ๆ พระพุทธมนต์หรือพระปริตรที่พระและฆราวาสนิยมสวดกันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์ ป้องกันบำบัดปัดเป่าภยันตรายต่าง ๆ และบันดาลให้ประสบสิ่งที่เป็นมงคลได้ อย่างใน “รัตนสูตร” ได้เล่าไว้ไนอรรถกถาว่า

ในสมัยหนึ่ง พระนครเวสาลีได้เกิดทุพภิกขภัยความอดอยากข้าวยากหมากแพง ฝนแล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาล ผู้คนพากันล้มตายเป็นอันมาก เนื่องมาจากความอดอยากหิวโหย เมื่อตายลงแล้วก็ไม่มีผู้ทำจะอนุเคราะห์ช่วยเอาศพไปฝังหรือเผาเสีย ตายที่ไหนก็ถูกทอดทิ้งอยู่ที่นั่น ทำให้กลิ่นศพเหม็นตลบไปทั่วพระนคร เกิดอหิวาตกโรคแพร่ระบาดซ้ำเข้าอีก ทำให้ผู้คนล้มตายลงเหมือนใบไม้ร่วง เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ อำมาตย์ผู้หนึ่งได้กราบทูลพระเจ้าลิจฉวีว่า

“สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพระอรหันต์ บริสุทธิ์จากกิเลสทั้งปวง มีพระหฤทัยประกอบด้วยพระมหากรุณาธิคุณไม่มีผู้เสมอเหมือน ทรงตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จประกาศพระธรรมอันบริสุทธิ์ เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

บัดนี้พระองค์เสด็จประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร ของพระเจ้าพิมพิสาร บรมกษัตริย์กรุงราชคฤห์ พระพุทธองค์ทรงมีอภินิหารบารมีคุณสูงยิ่งนัก ถ้ากราบทูลอัญเชิญขอให้พระพุทธองค์เสด็จมายังพระนครเวสาลี ข้าพระองค์เชื่อเหลือเกินว่า ภัยชั่วร้ายอัปมงคลที่ชาวพระนครเวสาลีประสบอยู่เวลานี้จักต้องสงบราบคาบลงเพราะอานุภาพของพระพุทธองค์”

พระเจ้าลิจฉวีจึงทรงโปรดให้ เจ้าชายมหาลิ พร้อมด้วยบุตรชายของท่านปุโรหิตกับพลนิกรเป็นอันมาก เป็นราชทูตเชิญเครื่องราชบรรณาการไปเฝ้าพระเจ้าพิมพิสาร เพื่อกราบทูลขอประทานโอกาสให้พระผู้มีพระภาคเจ้าได้เสด็จไปบำบัดภัยพิบัติในพระนครเวสาลี พระเจ้าพิมพิสารทรงเห็นใจยินดีสนับสนุนในการที่จะทูลเชิญสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าให้เสด็จสู่พระนครเวสาลี

ต่อจากนั้นจึงได้พากันไปเฝ้าสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วกราบทูลอัญเชิญแจ้งเหตุที่เกิดขึ้นให้พระพุทธองค์ทรงทราบทุกประการ สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสดับคำทูลเชิญเสด็จของคณะราชทูตชาวพระนครเวสาลีแล้ว ทรงใคร่ครวญดูด้วยพุทธญาณก็ทรงทราบว่า

“เมื่อเราสวด รัตนสูตร ในพระนครเวสาลี อาชญาจักแผ่ไปตลอดแสนโกฏิจักรวาล เมื่อสวดรัตนสูตรจบลง สัตว์ทั้งหลายแปดหมื่นสี่พันก็จักบรรลุมรรคผล ภัยทุกอย่างจักสงบไป”

เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบในพระหฤทัยดังนี้แล้ว จึงทรงรับคำทูลเสด็จไปยังพระนครเวสาลีของเจ้าชายมหาลิหัวหน้าคณะราชฑูต แล้วพระพุทธองค์ก็เสด็จสู่พระนครเวสาลีพร้อมด้วยพระสาวกห้าร้อยรูป พระเจ้าพิมพิสารพร้อมต้วยอำมาตย์ราชเสวกและพลนิกรได้ตามเสด็จสมเดจพระผู้มีพระภาคจนถึงฝั่งแม่น้ำคงคา

พระเจ้าพิมพิสารทรงลุยลงไปในแม่น้ำคงคาจนถึงพระศอ เพื่อส่งเสด็จสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยพระภิกษุสาวกที่ลงนาวาข้ามแม่น้ำคงคาไป เหล่าอากาศเทวาเบื้องบนก็ชวนกันทำสักการบูชา ตราบเท่าถึงชั้นอกนิฏฐพรหมโลก และ "พญูานาค" ที่อยู่ในเเม่น้ำคงคาก็พากันมากระทำสักการะบูชาสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า จากข้อความในอรรถกถานี้บอกกล่าวว่า "พญานาค" มีจริง !

((( โปรดติดตามตอน พญานาคผู้มีอิทธิฤทธิ์ )))

« | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
| 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | »